สาเหตุที่ทำให้นักเทรดส่วนใหญ่ ต้องขาดทุนซ้ำซาก หรือ ไม่สามารถทำกำไรได้สม่ำเสมอ

Image
สาเหตุที่ทำให้นักเทรดส่วนใหญ่ ต้องขาดทุนซ้ำซาก หรือ ไม่สามารถทำกำไรได้สม่ำเสมอ ๑) เทรดแบบงานอดิเรก - มาทรงนี้ จะไปไวมาก เพราะงานอดิเรกมีแต่จ่าย และจ่าย // อีกกลุ่มใหญ่ไม่แพ้กันคือ เทรดแบบการพนัน เล่นหุ้นเสี่ยงสูงทั้งๆ ที่ตนเองความรู้แทบไม่มี จำคำพูดเซียนมาใช้เป็นกลยุทธ์ ๒) ถึงแม้จะตั้งใจศึกษาเล่าเรียน หาความรู้และฝึกฝนอย่างหนัก ก็ยังคงมีโอกาสขาดทุนหนักอยู่ เพราะ - ไปได้ข้อมูล แนวทางที่ผิด โดยเฉพาะการโฟกัสที่ผลลัพธ์ที่แม่นยำสูง + เทรดโดยไม่มีการบริหารความเสี่ยง - แต่แม้จะได้ข้อมูลที่ดี ก็ยังมีโอกาสขาดทุนยับอยู่ ถ้าคุณมีความเชื่อที่ตรงข้ามกับกลยุทธ์/กระบวนการและกฎการเทรดที่ทำเงิน -- แบบนี้เรียกว่าความขัดแย้งจากภายใน ตัวอย่างที่ชัดมากคือ กลยุทธ์ให้คุณตัดขาดทุน แต่ถ้าภายในใจของคุณไม่เชื่อ คุณก็ทำตามไม่ได้ // กลยุทธ์ให้คุณบริหารความเสี่ยง แต่ถ้าคุณอยากรวยเร็ว คุณก็ไม่ยอมทำตาม ๓) ประสบการณ์ คือ ตัวแปรสำคัญ ของการเทรดที่ได้กำไรสม่ำเสมอ ถ้าคุณมีประสบการณ์มากพอ คุณผ่านเกมมากพอ คุณจะเข้าใจหลายเรื่อง ที่มันขัดกับความเชื่อทั่วไปของมนุษย์ได้ เพราะหลายเรื่องของเกมการเทรดนั้น ไม่ได้มีไว้เพื่อเอาชนะ -

(ตอบคำถาม) เทคนิคการเทรดหุ้นแบบ Day Trading ควรใช้กลยุทธ์อะไรบ้างคะ

คำถามจากพันทิพ : เทคนิคการเทรดหุ้นแบบ Day Trading ควรใช้กลยุทธ์อะไรบ้างคะ

https://pantip.com/topic/42765071


การเทรดหุ้นแบบ Day Trading เป็นการซื้อขายหุ้นในวันเดียวกัน โดยไม่ถือหุ้นข้ามคืน มีหลายกลยุทธ์ที่นักเทรดสามารถใช้เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไร ดังนี้:


### 1. กลยุทธ์ Breakout

- **วิธีการ**: รอจนราคาหุ้นผ่านจุดสูงสุดหรือต่ำสุดของช่วงเวลา (เช่น จุดสูงสุดของวันก่อนหน้า) แล้วซื้อหรือขายตามทิศทางที่ผ่านจุดนั้น

- **เหตุผล**: ราคาที่ผ่านแนวต้านหรือแนวรับสำคัญมักจะมีการเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงตามทิศทางนั้น


### 2. กลยุทธ์ Scalping

- **วิธีการ**: ทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาที่เล็กน้อย โดยมักจะซื้อขายในช่วงเวลาสั้นมากๆ (ไม่กี่นาทีถึงไม่กี่ชั่วโมง)

- **เหตุผล**: เน้นทำกำไรจากส่วนต่างราคาจำนวนมาก แต่ละส่วนต่างอาจมีขนาดเล็ก


### 3. กลยุทธ์ Momentum

- **วิธีการ**: ซื้อหุ้นที่มีแนวโน้มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หรือขายหุ้นที่มีแนวโน้มลงอย่างต่อเนื่อง

- **เหตุผล**: แนวโน้มที่แข็งแกร่งมักจะมีแรงดึงดูดให้นักลงทุนเข้ามาซื้อหรือขายเพิ่มเติม ทำให้ราคาขยับไปในทิศทางเดิม


### 4. กลยุทธ์ Reversal

- **วิธีการ**: ซื้อเมื่อราคาหุ้นลดลงมากและมีสัญญาณการกลับตัว หรือขายเมื่อราคาหุ้นขึ้นไปสูงมากแล้วมีสัญญาณการกลับตัว

- **เหตุผล**: การเคลื่อนไหวของราคามักจะมีการปรับฐานหรือกลับทิศทางในบางจุด


### 5. การใช้ Technical Indicators

- **Moving Averages**: ใช้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่เพื่อหาจุดซื้อหรือขาย (เช่น MA50 ตัดกับ MA200)

- **Relative Strength Index (RSI)**: ใช้ RSI เพื่อหาจุด Overbought หรือ Oversold

- **Bollinger Bands**: ใช้เพื่อหาความผันผวนและจุดกลับตัวของราคา


### 6. การวิเคราะห์กราฟราคา

- **Candlestick Patterns**: ใช้รูปแบบแท่งเทียนเพื่อหาจุดกลับตัวหรือแนวโน้มราคา

- **Chart Patterns**: รูปแบบกราฟเช่น Head and Shoulders, Double Top/Bottom เพื่อหาจุดกลับตัวหรือแนวโน้ม


### 7. การตั้ง Stop Loss และ Take Profit

- **Stop Loss**: ตั้งจุดหยุดขาดทุนเพื่อป้องกันการขาดทุนมากเกินไป

- **Take Profit**: ตั้งจุดรับกำไรเมื่อถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้


### 8. การจัดการความเสี่ยง

- **Position Sizing**: การกำหนดขนาดของการลงทุนแต่ละครั้งให้เหมาะสมกับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

- **Risk/Reward Ratio**: การตั้งเป้าหมายกำไรที่คุ้มค่ากับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ เช่น 1:2 หรือ 1:3


การใช้กลยุทธ์เหล่านี้ต้องมาพร้อมกับการฝึกฝนและปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับสภาวะตลาด การมีวินัยในการเทรดและการจัดการความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้นักเทรดสามารถทำกำไรได้อย่างยั่งยืน


*** คลังความรู้การเทรดออนไลน์ ชมฟรี 1000++ คลิป เหมาะสำหรับนักเล่นหุ้นมือใหม่มากที่สุดครับ

https://www.zyo71.com/p/index-of-zyo.html


*** (อ่านฟรี!) คลังความรู้เรียนเทรดหุ้น 600 ++ บทความ

https://www.zyo71.com/p/index.html

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

อธิบาย Wyckoff Accumulation Phase แบบละเอียดยิบ

VCP (Volatility Contraction Pattern) และรูปแบบที่คล้ายกัน

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ

วิธีการอ่านสัญญาณแท่งเทียน (Candlesticks Reading) สำหรับมือใหม่

แท่งเทียนกลับตัว - Reversal Candlesticks