Marios Stamatoudis สวิงเทรดปั้นพอร์ตโต 291.2% ในปีเดียว เขาทำได้อย่างไร?

Image
Marios Stamatoudis ได้รับอันดับที่ 4 ในการแข่งขัน US Investing Championship 2023 ด้วยผลตอบแทน 291.2% แปลจาก https://retailtradersrepository.substack.com/p/marios-stamatoudis-the-traderlion (สนับสนุนโดย) eBook : คิดและสวิงเทรดเป็นระบบแบบพี่แดน (Dan Zanger) มีจำหน่ายที่แอพ Meb ที่เดียว https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTk5MjQzNSI7czo3OiJib29rX2lkIjtpOjM0NDM3MTt9 กระบวนการเรียนรู้การเทรด (Process of Learning to Trade) ศึกษาจากนักเทรดที่ประสบความสำเร็จในอดีต   เริ่มต้นด้วยการดูและพยายามวิเคราะห์กลยุทธ์ของนักเทรดชื่อดัง พบว่ามีกลยุทธ์ที่คล้ายคลึงกันในหลายกรณี เช่น   - การ Short หุ้นที่ขึ้นไป 100-200% ภายใน 3-4 วันติดกัน: นักเทรดจะรอจังหวะวันที่หุ้นเริ่มอ่อนแรงแล้วเข้า Short   - การ Long หุ้นที่มี Catalyst: เช่น หุ้นที่มีข่าวดีและราคากระโดดขึ้นจากกรอบเดิม   ปรับตัวจาก Day Trading สู่ Swing Trading เมื่อเริ่ม Day Trade และประสบความสำเร็จบางส่วน เขาพบว่าการจัดการความเสี่ยงและการเทรดข...

Indicator ตัว ไหน ดี ที่สุด?

 


การเลือกใช้ Indicator ที่ดีที่สุดนั้นขึ้นอยู่กับลักษณะการลงทุนและสไตล์การเทรดของนักลงทุนแต่ละคน ไม่มี Indicator ใดที่สามารถใช้ได้ดีที่สุดในทุกสถานการณ์ การเลือกใช้ Indicator ที่เหมาะสมต้องพิจารณาจากหลายปัจจัย เช่น ประเภทของตลาด สภาวะตลาด เป้าหมายการลงทุน และระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ นี่คือตัวอย่าง Indicator ที่ได้รับความนิยมและเหมาะสมกับการใช้งานในสถานการณ์ต่าง ๆ:


1. Moving Averages (MA)

- Simple Moving Average (SMA): ใช้ค่าเฉลี่ยราคาหุ้นในช่วงเวลาที่กำหนด เป็นเครื่องมือที่เรียบง่ายและใช้งานง่าย

- Exponential Moving Average (EMA): ให้ความสำคัญกับราคาล่าสุดมากกว่า เหมาะสำหรับการติดตามแนวโน้มระยะสั้น


2. Relative Strength Index (RSI)

- เป็นเครื่องมือวัดความแข็งแรงและความอ่อนแอของราคาในช่วงเวลาที่กำหนด ช่วยระบุระดับ Overbought (ซื้อมากเกินไป) และ Oversold (ขายมากเกินไป)


3. Moving Average Convergence Divergence (MACD)

- ใช้ในการระบุแนวโน้มและจุดกลับตัวของราคา ประกอบด้วยเส้น MACD เส้น Signal และ Histogram ช่วยให้เห็นการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มและแรงกระตุ้นของตลาด


4. Bollinger Bands

- ประกอบด้วยเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average) และเส้นเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) บนและล่าง ช่วยในการระบุความผันผวนของราคาและจุดซื้อขาย


5. Stochastic Oscillator

- เป็นตัวชี้วัดที่ใช้ในการระบุระดับ Overbought และ Oversold โดยวัดความสัมพันธ์ระหว่างราคาปิดล่าสุดกับช่วงราคาที่กำหนด


6. Fibonacci Retracement

- ใช้ในการระบุระดับแนวรับและแนวต้านที่สำคัญ โดยใช้เลข Fibonacci Sequence ในการคำนวณระดับต่าง ๆ


7. Average Directional Index (ADX)

- ใช้ในการวัดความแข็งแกร่งของแนวโน้ม ช่วยให้นักลงทุนรู้ว่าแนวโน้มที่กำลังเกิดขึ้นนั้นแข็งแกร่งหรืออ่อนแอ


8. Volume Indicators

- เช่น On-Balance Volume (OBV) และ Volume Moving Average ใช้ในการวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายเพื่อยืนยันแนวโน้มและแรงกระตุ้นของตลาด


การเลือก Indicator ที่เหมาะสม

การเลือก Indicator ที่เหมาะสมต้องพิจารณาจากสไตล์การลงทุนและลักษณะของตลาดที่คุณกำลังลงทุน:

- นักลงทุนระยะยาว: ใช้ Indicator ที่เกี่ยวข้องกับแนวโน้มระยะยาว เช่น Moving Averages, MACD

- นักลงทุนระยะสั้นหรือเทรดเดอร์: ใช้ Indicator ที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวระยะสั้น เช่น RSI, Stochastic Oscillator

- ตลาดที่มีความผันผวนสูง: ใช้ Indicator ที่ช่วยในการระบุความผันผวน เช่น Bollinger Bands, ATR (Average True Range)


นักลงทุนควรทดลองใช้ Indicator หลาย ๆ ตัว และปรับให้เข้ากับสไตล์การลงทุนของตนเอง การใช้ Indicator ร่วมกันหลาย ๆ ตัวเพื่อยืนยันสัญญาณ (Confluence) จะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการตัดสินใจลงทุน


7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

VCP (Volatility Contraction Pattern) และรูปแบบที่คล้ายกัน

Oliver Kell: วงจรของการเคลื่อนไหวของราคา (Cycle of Price Action)

Marios Stamatoudis สวิงเทรดปั้นพอร์ตโต 291.2% ในปีเดียว เขาทำได้อย่างไร?