แนะนำฟรีอีบุ๊ก "สโตอิกสำหรับนักศึกษามหาวิทยาลับ"

Image
  (อ่านฟรี) e-book : สโตอิกสำหรับนักศึกษามหาวิทยาลัย https://mebmarket.com/?action=book_details&book_id=327348 สโตอิกช่วยนักศึกษาได้อย่างไรบ้าง สโตอิกเป็นปรัชญาที่ช่วยให้เรารับมือกับความกดดัน ความเครียด และการเปลี่ยนแปลงได้ดีขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่นักศึกษาต้องเจออยู่บ่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียน การสอบ หรือการปรับตัวกับชีวิตในมหาวิทยาลัย ผมอยากอธิบายว่าทำไมสโตอิกถึงเป็นแนวคิดที่สามารถช่วยคุณได้ครับ หลักสำคัญของสโตอิกคือ การแยกแยะสิ่งที่เราควบคุมได้กับสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้  การฝึกให้เข้าใจเรื่องนี้จะช่วยลดความเครียดได้มาก ตัวอย่างเช่น เมื่อคุณกังวลเกี่ยวกับการสอบ สิ่งที่คุณควบคุมได้คือการเตรียมตัวให้ดี อ่านหนังสือ ทบทวนบทเรียน แต่ผลการสอบหรือความคิดเห็นของอาจารย์ เป็นสิ่งที่คุณควบคุมไม่ได้ การโฟกัสเฉพาะสิ่งที่คุณทำได้จะช่วยให้คุณไม่รู้สึกเครียดกับสิ่งที่อยู่นอกเหนือจากการควบคุมครับ นอกจากนี้ สโตอิกยังสอนเรื่อง การควบคุมอารมณ์  และ การมองโลกอย่างเป็นกลาง  ซึ่งมีประโยชน์มากเมื่อคุณเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงหรือสถานการณ์ที่ท้าทาย เช่น หากคุณเจอสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด เช่น ผลสอบไม่เป็นไปตา

มูลค่าที่แท้จริงของหุ้น ดูยังไง

การประเมินมูลค่าที่แท้จริงของหุ้น (Intrinsic Value) เป็นการพิจารณามูลค่าที่แท้จริงของหุ้นโดยใช้ข้อมูลทางการเงินและปัจจัยอื่น ๆ เพื่อหามูลค่าที่เหมาะสมที่สุด วิธีการที่นิยมใช้มีหลายวิธี ได้แก่:


1. การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis)

การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานจะใช้ข้อมูลทางการเงิน เช่น งบการเงิน รายได้ กำไร และการเติบโตของบริษัท รวมถึงการวิเคราะห์อุตสาหกรรมและภาวะเศรษฐกิจ มักใช้เครื่องมือดังนี้:


- กำไรต่อหุ้น (Earnings Per Share - EPS): คำนวณจากกำไรสุทธิหารด้วยจำนวนหุ้นที่ออกจำหน่าย

- อัตราส่วนราคาต่อกำไร (Price-to-Earnings Ratio - P/E Ratio): คำนวณจากราคาหุ้นหารด้วยกำไรต่อหุ้น

- อัตราส่วนราคาต่อมูลค่าทางบัญชี (Price-to-Book Ratio - P/B Ratio): คำนวณจากราคาหุ้นหารด้วยมูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น

- กระแสเงินสดอิสระ (Free Cash Flow - FCF): กระแสเงินสดสุทธิที่เหลือหลังจากหักค่าใช้จ่ายการดำเนินงานและการลงทุน


2. การวิเคราะห์ส่วนลดเงินสด (Discounted Cash Flow - DCF)

เป็นการประเมินมูลค่าหุ้นโดยใช้กระแสเงินสดในอนาคตที่คาดว่าจะได้รับ แล้วลดมูลค่ากลับมาที่ปัจจุบันด้วยอัตราผลตอบแทนที่คาดหวัง


ขั้นตอนการคำนวณ DCF:

  1. ประมาณการกระแสเงินสดในอนาคต

  2. กำหนดอัตราส่วนลด (Discount Rate) หรืออัตราผลตอบแทนที่คาดหวัง

  3. คำนวณมูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดในอนาคตโดยใช้สูตร: 

3. การวิเคราะห์เปรียบเทียบตลาด (Comparative Market Analysis)

การวิเคราะห์เปรียบเทียบมูลค่าหุ้นกับบริษัทอื่น ๆ ในอุตสาหกรรมเดียวกันหรือมีลักษณะคล้ายกัน โดยใช้อัตราส่วนทางการเงินต่าง ๆ เช่น P/E, P/B, P/Sales


4. การวิเคราะห์ปัจจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Analysis)

การพิจารณาปัจจัยที่ไม่สามารถวัดเป็นตัวเลขได้ เช่น ความสามารถในการแข่งขันของบริษัท ความเป็นผู้นำ ความสามารถในการนวัตกรรม และสถานะทางการตลาด


ตัวอย่างการประเมินมูลค่าหุ้น

สมมติว่าต้องการประเมินมูลค่าหุ้นบริษัท ABC โดยใช้วิธี DCF:

1. ประมาณการกระแสเงินสดในอนาคต:

   - ปีที่ 1: 100 ล้านบาท

   - ปีที่ 2: 110 ล้านบาท

   - ปีที่ 3: 120 ล้านบาท

2. กำหนดอัตราส่วนลด: 10%

3. คำนวณมูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดในอนาคต:



อัตราส่วนพื้นฐานในการวิเคราะห์หุ้น

นอกจากนี้ยังมีอัตราส่วนทางการเงินอื่น ๆ ที่ใช้ในการวิเคราะห์หุ้น ได้แก่:

- อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (Debt-to-Equity Ratio - D/E Ratio)

- อัตราส่วนผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (Return on Assets - ROA)

- อัตราส่วนผลตอบแทนจากทุน (Return on Equity - ROE)


การประเมินมูลค่าที่แท้จริงของหุ้นจึงเป็นกระบวนการที่ต้องใช้ข้อมูลและการวิเคราะห์หลากหลายด้านเพื่อให้ได้มูลค่าที่ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากที่สุด

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

VCP (Volatility Contraction Pattern) และรูปแบบที่คล้ายกัน

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

Setup เงินล้านของ Kristjan Kullamägi

จิตวิทยา การวิเคราะห์และใช้งาน แท่งเทียน Doji

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo