กำไรก้อนใหญ่ไม่ได้มาจาก “จุดเข้า(entry)” อย่างเดียว แต่มาจากการscale out

Image
กำไรก้อนใหญ่ไม่ได้มาจาก “จุดเข้า” อย่างเดียว แต่มาจาก “การจัดการ” หลังจากเข้าไปแล้วต่างหาก  แปลจาก  https://x.com/BlogJulianKomar/status/1967566327830192513 นี่คือกระบวนการที่ผมใช้ในการ Scale Out  1. Partial Profits (ขายบางส่วน): เมื่อหุ้นวิ่งได้กำไร +10% ผมจะทยอยขายออก 10–20% โดยเฉพาะหุ้นโมเมนตัม มันช่วยล็อกกำไร และลดความกดดันทางอารมณ์ 2. Cushion Effect (สร้างกันชน): เมื่อราคาวิ่งไป +20% ผมจะขยับจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) ขึ้นมาไว้ที่จุดคุ้มทุน เพื่อปกป้องเงินต้น โดยไม่ต้องขายเร็วเกินไป 3. Trailing with EMAs (ตามรอยเส้นค่าเฉลี่ย): ถ้าราคายืนเหนือ EMA8 และ EMA21 ได้นานเกิน 7 สัปดาห์ ผมจะไล่ตามด้วย EMA8 เพราะโครงสร้างราคาเป็นตัวบอก ไม่ใช่อารมณ์ 4. Parabolic Moves (การขึ้นแบบพาราโบลา): ถ้าราคาขึ้นพุ่งแรงแบบ “แทงทะลุฟ้า” ผมจะทยอยขายใส่แรงซื้อทันที เพราะจุดสูงสุดชัดเจนก็ตอน “มองย้อนกลับไป” และพาราโบลาไม่เคยยั่งยืน 5. Earnings Protection (ปกป้องก่อนงบ): ถ้าเข้าใกล้วันประกาศงบ แต่ยังไม่มีกำไรเป็นกันชน ผมจะเลือก “ลด” หรือ “ออก” เพราะการถือข้ามงบโดยไม่ป้องกัน ไม่ใช่กลยุทธ์ แต่มันคื...

ศัตรูตัวใหญ่ที่สุด 3 ประการของเทรดเดอร์ผู้ทะเยอทะยาน

 

ศัตรูตัวใหญ่ที่สุด 3 ประการของเทรดเดอร์ผู้ทะเยอทะยาน ได้แก่:

1. กลัวการสูญเสีย

2. ต้องถูกเสมอ

3. ใช้เลเวอเรจมากเกินไป

- Peter Brandt

.

การเทรดเป็นกิจกรรมที่ต้องมีความรอบคอบสูงและเข้าใจถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง นี่คือเหตุผลที่ทำไมลุงปีเตอร์ จึงบอกเช่นนี้

.

1. **กลัวการขาดทุน (Fear of Losses)**:

    - **สาเหตุ**: การขาดทุนเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ในการซื้อขาย และนักเทรดทุกคนต้องเผชิญ การกลัวการขาดทุนมักจะทำให้นักเทรดไม่กล้าที่จะทำการซื้อขายหรือปิดการซื้อขายก่อนเวลาอันควร เพื่อหลีกเลี่ยงการขาดทุน

    - **ผลกระทบ**: การกลัวการขาดทุนทำให้นักเทรดไม่สามารถทนต่อความผันผวนของตลาดได้ ส่งผลให้พลาดโอกาสในการทำกำไรที่ดี นอกจากนี้ยังอาจทำให้นักเทรดเลือกที่จะไม่ทำการซื้อขายเลย ซึ่งทำให้ขาดโอกาสในการสร้างผลตอบแทน

.

2. **ความต้องการที่จะถูกเสมอ (Need to be Right)**:

    - **สาเหตุ**: การที่นักเทรดต้องการที่จะถูกเสมอในการทำนายทิศทางของตลาดเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความมั่นใจเกินไปในการตัดสินใจ ซึ่งอาจนำไปสู่การยึดติดกับมุมมองของตนเองโดยไม่ยอมรับข้อมูลใหม่ ๆ หรือไม่ปรับกลยุทธ์

    - **ผลกระทบ**: ความต้องการที่จะถูกเสมอทำให้นักเทรดไม่สามารถปรับตัวตามตลาดได้ ซึ่งเป็นการขัดขวางความยืดหยุ่นและความสามารถในการปรับตัว ซึ่งจำเป็นในการรับมือกับความไม่แน่นอนของตลาด การยึดติดกับมุมมองที่ผิดพลาดสามารถนำไปสู่การขาดทุนมากขึ้น

.

3. **การใช้เลเวอเรจมากเกินไป (Becoming Over-Leveraged)**:

    - **สาเหตุ**: เลเวอเรจเป็นเครื่องมือที่สามารถเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุนได้ แต่ในขณะเดียวกันก็เพิ่มความเสี่ยงในการขาดทุน การใช้เลเวอเรจมากเกินไปเป็นการเพิ่มขนาดของการลงทุนโดยใช้เงินที่ยืมมา ซึ่งทำให้นักเทรดมีความเสี่ยงสูงขึ้น

    - **ผลกระทบ**: การใช้เลเวอเรจมากเกินไปทำให้นักเทรดสามารถขาดทุนมากกว่าที่ลงทุนจริง ๆ ได้ ถ้าตลาดเคลื่อนไหวตรงกันข้ามกับการคาดการณ์ การขาดทุนจากการใช้เลเวอเรจอาจส่งผลกระทบต่อการเงินอย่างรุนแรงและทำให้นักเทรดต้องออกจากตลาด

.

**สรุป**: ความกลัวการขาดทุน ความต้องการที่จะถูกเสมอ และการใช้เลเวอเรจมากเกินไป เป็นศัตรูหลักของนักเทรดเพราะเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดการตัดสินใจที่ไม่รอบคอบและขาดการบริหารจัดการความเสี่ยงที่ดี การเข้าใจและการบริหารจัดการปัจจัยเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญที่นักเทรดต้องทำเพื่อให้ประสบความสำเร็จในการซื้อขาย





7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ

อธิบาย Wyckoff Accumulation Phase แบบละเอียดยิบ

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

กราฟหุ้น GFPT ล่าสุด

แนะนำ คอร์ส US Stock Masterclass by Zyo