หุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมโฟโตนิกส์ของ AI

ลองนึกภาพว่าอุตสาหกรรมโฟโตนิกส์คือ “เส้นเลือดใหญ่” ของยุคข้อมูลความเร็วแสง ทุกครั้งที่ข้อมูลถูกส่งผ่านเคเบิลใยแก้ว ทุกครั้งที่ศูนย์ข้อมูลต้องประมวลผลมหาศาล หรือแม้แต่ตอนที่อุปกรณ์ AI ต้องเชื่อมต่อกัน—เบื้องหลังทั้งหมดคือเทคโนโลยีแสงที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนโลกดิจิทัลแบบเงียบๆ --- 1) อุปกรณ์ออปติคอลและทรานซีฟเวอร์ เหมือนเป็น “ท่อส่งสัญญาณความเร็วแสง” ที่ช่วยให้ข้อมูลไหลแบบไม่ติดขัด บริษัทในกลุ่มนี้ผลิตส่วนประกอบสำคัญ เช่น เลเซอร์ ฟิลเตอร์ และทรานซีฟเวอร์ที่ทำหน้าที่แปลงสัญญาณไฟฟ้าเป็นสัญญาณแสง (และกลับกัน) เพื่อส่งข้อมูลระหว่างศูนย์ข้อมูลหรือเครือข่ายความเร็วสูง Lumentum (LITE) ผู้เชี่ยวชาญด้านเลเซอร์ความแม่นยำสูง Coherent (COHR) ผู้เล่นรายใหญ่ในอุปกรณ์แสง ตั้งแต่สื่อสารจนถึงอุตสาหกรรม Applied Optoelectronics (AAOI) โดดเด่นในทรานซีฟเวอร์สำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ ทำไมนักเทรดควรสนใจ? เพราะทุกครั้งที่ความต้องการ AI เพิ่มขึ้น ความต้องการส่งข้อมูลก็เพิ่มตาม และกลุ่มนี้คือหัวใจของการขยาย bandwidth แบบก้าวกระโดด --- 2) ซิลิคอนโฟโตนิกส์และ Co-Packaged Optics นี่คือเทคโนโลยีที่หลายคนมองว่าเป็น “อนาคตของ...

เป้าหมายคือ ไม่ต้องซื้อราคาต่ำสุด แต่ต้องขายราคาแพงกว่าราคาซื้อให้มาก ในระยะเวลาสั้นที่สุด


เป้าหมายคือ ไม่ต้องซื้อราคาต่ำสุด แต่ต้องขายราคาแพงกว่าราคาซื้อให้มาก ในระยะเวลาสั้นที่สุด นี่แหละคือวิธีการสร้างกำไรขั้นเทพ

ประโยค "เป้าหมายคือ ไม่ต้องซื้อราคาต่ำสุด แต่ต้องขายราคาแพงกว่าราคาซื้อให้มาก ในระยะเวลาสั้นที่สุด นี่แหละคือวิธีการสร้างกำไรขั้นเทพ" มีความหมายที่สามารถขยายความและเปรียบเทียบให้เข้าใจได้ดังนี้:



### ทำไมพี่มาร์คจึงบอกแบบนี้?

1. **ไม่ต้องซื้อราคาต่ำสุด**: 

   - การลงทุนไม่จำเป็นต้องรอให้ราคาหุ้นลดลงไปถึงจุดต่ำสุด เพราะการพยายามทำนายราคาต่ำสุดนั้นยากและมีความเสี่ยงสูง

   - สิ่งสำคัญคือการซื้อในช่วงที่ราคาน่าสนใจและมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น


2. **ขายราคาแพงกว่าราคาซื้อให้มาก**:

   - เป้าหมายหลักของการลงทุนคือการขายหุ้นหรือสินทรัพย์ในราคาที่สูงกว่าราคาที่ซื้อมา ซึ่งจะสร้างกำไรจากส่วนต่างระหว่างราคาซื้อและราคาขาย

   - การเลือกช่วงเวลาขายที่เหมาะสมจึงมีความสำคัญ


3. **ในระยะเวลาสั้นที่สุด**:

   - การทำกำไรในระยะเวลาสั้นจะช่วยเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน เพราะสามารถนำเงินที่ได้ไปลงทุนในโอกาสใหม่ ๆ ได้รวดเร็วขึ้น

   - การเทรดในระยะสั้นอาจทำให้ต้องมีความระมัดระวังและมีการตัดสินใจที่รวดเร็ว


### เปรียบเทียบให้ชัดเจน

**การซื้อราคาต่ำสุดและขายราคาสูงสุด (วิธีที่อาจไม่สมเหตุสมผล)**:

- นักลงทุนพยายามทำนายจุดต่ำสุดของราคาเพื่อซื้อและจุดสูงสุดของราคาเพื่อขาย

- วิธีนี้มีความเสี่ยงสูง เพราะการทำนายจุดต่ำสุดและสูงสุดเป็นเรื่องยากมาก อาจพลาดโอกาสซื้อที่ดีหรือขายในจุดที่ราคาลดลงแล้ว


**การซื้อในราคาที่น่าสนใจและขายในราคาที่สูงขึ้น (วิธีที่เป็นไปได้มากกว่า)**:

- นักลงทุนมองหาโอกาสในการซื้อในช่วงที่ราคาน่าสนใจ ไม่จำเป็นต้องเป็นราคาต่ำสุด แต่เป็นราคาที่มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น

- จากนั้นรอให้ราคาสูงขึ้นและขายเพื่อทำกำไร โดยไม่จำเป็นต้องรอจนราคาสูงสุด

- เน้นการทำกำไรในระยะเวลาที่สั้นที่สุดเพื่อเพิ่มผลตอบแทนและลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด


### ประโยชน์ของวิธีนี้

1. **ลดความเสี่ยง**:

   - ไม่ต้องรอราคาต่ำสุด ช่วยลดความเสี่ยงในการพลาดโอกาสซื้อหุ้นในช่วงที่ราคาน่าสนใจ

   - การขายในราคาที่สูงกว่าราคาซื้อช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด


2. **เพิ่มผลตอบแทน**:

   - การทำกำไรในระยะเวลาสั้นช่วยให้สามารถนำเงินที่ได้ไปลงทุนในโอกาสใหม่ ๆ ได้รวดเร็วขึ้น

   - ช่วยให้ผลตอบแทนรวมจากการลงทุนสูงขึ้น


3. **ปรับตัวง่ายกว่า**:

   - ไม่ต้องกังวลกับการทำนายจุดต่ำสุดและสูงสุดของราคา เพียงแค่มองหาโอกาสที่มีแนวโน้มดีในการซื้อและขาย

   - ทำให้การตัดสินใจลงทุนง่ายขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น


การนำวิธีนี้ไปใช้จะช่วยให้นักลงทุนมือใหม่สามารถทำกำไรจากการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงจากการพยายามทำนายจุดต่ำสุดและสูงสุดของตลาดครับ





7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

$BMNR ทำธุรกิจอะไร? จุดแข็ง/จุดอ่อน และตัวเร่ง

กราฟหุ้น GFPT ล่าสุด

แนะวิธีดูกราฟหุ้นเบื้องต้น

ทฤษฏีวัฏจักรตลาดหุ้น (Market Cycle)

VCP (Volatility Contraction Pattern) และรูปแบบที่คล้ายกัน