สาเหตุที่ทำให้นักเทรดส่วนใหญ่ ต้องขาดทุนซ้ำซาก หรือ ไม่สามารถทำกำไรได้สม่ำเสมอ

Image
สาเหตุที่ทำให้นักเทรดส่วนใหญ่ ต้องขาดทุนซ้ำซาก หรือ ไม่สามารถทำกำไรได้สม่ำเสมอ ๑) เทรดแบบงานอดิเรก - มาทรงนี้ จะไปไวมาก เพราะงานอดิเรกมีแต่จ่าย และจ่าย // อีกกลุ่มใหญ่ไม่แพ้กันคือ เทรดแบบการพนัน เล่นหุ้นเสี่ยงสูงทั้งๆ ที่ตนเองความรู้แทบไม่มี จำคำพูดเซียนมาใช้เป็นกลยุทธ์ ๒) ถึงแม้จะตั้งใจศึกษาเล่าเรียน หาความรู้และฝึกฝนอย่างหนัก ก็ยังคงมีโอกาสขาดทุนหนักอยู่ เพราะ - ไปได้ข้อมูล แนวทางที่ผิด โดยเฉพาะการโฟกัสที่ผลลัพธ์ที่แม่นยำสูง + เทรดโดยไม่มีการบริหารความเสี่ยง - แต่แม้จะได้ข้อมูลที่ดี ก็ยังมีโอกาสขาดทุนยับอยู่ ถ้าคุณมีความเชื่อที่ตรงข้ามกับกลยุทธ์/กระบวนการและกฎการเทรดที่ทำเงิน -- แบบนี้เรียกว่าความขัดแย้งจากภายใน ตัวอย่างที่ชัดมากคือ กลยุทธ์ให้คุณตัดขาดทุน แต่ถ้าภายในใจของคุณไม่เชื่อ คุณก็ทำตามไม่ได้ // กลยุทธ์ให้คุณบริหารความเสี่ยง แต่ถ้าคุณอยากรวยเร็ว คุณก็ไม่ยอมทำตาม ๓) ประสบการณ์ คือ ตัวแปรสำคัญ ของการเทรดที่ได้กำไรสม่ำเสมอ ถ้าคุณมีประสบการณ์มากพอ คุณผ่านเกมมากพอ คุณจะเข้าใจหลายเรื่อง ที่มันขัดกับความเชื่อทั่วไปของมนุษย์ได้ เพราะหลายเรื่องของเกมการเทรดนั้น ไม่ได้มีไว้เพื่อเอาชนะ -

(ตอบคำถาม) มีข้อแนะนำสำหรับนักลงทุนมือใหม่ในการเลือกหุ้นยังไงบ้างคะ

ตอบคำถามจากพันทิพ : มีข้อแนะนำสำหรับนักลงทุนมือใหม่ในการเลือกหุ้นยังไงบ้างคะ

https://pantip.com/topic/42764948


การลงทุนในหุ้นอาจเป็นเรื่องท้าทายสำหรับนักลงทุนมือใหม่

แต่ด้วยการเตรียมตัวและการศึกษาอย่างถูกต้อง

คุณสามารถทำให้การลงทุนของคุณมีโอกาสประสบความสำเร็จมากขึ้น

นี่คือข้อแนะนำสำหรับนักลงทุนมือใหม่ในการเลือกหุ้น:


1. **ศึกษาพื้นฐานของการลงทุนในหุ้น**:

   - ทำความเข้าใจว่าหุ้นคืออะไร และบริษัทใดบ้างที่คุณสามารถลงทุนได้

   - เรียนรู้เกี่ยวกับตลาดหุ้นและวิธีการทำงานของมัน


2. **เลือกหุ้นของบริษัทที่คุณเข้าใจ**:

   - เริ่มต้นด้วยการลงทุนในบริษัทที่คุณรู้จักและเข้าใจธุรกิจของพวกเขา

   - อ่านและศึกษารายงานการเงิน รายงานประจำปี และข้อมูลข่าวสารของบริษัท


3. **ดูที่ฐานะการเงินของบริษัท**:

   - ตรวจสอบกำไรสุทธิและรายได้ของบริษัท

   - พิจารณาการเติบโตของรายได้และกำไรในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

   - ตรวจสอบหนี้สินและสถานะทางการเงินอื่นๆ ของบริษัท


4. **วิเคราะห์ตัวชี้วัดทางการเงิน**:

   - P/E Ratio (Price to Earnings Ratio): บ่งบอกถึงความสามารถในการทำกำไรของบริษัทเมื่อเทียบกับราคาหุ้น

   - P/B Ratio (Price to Book Ratio): เปรียบเทียบมูลค่าตลาดของหุ้นกับมูลค่าทางบัญชีของบริษัท

   - Dividend Yield: อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ได้รับเมื่อเทียบกับราคาหุ้น


5. **ศึกษาสภาพคล่องของหุ้น**:

   - เลือกหุ้นที่มีปริมาณการซื้อขายสูง เพราะหุ้นที่มีสภาพคล่องต่ำอาจทำให้คุณขายหุ้นยากในเวลาที่ต้องการ


6. **วิเคราะห์แนวโน้มและการคาดการณ์อนาคต**:

   - ศึกษาทิศทางการเติบโตของอุตสาหกรรมที่บริษัทอยู่

   - พิจารณาผลกระทบจากปัจจัยภายนอก เช่น การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ การเมือง หรือเทคโนโลยี


7. **กระจายการลงทุน**:

   - อย่าลงทุนทั้งหมดในหุ้นตัวเดียว ควรกระจายการลงทุนในหุ้นหลายๆ ตัว เพื่อลดความเสี่ยง


8. **ติดตามและปรับเปลี่ยนพอร์ตการลงทุน**:

   - ติดตามข่าวสารและการประกาศของบริษัทที่คุณลงทุนอยู่

   - ปรับเปลี่ยนพอร์ตการลงทุนตามสถานการณ์และข้อมูลใหม่ๆ


9. **ศึกษาและเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญ**:

   - อ่านหนังสือ บทความ และบทวิเคราะห์จากนักวิเคราะห์การเงิน

   - เข้าร่วมสัมมนาและการอบรมเกี่ยวกับการลงทุน


10. **ระมัดระวังกับข่าวลือและคำแนะนำจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ**:

    - พยายามตรวจสอบข้อมูลจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือและหลีกเลี่ยงการตัดสินใจจากข่าวลือ


การลงทุนในหุ้นต้องการการศึกษาค้นคว้าและการพิจารณาอย่างรอบคอบ

แต่หากคุณมีความรู้และการเตรียมตัวที่ดี

การลงทุนในหุ้นสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวได้ครับ


*** คลังความรู้การเทรดออนไลน์ ชมฟรี 1000++ คลิป เหมาะสำหรับนักเล่นหุ้นมือใหม่มากที่สุดครับ

https://www.zyo71.com/p/index-of-zyo.html


*** (อ่านฟรี!) คลังความรู้เรียนเทรดหุ้น 600 ++ บทความ

https://www.zyo71.com/p/index.html


7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

อธิบาย Wyckoff Accumulation Phase แบบละเอียดยิบ

VCP (Volatility Contraction Pattern) และรูปแบบที่คล้ายกัน

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ

วิธีการอ่านสัญญาณแท่งเทียน (Candlesticks Reading) สำหรับมือใหม่

แท่งเทียนกลับตัว - Reversal Candlesticks