สาเหตุที่ทำให้นักเทรดส่วนใหญ่ ต้องขาดทุนซ้ำซาก หรือ ไม่สามารถทำกำไรได้สม่ำเสมอ

Image
สาเหตุที่ทำให้นักเทรดส่วนใหญ่ ต้องขาดทุนซ้ำซาก หรือ ไม่สามารถทำกำไรได้สม่ำเสมอ ๑) เทรดแบบงานอดิเรก - มาทรงนี้ จะไปไวมาก เพราะงานอดิเรกมีแต่จ่าย และจ่าย // อีกกลุ่มใหญ่ไม่แพ้กันคือ เทรดแบบการพนัน เล่นหุ้นเสี่ยงสูงทั้งๆ ที่ตนเองความรู้แทบไม่มี จำคำพูดเซียนมาใช้เป็นกลยุทธ์ ๒) ถึงแม้จะตั้งใจศึกษาเล่าเรียน หาความรู้และฝึกฝนอย่างหนัก ก็ยังคงมีโอกาสขาดทุนหนักอยู่ เพราะ - ไปได้ข้อมูล แนวทางที่ผิด โดยเฉพาะการโฟกัสที่ผลลัพธ์ที่แม่นยำสูง + เทรดโดยไม่มีการบริหารความเสี่ยง - แต่แม้จะได้ข้อมูลที่ดี ก็ยังมีโอกาสขาดทุนยับอยู่ ถ้าคุณมีความเชื่อที่ตรงข้ามกับกลยุทธ์/กระบวนการและกฎการเทรดที่ทำเงิน -- แบบนี้เรียกว่าความขัดแย้งจากภายใน ตัวอย่างที่ชัดมากคือ กลยุทธ์ให้คุณตัดขาดทุน แต่ถ้าภายในใจของคุณไม่เชื่อ คุณก็ทำตามไม่ได้ // กลยุทธ์ให้คุณบริหารความเสี่ยง แต่ถ้าคุณอยากรวยเร็ว คุณก็ไม่ยอมทำตาม ๓) ประสบการณ์ คือ ตัวแปรสำคัญ ของการเทรดที่ได้กำไรสม่ำเสมอ ถ้าคุณมีประสบการณ์มากพอ คุณผ่านเกมมากพอ คุณจะเข้าใจหลายเรื่อง ที่มันขัดกับความเชื่อทั่วไปของมนุษย์ได้ เพราะหลายเรื่องของเกมการเทรดนั้น ไม่ได้มีไว้เพื่อเอาชนะ -

คำแนะนำมูลค่าล้านเหรียญจากพี่มาร์ค อย่าหา Odds แต่จงสร้าง Risk Rewards

"คำแนะนำมูลค่าล้านเหรียญ

คุณไม่จำเป็นต้องหา "ค้นหา" Odds ในตลาด... 

คุณสามารถสร้างมันขึ้นมาได้

โดยการควบคุม Risk ที่เกี่ยวข้องกับ Reward ที่อาจเกิดขึ้น"

- Mark Minervini


Odds ในเกมเก็งกำไรคืออะไร?

ในโลกของการเก็งกำไร (หรือการลงทุนและการซื้อขาย) คำว่า "odds" สามารถแปลได้หลายความหมาย ขึ้นอยู่กับบริบทของการใช้งาน แต่โดยทั่วไปแล้ว "odds" ในที่นี้มักจะหมายถึง:


### ความหมายของ "Odds" ในเกมเก็งกำไร

1. **ความน่าจะเป็น (Probability):**

   - หมายถึงโอกาสที่เหตุการณ์หนึ่งจะเกิดขึ้น เปรียบเสมือนการทำนายหรือการคาดเดาโอกาสของการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ เช่น โอกาสที่ราคาหุ้นจะขึ้นหรือลง

.

2. **อัตราส่วนของความเสี่ยงต่อผลตอบแทน (Risk-Reward Ratio):**

   - หมายถึงการเปรียบเทียบระหว่างความเสี่ยงที่คุณต้องรับกับผลตอบแทนที่คุณคาดหวังจะได้รับ การใช้ "odds" ในบริบทนี้เป็นการวิเคราะห์ว่าการลงทุนมีความคุ้มค่าแค่ไหน ตัวอย่างเช่น หากคุณเสี่ยง 100 ดอลลาร์ เพื่อทำกำไร 300 ดอลลาร์ อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนจะเป็น 1:3

.

3. **โอกาสที่เหตุการณ์จะเกิดขึ้น (Likelihood):**

   - หมายถึงการคาดการณ์โอกาสที่ผลลัพธ์หนึ่งจะเกิดขึ้นในตลาด เช่น โอกาสที่ราคาหุ้นจะถึงระดับราคาที่คุณคาดหวัง

.

### การประยุกต์ใช้ "Odds" ในการเก็งกำไร

- **การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis):** นักลงทุนอาจใช้เครื่องมือและกราฟเพื่อวิเคราะห์และคำนวณโอกาสที่ราคาจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางหนึ่งๆ

- **การจัดการความเสี่ยง (Risk Management):** นักลงทุนจะพิจารณาอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนเพื่อกำหนดจุดเข้าและจุดออกจากการลงทุน

- **การตั้งค่ากลยุทธ์ (Strategy Setting):** นักลงทุนจะสร้างกลยุทธ์ที่เพิ่มโอกาสในการทำกำไรโดยการควบคุมความเสี่ยงให้ต่ำสุดและเพิ่มผลตอบแทนให้มากที่สุด

.

### ตัวอย่างเชิงปฏิบัติ

สมมติว่าคุณมีการวิเคราะห์ที่แสดงว่า:

- มีโอกาส 70% ที่ราคาหุ้นจะขึ้น (ความน่าจะเป็น)

- คุณกำหนดจุดขาดทุนที่ยอมรับได้ที่ 50 ดอลลาร์ และคาดหวังผลตอบแทนที่ 150 ดอลลาร์ (อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน 1:3)

.

ในกรณีนี้ "odds" ที่คุณกำลังคำนวณคือโอกาสที่ราคาหุ้นจะขึ้นและอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนที่คุณยอมรับได้

.

### สรุป

ในโลกการเก็งกำไร "odds" มักจะหมายถึงโอกาสและความน่าจะเป็นที่เหตุการณ์หนึ่งจะเกิดขึ้น รวมถึงการวิเคราะห์อัตราส่วนของความเสี่ยงต่อผลตอบแทนเพื่อให้การลงทุนหรือการซื้อขายของคุณมีโอกาสประสบความสำเร็จมากขึ้น

.

.

.

*** ทำไมพี่มาร์คจึงบอกว่าการลงทุนหรือการเทรดในตลาดการเงินไม่ใช่เรื่องของการหา Odds แต่เป็นเรื่องของการสร้างความน่าจะเป็นโดยการควบคุมความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้เมื่อเทียบกับผลตอบแทนที่คุณคาดหวัง?

.

ขอตีความว่า

"อย่าพึ่งพา/คาดหวังให้ตลาดมอบแต้มต่อให้คุณเพียงฝั่งเดียว

แต่ให้ใช้ความสามารถในการบริหาร Risk Reward ของตนเองไปใช้ร่วมด้วย

เพราะเราไม่สามารถควบคุมตลาดได้ มันจะทำในสิ่งที่มันอยากจะทำ

สิ่งที่เราทำได้แน่นอนคือ บริหารการเทรดของเราให้ดีที่สุด

โดยขนาดของก้อน Risk ต้องเล็กกว่าก้อน Reward เสมอ"

.

.

หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ

1. **ความเสี่ยงและผลตอบแทน:**

   - **ความเสี่ยง(Risk):** จำนวนเงินที่คุณสามารถสูญเสียได้ในการลงทุนหนึ่งๆ

   - **ผลตอบแทน(Reward):** จำนวนเงินที่คุณคาดหวังว่าจะได้รับจากการลงทุนนี้

.

2. **การควบคุมความเสี่ยง:**

   - ตั้งเป้าหมายและข้อจำกัดในการขาดทุนที่ยอมรับได้

   - ใช้เครื่องมือเช่น Stop Loss (การกำหนดจุดขายเมื่อราคาลดลงถึงระดับหนึ่ง) เพื่อลดความเสี่ยง

.

3. **การประเมินผลตอบแทน:**

   - ประเมินความเป็นไปได้ของผลตอบแทนที่คาดหวังจากการลงทุนหรือการซื้อขายนั้นๆ

   - วิเคราะห์ตลาดและทำการวิจัยเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับความน่าจะเป็นของการเคลื่อนไหวของราคา

.

4. **การสร้าง Odds:**

   - ใช้กลยุทธ์การลงทุนหรือการซื้อขายที่มีการควบคุมความเสี่ยงที่ชัดเจน

   - ปรับแผนการลงทุนหรือการซื้อขายตามการวิเคราะห์และข้อมูลที่มีอยู่

   - ติดตามและปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ในตลาด

.

### ตัวอย่างที่ง่ายๆ

สมมติคุณมีเงิน 1,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ และคุณต้องการลงทุนในหุ้น คุณต้องกำหนดว่า:

- คุณยอมรับการขาดทุนได้ไม่เกิน 100 ดอลลาร์ (ความเสี่ยง)

- คุณคาดหวังผลตอบแทนอย่างน้อย 300 ดอลลาร์ (ผลตอบแทน)

.

ถ้าหากหุ้นนี้มีความเป็นไปได้ที่จะให้ผลตอบแทนที่ดี คุณอาจจะตัดสินใจลงทุน แต่คุณต้องใช้เครื่องมือเช่น Stop Loss เพื่อป้องกันการขาดทุนมากเกินไป

.

ด้วยเหตุนี้...

การลงทุนหรือการเทรดที่ประสบความสำเร็จไม่ใช่เรื่องของการหาความน่าจะเป็นที่ดีในตลาด แต่เป็นเรื่องของการควบคุมความเสี่ยงของคุณให้สัมพันธ์กับผลตอบแทนที่คาดหวังอย่างมีประสิทธิภาพ การเข้าใจและใช้กลยุทธ์นี้จะช่วยให้คุณมีโอกาสประสบความสำเร็จมากขึ้นในระยะยาว



*** คลังความรู้การเทรดออนไลน์ ชมฟรี 1000++ คลิป เหมาะสำหรับนักเล่นหุ้นมือใหม่มากที่สุดครับ

https://www.zyo71.com/p/index-of-zyo.html


*** (อ่านฟรี!) คลังความรู้เรียนเทรดหุ้น 600 ++ บทความ

https://www.zyo71.com/p/index.html

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

อธิบาย Wyckoff Accumulation Phase แบบละเอียดยิบ

VCP (Volatility Contraction Pattern) และรูปแบบที่คล้ายกัน

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ

วิธีการอ่านสัญญาณแท่งเทียน (Candlesticks Reading) สำหรับมือใหม่

แท่งเทียนกลับตัว - Reversal Candlesticks