ZYO BLOG

สิ่งที่แยกเทรดเดอร์ที่เก่งที่สุดออกจากคนอื่นๆ คือระดับการตระหนักรู้ในตนเอง ความได้เปรียบในการซื้อขายที่ดีที่สุดที่คุณสามารถทำได้คือการรู้จักตัวเอง เมื่อเราไม่เข้าใจตัวเองและอารมณ์ของเรา เราทำการเลือกที่ไม่ถูกต้อง แต่เมื่อเราสามารถระบุอารมณ์เหล่านั้นว่าเป็นอะไรและทำงานอย่างไรภายในตัวเรา เราก็สามารถเริ่มตัดสินใจอย่างรอบรู้เกี่ยวกับวิธีตอบสนองที่ดีที่สุดในสถานการณ์ใดก็ตาม และนั่นคือที่มาของความสำเร็จในการซื้อขาย ความสามารถในการระบุอารมณ์ของคุณและทำการตัดสินใจที่ดีโดยไม่ปล่อยให้อารมณ์เหล่านั้นมารบกวนคุณ หากคุณทำได้ คุณจะพบว่าตัวเองอยู่ในสภาพที่ดีขึ้นมากในการรับมือกับความท้าทายที่การซื้อขายนำเสนอ คุณจะสามารถสงบสติอารมณ์ได้เมื่อสิ่งต่าง ๆ วุ่นวาย และคุณจะรู้ว่าถึงเวลาที่ต้องพักหายใจหรือเดินออกจากโต๊ะทำงานของคุณ เมื่อเราตระหนักถึงอคติและแนวโน้มของเรา เราสามารถเริ่มอธิบายถึงอคติเหล่านั้นได้ เรายังสามารถเริ่มเห็นสถานการณ์และสถานการณ์ที่พวกเขามีแนวโน้มที่จะเข้ามามีบทบาท สิ่งนี้ช่วยให้เราหลีกเลี่ยงความผิดพลาดราคาแพงที่สามารถยุติอาชีพการค้าของเราได้อย่างรวดเร็ว หากคุณกำลังมองหาความได้เปรียบ อย่าเส

Ivanhoff: "ตลาดหุ้นไม่ใช่เกมที่ฝ่ายหนึ่งชนะอีกฝ่ายหนึ่งต้องแพ้ มันเป็นเกมที่ปกครองด้วยวัฏจักร - ช่วงเวลาที่เกือบทุกคนเป็นผู้ชนะตามด้วยช่วงเวลาที่เกือบทุกคนเป็นผู้แพ้ . หากคุณเรียนรู้ที่จะแยกแยะความแตกต่างระหว่าง 2 ช่วงเวลานั้น คุณจะได้รับผลตอบแทนมากมาย" ลอเรน เฟลคเกนสไตน์: "มันสำคัญพอๆ กับผมที่ต้องรู้ว่าเมื่อใดที่หุ้นผู้นำไม่ได้สร้างฐานเสียงเหมือนตอนที่พวกมันกำลังฟื้นตัวหรือกำลังแตกตัว" ผู้ค้าเหล่านี้เป็นจุดสำคัญที่ผู้ค้ารายใหม่จำนวนมากพลาด ตลาดต้องผ่านวัฏจักร โดยการขยายรูปแบบการซื้อขายที่แตกต่างกันจะต้องผ่านวัฏจักร หากรูปแบบการเทรดของคุณไม่สอดคล้องกับสิ่งที่อยู่ในวัฏจักร ผลลัพธ์ของคุณก็จะแย่ลง คุณไม่สามารถบังคับวัฏจักรนี้ได้ ไม่ว่าคุณต้องการมากแค่ไหนก็ตาม ไม่ต้องพยายามให้แม่นยำกับการเข้า/ออก/การจัดการของคุณ หากรูปแบบที่คุณพยายามเทรดไม่สอดคล้องกับวัฏจักร mkt คุณก็จะเสียเงินอยู่ดี แม้ว่าคุณจะมีความแม่นยำก็ตาม ไม่ว่าธง "5 ดาว" จะดูเป็นอย่างไร การทำความเข้าใจกับวัฏจักรเหล่านี้และเมื่อใดควรก้าวร้าวและเมื่อใดควรถอยกลับไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เป็นหนึ่งในสิ่งที่สำคัญ

หลักการแห่งชีวิตของสโตอิก เช่นเดียวกับสำนักปรัชญาอื่น ๆ ลัทธิสโตอิกยังมีหลักการที่ยึดถือและกลายเป็นรากฐานสำหรับผู้ที่ต้องการใช้กรอบความคิดนี้ หลักการของสโตอิกรวมถึง: 1. เราสามารถควบคุมสิ่งที่อยู่ในการควบคุมของเราได้เท่านั้น นั่นคือความคิดและการกระทำของเราเอง อีกทั้งเป็นเรื่องภายนอกที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของเรา ดังนั้นสิ่งที่เราควบคุมได้คือการประเมินภายนอกเหล่านี้ เหตุการณ์ สถานการณ์ ความคิด และความเห็นของผู้อื่นที่มีต่อเรา ยิ่งเราพยายามควบคุมสิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุม เราจะยิ่งผิดหวัง ผิดหวัง หรือแม้แต่อกหัก ดังนั้นจงโฟกัสไปที่สิ่งที่เราควบคุมได้ซึ่งก็คือตัวเราเอง 2. คาดหวังสิ่งที่ดีที่สุด แต่ก็เตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดด้วย 3. ฝึกฝนตัวเองให้สร้างระยะห่างทางอารมณ์จากสิ่งรอบตัวคุณ ความห่างเหินไม่ได้ทำให้มนุษย์เราเย็นชาหรือเฉยเมย แต่ตรงกันข้าม สิ่งที่เรามีอยู่อาจสูญเสียไปได้ทุกเมื่อ 4. เข้าใจว่าชีวิตนี้ไม่มีอะไรถาวร (สิ่งที่เรามีอาจเสียหายหรือสูญหายได้ ไม่เว้นแม้แต่บุคคลอันเป็นที่รัก อำนาจ ชื่อเสียง ไม่มีความแน่นอน 5. เห็นคุณค่าของสิ่งที่อยู่รอบตัวเราโดยไม่ใช้มันอย่าง

จากช่อง ZyoStoic 1. พวกเขาไม่เสียเวลามานั่งเสียใจกับตัวเอง พวกเขารับผิดชอบชีวิตของตัวเองและเข้าใจว่าชีวิตไม่ยุติธรรมเสมอไป ตัวอย่างเช่น หากพวกเขาเผชิญกับความพ่ายแพ้ พวกเขามุ่งความสนใจไปที่การหาทางออกมากกว่าการเอาแต่สมเพชตัวเอง 2. พวกเขาไม่ละทิ้งอำนาจของตน พวกเขาไม่ปล่อยให้คนอื่นควบคุมพวกเขาหรือบงการอารมณ์ของพวกเขา พวกเขารู้ว่าพวกเขาสามารถควบคุมการกระทำและปฏิกิริยาของตนเองได้ ตัวอย่างเช่น แทนที่จะกล่าวโทษเจ้านายสำหรับวันที่เลวร้าย พวกเขาเลือกที่จะตอบโต้ในลักษณะเชิงบวกและสร้างสรรค์ 3. พวกเขาไม่อายที่จะเปลี่ยนแปลง คนที่จิตใจเข้มแข็งยอมรับการเปลี่ยนแปลงและยังคงปรับตัวได้ พวกเขาเข้าใจว่าการเปลี่ยนแปลงเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตและเปิดรับโอกาสใหม่ๆ ตัวอย่างเช่น หากมีโอกาสในการทำงานใหม่ พวกเขายินดีที่จะพิจารณาและสำรวจความเป็นไปได้ 4. พวกเขาไม่เสียพลังงานไปกับสิ่งที่พวกเขาควบคุมไม่ได้ พวกเขามุ่งเน้นไปที่สิ่งที่พวกเขาสามารถควบคุมได้ในชีวิต เช่น ทัศนคติและการกระทำของพวกเขา ตัวอย่างเช่น แทนที่จะหงุดหงิดกับรถติด พวกเขาเลือกที่จะฟังพอดคาสต์หรือใช้เวลาคิด 5. พวกเขาไม่กังวลเกี่ยวกับการทำให้ทุกคนพอใจ บ

ประเด็นโดยสรุป - พนักงานบริษัท William O'neal and Company - ขาดทุนเพราะซื้อหุ้นตามนักวิเคระห์ - ศึกษา CANSLIM เทรดทุนน้อย - กำไร SRS Labs เป็นเด้ง แล้วปล่อยกำไรกลายเป็นขาดทุน - เรียนรู้หลักการเทรดแบบมืออาชีพ และเขียนกฎสำหรับตนเอง - สวิงเทรดแบบซื้อที่จุดต่ำสุดของการสวิง - ปั้นพอร์ตด้วยการทบต้นกำไรเล็ก ๆ  - ใช้ Option เพิ่มขนาดกำไร พอร์ตโตพุ่ง - ตลาดหมี Drawdown เพราะขยันเทรด - แต่เทรดสวนเทรนด์ - ตลาดหมีขาดทุนจนท้อ สงสัยในตัวเอง - ตลาดกลับตัวเป็นขาขึ้น เริ่มทำเงินได้อีกรอบ - ปั้นพอร์ตปีเดียวโต 1000%  - ผลงานเตะตาปู่โอนีล ได้ทำงานร่วม - กำไรหุ้นอินเตอร์เน็ท - ตลาดหมี แต่ยังทำเงินได้จากการเทรด oversold - ตลาดหมีเข้ามา หนีตาย ดึงเงินสดออกไปเก็บในสินทรัพย์อื่น - เจอหุ้นเปิด Gap ลง  เทรดสวนเทรนด์ Drawdown หนัก - ได้บทเรียน อยากทบต้นดี ๆ ต้องเลี่ยง Drawdown - ตลาดขาขึ้นก็ปั้นพอร์ตกลับไปโตได้อีก - เป็นผู้ชนะสม่ำเสมอในตลาดกระทิง - ได้กำไรจากหุ้น TSLA ที่ทรงคล้าย First Solar เป๊ะ - ถัวเฉลี่ยขาลง TSLA และ คัทลอส Tesla ที่จุดต่ำสุด  - จิตตก ไม่คุยกับเมีย ไม่มีหุ้นอยู่อีก หดหู่เป็นโรคซึมเศร้า -

ปี 2015  พอร์ตเขา sideway เป็นเวลา 9 เดือน แต่เขาใช้เวลาแค่ 3 เดือน ก็ปั้นพอร์ตโต 100% ได้ เขาควบคุมตลาดไม่ได้ แต่ควบคุม - การเข้าและออกจากการเทรดได้ - การเลือกหุ้นให้แต้มต่อมากที่สุด - บริหารความเสี่ยงได้ - ขนาดเงินเข้าเทรดได้ สำหรับผู้ที่เพิ่งหัดเทรด  Oliver Kell (@1charts6) เป็นตำนานในแวดวงการเทรดที่ให้ผลตอบแทนสูงถึง 941% ในหนึ่งปีในปี 2020 หนังสือ "Victory in Stock Trading" ของเขาคือขุมทองแห่งข้อมูล และฉันแนะนำให้ทุกคนที่กำลังมองหา สำหรับคำแนะนำการซื้อขายที่มั่นคงจากนักการตลาดสมัยใหม่ สำหรับผู้ที่สงสัยว่าคุณสามารถสร้างผลตอบแทนจำนวนมากจากกำไรที่น้อยลงและทบต้นอย่างสม่ำเสมอได้หรือไม่ ลองพิจารณาจากแชมป์เปี้ยนโดยตรง: ทบต้นเพื่อชนะตลาด หลายคนบอกว่าถ้าคุณลงทุนในกองทุนดัชนี SPX-500 จะได้ผลตอบแทน 8-9% ต่อปีในระยะยาว ไม่ขายแล้วจะรวยตอนเกษียณ ฉันเชื่อว่านี่เป็น วิธีที่ดีในการลงทุนระยะยาว ฉันทำเอง แต่ฉันอยากจะทำให้ดีกว่านั้น ฉันต้องการนำสิ่งที่อาจเกิดขึ้นตลอด 30 ปีในบัญชี เกษียณของฉันและเปลี่ยนเป็นผลตอบแทนหนึ่งปีในบัญชีซื้อขายของฉัน ฉันจะไปเกี่ยวกับเรื่อง นั้นได้อย่างไร?  ฉันมองหาผลต

เขาเรียนจบเกียรตินิยมอันดับ 1 แต่ขาดทุน 4 ปี ติดต่อกันจากการลงทุนแบบวีไอ และเทรดสั้น  พบจุดเปลี่ยนที่ใช้เวลาแค่ 6 เดือน ก็ทำเงินคืนได้ทั้งหมด หากคุณกำลังจะเลิกเทรด โปรดอ่านนี่... ๑) เมื่อฉันอายุ 20 ปี หนังสือเล่มแรกที่ฉันอ่านเกี่ยวกับการลงทุนคือ "Buffettology" อธิบายว่านักลงทุนที่ร่ำรวยที่สุดในโลกประสบความสำเร็จในการซื้อขายได้อย่างไร Warren Buffet เลือกบริษัทที่จะลงทุน ฉันรู้สึกทึ่งกับการที่ผู้ชายคนหนึ่งสามารถร่ำรวยมหาศาลได้เพียงแค่เลือกหุ้นที่เหมาะสมเพื่อถือในระยะยาว ใครจะไม่ทำ? # The Investor หลังจากอ่าน Buffettology ฉันก็ติดงอมแงม ฉันเริ่มค้นคว้าทุกอย่างที่ทำได้เพื่อทำให้ตัวเองเป็นนักลงทุนที่ยอดเยี่ยม ฉันอ่านหนังสือเกี่ยวกับการลงทุนแบบเน้นคุณค่าและการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน ด้วยความรู้ใหม่ที่ฉันค้นพบ ฉันพร้อมที่จะกระโจนเข้าสู่ตลาด หุ้นตัวแรกที่ผมซื้อคือ Sembcorp Marine ในปี 2009 เพราะมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และตลาดกำลังฟื้นตัว ผมเปิดสถานะ Long ที่ $3.28 และบอกตัวเองให้ถือหุ้นนี้จนกว่าราคาจะพุ่งเป็นสองเท่า! 5 วันต่อมา ฉันประกันตัวออกมาที่ 3.08 ดอลลาร์ ฉันเป็นไก่อะไร จากน