ระบบนิเวศของ HBM (High Bandwidth Memory) กลุ่มหุ้น True Market Leader

Image
โพสต์นี้อธิบาย "ระบบนิเวศของ HBM (High Bandwidth Memory)" ว่ามีใครบ้างที่เป็น ซัพพลายเออร์, ผู้ออกแบบชิป (ASIC), และลูกค้า ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในห่วงโซ่การผลิตเทคโนโลยี AI / Cloud / GPU ในยุคปัจจุบัน --- สรุปความหมายแบบง่าย ๆ: 1. HBM Suppliers (ผู้ผลิตหน่วยความจำ HBM) คือบริษัทที่ผลิต หน่วยความจำความเร็วสูง สำหรับการ์ดจอและ AI chips เช่น H100, MI300X ฯลฯ Micron ($MU) SK Hynix ($HXSCL) Samsung ($SSNLF) > ทั้ง 3 รายนี้คือผู้ผลิต HBM ที่ครองตลาดโลก และจำเป็นต่อ AI ทุกแพลตฟอร์ม --- 2. ASIC Designers (ผู้ออกแบบชิปเฉพาะงาน เช่น AI/TPU) ออกแบบชิปที่ใช้ HBM เช่นชิปของ Google, AWS, Microsoft Broadcom ($AVGO) Marvell ($MRVL) Alchip, GUC (บริษัทออกแบบชิปในเอเชีย) > ชิปพวกนี้ไม่ใช่ GPU แต่เป็นชิปเฉพาะทาง (ASIC) ที่ใช้ใน Cloud Data Center --- 3. HBM Customers (ลูกค้าที่ใช้ HBM) • กลุ่ม GPU NVIDIA ($NVDA) AMD ($AMD) Intel ($INTC) • กลุ่ม Cloud / Big Tech Google ($GOOGL) – ใช้ใน Google TPU Amazon ($AMZN) – ใช้ใน AWS Trainium / Inferentia Microsoft ($MSFT) – ใช้ใน MSFT MAIA Meta ($META) –...

(ตอบคำถาม) หัวใจหลักของการเทรด Odds, RR 1:2 vs 1:3, ทบต้นกำไรน้อย vs Big shot

 



Q: หัวใจหลักของการเทรด คือ กำไรทบต้นที่จะทวีคูณในระยะยาวใช่ไหมครับ ไม่ใช่การมัวแต่หากำไรมากๆ จากการเทรดแต่ละครั้ง

A: เอาทั้งสองอย่างดีกว่าครับ ถ้าได้แบบหลังก็สุดยอดเลย เราคุมตลาดไม่ได้ 

ถ้ามันร้าย-การอยู่รอดและกำไรน้อย คือสิ่งที่ควรทำ หากมันดี ก็ต้องกำไรมาก ๆ มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ ยืดหยุ่นตามตลาดดีกว่า ยึดหลักทฤษฎีนะ

Q: เคยเห็นนักเทรดที่ประสบความสำเร็จ ใช้ RR ส่วนใหญ่แค่ 1:2 แต่สามารถได้กำไร 17 เท่าใน 1 ปี จากการทบต้น และเมื่อดูสถิติได้กำไรรวมมากกว่า RR 1:3 อีก แถม win rate ยังแค่ 55% ซึ่งมากกว่าการทายหัวก้อยเพียงเล็กน้อย

A: ภาพระยะยาวนับสิบปี ค่าเฉลี่ยจะลงไปที่ 1:2 เสมอครับ // แต่ในภาพระยะสั้น ทุกคนจะพยายามทำให้ได้ 1:3 หรือกระทั่ง 1:5 ให้ได้ก่อนครับ เพราะเขาไม่รู้ว่าครั้งหน้าเขาออาจจะผิดพลาดติดต่อกัน Losing streak กี่รอบ จะ Drawdown หนักแค่ไหน จำไว้เสมอว่า คุณไม่สามารถควบคุมตลาดได้ ถ้าตลาดให้เงินเซียนจะบุกหนักมาก เพราะเป็นการการันตีกำไรเอาไปถัวเผื่อ Drawdown ด้วยครับ คุณคือ Growth stock ที่ไม่มีวันจบรอบ ไม่ใช่หุ้นปั่น

Q: การได้กำไรจาก RR มากๆในการเทรด เหมือนโบนัสจากการทำงานของนักเทรดที่ชำนาญเท่านั้น แต่ถ้าจะมุ่งหากำไรมากๆในการเทรดแต่ละครั้ง มันเป็น mindset ที่ไม่ถูกต้อง

A: ใช่ครับ กำไรโต = โบน้ส แต่การมุ่งหากำไรโตไม่ใช่ Mindset ที่ผิดครับ ถ้าคุณมีการบริหารความเสี่ยงที่รัดกุมทุกครั้ง (Trend Following คือสไตล์ที่คาดหวังกำไรโตมหาศาล Market Wizards เกือบครึ่งมีสไตล์นี้) ในเมื่อ ผลการเทรดมีโชคเข้ามาเกี่ยวข้องครึ่งหนึ่งเสมอ (อ่าน Black Swan, Random Walk ของ Taleb กับ Psychology of Money) ถ้าโชคไม่เข้าข้างต้องรอด หากโชคเข้าข้างต้องเอาให้เยอะครับ

Q: การเทรดในช่วงแรก จะเป็นไปได้ช้า เพราะ ต้องใช้เวลาในการเพิ่มทุน แต่พอทุนมากขึ้นแล้ว จะยิ่งได้กำไรมากขึ้นๆไปอีกจากการทบต้น

A: ความเชื่องช้าในช่วงแรก มักจะมาจากการลองผิดลองถูกเพื่อสร้างระบบที่ลงตัวสำหรับการทำเงิน คุณต้องเอาตัวรอดให้ได้ก่อน สะสมทักษะ ประสบการณ์ให้ได้ก่อน ไม่มีใครเข้ามาแล้วนับหนึ่งได้ทันที คุณต้องปรับตัวให้เข้ากับตลาด หาสไตล์ ระบบที่สอดคล้องกับความเชื่อ จริตของคุณ (ถ้าไม่สอดคล้องก็จะหมดตัวหมดไฟหมดใจไปก่อน) มีไม่น้อยที่ต้องใช้เวลาในการฟื้นจาก Drawdown หลายปี // เมื่อตั้งหลักได้แล้ว การทบต้นจึงเริ่มขึ้น ซึ่งต้องใช้เวลา-ถ้าคุณมีทุนน้อย แต่ถ้าทุกอย่าลงตัว คุณมีเงินก้อนโต-การทบต้นก็จะมี impact มากกว่าครับ

Q: การเทรดไม่ใช่งานที่จะต้องรีบทำกำไรเกินตัว เพราะ จะทำให้เรา over trade และ ใช้ risk มากเกิน ทุนที่ตัวเองมี จนเจ๊ง

A: ถูกต้องครับ

Q: การโฟกัสกับการคุมความเสี่ยง จึงสำคัญที่สุด เพื่อที่จะสามารถยืนระยะ จนเกิดพลังการทบต้นได้ในระยะยาว

A: ถูกต้องครับ


7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

(มือใหม่เล่นหุ้น) แชร์หลักการหาหุ้นเล่นจาก Top Gainer แบบเม่าๆ

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

แนะวิธีดูกราฟหุ้นเบื้องต้น

Volume (โวลุ่ม เทรด ซื้อขายหุ้น) คืออะไร เขาบอกอะไรเราบ้าง?

VCP (Volatility Contraction Pattern) และรูปแบบที่คล้ายกัน