ปรัชญาและวิธีการเทรดหุ้นของผมคือ เป็นนักฉวยโอกาสที่ดุดันแต่ไม่ยอมเสี่ยง
- Get link
- Other Apps
นี่คือซีรี่ส์ "Minervini Wisdom" ที่เป็นการเอาคำพูดของพี่มาร์คมาขยายความให้นักเทรดมือใหม่ได้เข้าใจไอเดียได้มากขึ้นนะครับ ซึ่งมีถึง 50++ บทความ ถ้าคุณสนใจอยากอ่านทั้งหมด เข้าไปดูตามลิงค์นี้นะครับ https://www.zyo71.com/search/label/Minervini%20Wisdom
"ปรัชญาและวิธีการเทรดหุ้นของผมคือ เป็นนักฉวยโอกาสที่ดุดันแต่ไม่ยอมเสี่ยง วิธีคิดขั้นต้นของผมเริ่มจาก "ผมขาดทุนได้เท่าไหร่" ไม่ใช่ "ผมกำไรได้เท่าไหร่" - มาร์ค มิเนอร์วินี
ประโยคนี้สามารถขยายความและประยุกต์ใช้ได้อย่างมีประโยชน์สำหรับมือใหม่ดังนี้:
### ขยายความ
1. **เป็นนักฉวยโอกาสที่ดุดัน**:
- **นักฉวยโอกาส**: หมายถึง การมองหาโอกาสในการทำกำไรจากการลงทุนอยู่เสมอ ไม่ปล่อยให้โอกาสดี ๆ หลุดลอยไป
- **ดุดัน**: หมายถึง ความมั่นใจในการตัดสินใจและการลงมือทำอย่างรวดเร็วและเด็ดขาดเมื่อพบโอกาส
2. **แต่ไม่ยอมเสี่ยง**:
- **ไม่ยอมเสี่ยง**: หมายถึง การมีการวางแผนและจัดการความเสี่ยงอย่างรอบคอบ การลงมือทำโดยมีการประเมินความเสี่ยงอย่างดีเพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียที่ไม่จำเป็น
3. **วิธีคิดขั้นต้นของผมเริ่มจาก 'ผมขาดทุนได้เท่าไหร่' ไม่ใช่ 'ผมกำไรได้เท่าไหร่'**:
- **ขาดทุนได้เท่าไหร่**: หมายถึง การตั้งคำถามเกี่ยวกับความเสี่ยงก่อนที่จะมองถึงผลกำไร การประเมินว่าคุณสามารถทนต่อการขาดทุนได้มากน้อยเพียงใด
- **กำไรได้เท่าไหร่**: แม้การมองหาผลกำไรจะสำคัญ แต่การโฟกัสที่ความเสี่ยงเป็นวิธีการที่รอบคอบกว่าในการลงทุน
### ประโยชน์สำหรับมือใหม่
1. **การเรียนรู้ความสำคัญของการจัดการความเสี่ยง**:
- การเข้าใจและจัดการความเสี่ยงเป็นหัวใจสำคัญของการลงทุนที่ประสบความสำเร็จ การเริ่มต้นด้วยการตั้งคำถามเกี่ยวกับการขาดทุนจะช่วยให้มือใหม่มีมุมมองที่รอบคอบมากขึ้น
2. **การพัฒนาวินัยในการลงทุน**:
- การเป็นนักฉวยโอกาสที่ดุดันแต่ไม่ยอมเสี่ยงช่วยสร้างวินัยในการลงทุน การมีความกล้าในการตัดสินใจแต่ยังคงรักษาการวางแผนและการจัดการความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ
3. **การตั้งขอบเขตการขาดทุน**:
- การตั้งขีดจำกัดการขาดทุนที่ยอมรับได้จะช่วยป้องกันการสูญเสียที่ไม่จำเป็น และทำให้สามารถจัดการพอร์ตโฟลิโอได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4. **การเน้นการป้องกันเงินทุน**:
- การมุ่งเน้นที่การป้องกันการขาดทุนก่อนจะมองหาผลกำไรช่วยให้มือใหม่มีความมั่นใจมากขึ้นในการลงทุนและลดความเสี่ยงที่จะสูญเสียเงินทุน
5. **การพัฒนาทักษะในการวิเคราะห์**:
- การประเมินความเสี่ยงและการขาดทุนก่อนการตัดสินใจลงทุนช่วยพัฒนาทักษะในการวิเคราะห์และการตัดสินใจอย่างมีเหตุผล
### แนวทางการประยุกต์ใช้
1. **ตั้งขอบเขตการขาดทุน**:
- ก่อนการลงทุน ควรกำหนดขอบเขตการขาดทุนที่ยอมรับได้ เช่น การตั้ง stop-loss เพื่อจำกัดการขาดทุนในกรณีที่ราคาหุ้นตกลง
2. **ประเมินความเสี่ยงก่อนการลงทุน**:
- วิเคราะห์ความเสี่ยงของหุ้นหรือสินทรัพย์ที่ต้องการลงทุน ศึกษาข้อมูลทางการเงินและปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาหุ้น
3. **วางแผนและทำตามแผน**:
- สร้างแผนการลงทุนที่มีการจัดการความเสี่ยงอย่างรอบคอบ และปฏิบัติตามแผนนั้นอย่างเคร่งครัด
4. **ติดตามและปรับปรุง**:
- ติดตามผลการลงทุนและปรับปรุงแผนการลงทุนตามสถานการณ์และข้อมูลใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง
การนำปรัชญาและวิธีการนี้ไปใช้จะช่วยให้มือใหม่มีการเริ่มต้นที่ดีและมั่นคงในการลงทุน ลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในระยะยาวครับ
คำกล่าวว่า "ปรัชญาและวิธีการเทรดหุ้นของผมคือ เป็นนักฉวยโอกาสที่ดุดันแต่ไม่ยอมเสี่ยง วิธีคิดขั้นต้นของผมเริ่มจาก 'ผมขาดทุนได้เท่าไหร่' ไม่ใช่ 'ผมกำไรได้เท่าไหร่'" หมายถึงการให้ความสำคัญกับการจัดการความเสี่ยงในการเทรดหุ้น มาดูรายละเอียดกัน:
### 1. **เป็นนักฉวยโอกาสที่ดุดัน (Aggressive Opportunist) แต่ไม่ยอมเสี่ยง (Risk-Averse)**:
- **ดุดัน (Aggressive)**: มีความพร้อมที่จะเข้าไปหาผลตอบแทนในตลาด โดยใช้วิธีการและกลยุทธ์ที่สามารถทำกำไรได้มากในระยะเวลาสั้นๆ
- **ไม่ยอมเสี่ยง (Risk-Averse)**: ในขณะเดียวกันก็มีการจัดการความเสี่ยงอย่างดีเยี่ยม เพื่อป้องกันการขาดทุนที่มากเกินไป
### 2. **วิธีคิดขั้นต้นเริ่มจาก 'ผมขาดทุนได้เท่าไหร่' ไม่ใช่ 'ผมกำไรได้เท่าไหร่'**:
- **การจัดการความเสี่ยง (Risk Management)**: เป็นการเน้นการคำนึงถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นก่อน โดยตั้งคำถามว่า "ขาดทุนได้เท่าไหร่" เป็นการวางแผนและกำหนดขอบเขตการขาดทุนที่ยอมรับได้ก่อนที่จะคิดถึงกำไร
- **การตั้ง Stop Loss**: กำหนดจุดที่ยอมรับได้ในการขาดทุน หากราคาหุ้นลงถึงจุดนั้นจะขายออกทันทีเพื่อลดการขาดทุนที่มากขึ้น
### 3. **การปฏิบัติในชีวิตจริง**:
- **การประเมินความเสี่ยงก่อน**: ก่อนการลงทุนหรือเทรดทุกครั้ง จะต้องประเมินความเสี่ยงและกำหนดขอบเขตการขาดทุนที่ยอมรับได้
- **การวางแผนการเทรด (Trading Plan)**: มีแผนการเทรดที่ชัดเจน รวมถึงการกำหนดจุดเข้าและจุดออกของการลงทุน
- **การใช้เครื่องมือการจัดการความเสี่ยง**: ใช้เครื่องมือทางเทคนิค เช่น Stop Loss, Trailing Stop, Position Sizing เพื่อควบคุมความเสี่ยง
### ตัวอย่างเชิงเปรียบเทียบ:
1. **นักลงทุนที่เน้นกำไร (Profit-Focused Investor)**:
- ซื้อหุ้นโดยมองหากำไรสูงสุดเป็นหลัก
- อาจละเลยการจัดการความเสี่ยง ทำให้เกิดการขาดทุนมากเมื่อการลงทุนไม่เป็นไปตามคาด
2. **นักลงทุนที่เน้นความเสี่ยง (Risk-Focused Investor)**:
- ก่อนซื้อหุ้นจะคำนึงถึงความเสี่ยงที่ยอมรับได้ก่อน โดยตั้ง Stop Loss ที่ระดับราคาที่ขาดทุนยอมรับได้
- มองหาการลงทุนที่มีโอกาสกำไรสูง แต่มีการจัดการความเสี่ยงที่ดีเยี่ยม
### การใช้ตัวอย่างในชีวิตจริง:
1. **การประเมินขอบเขตการขาดทุน**:
- สมมติว่าคุณมีเงินลงทุน 100,000 บาท และยอมรับได้ว่าขาดทุนไม่เกิน 5,000 บาท (5%)
- เมื่อคุณพบหุ้นที่สนใจ คุณจะตั้ง Stop Loss ไว้ที่ 5% ต่ำกว่าราคาซื้อ
2. **การวางแผนการเทรด**:
- คุณวางแผนที่จะซื้อหุ้น A ที่ราคา 50 บาทต่อหุ้น
- คุณกำหนดจุด Stop Loss ไว้ที่ 47.5 บาท (ขาดทุน 5%)
- ถ้าราคาหุ้นลดลงถึง 47.5 บาท คุณจะขายหุ้นทันทีก่อนที่จะขาดทุนมากกว่านี้
3. **การใช้เครื่องมือการจัดการความเสี่ยง**:
- นอกจาก Stop Loss คุณยังอาจใช้ Trailing Stop เพื่อเลื่อนจุด Stop Loss ขึ้นเมื่อราคาหุ้นเพิ่มขึ้น ทำให้ล็อคกำไรได้หากราคาหุ้นกลับตัวลง
- ใช้ Position Sizing โดยกำหนดว่าจะลงทุนในหุ้นตัวนี้เพียง 10% ของพอร์ตเพื่อกระจายความเสี่ยง
### สรุป:
ปรัชญานี้เน้นการจัดการความเสี่ยงเป็นหลักในการเทรดหุ้น โดยการคำนึงถึงการขาดทุนที่ยอมรับได้ก่อนที่จะมองหากำไร การตั้งจุด Stop Loss และการใช้เครื่องมือการจัดการความเสี่ยงช่วยปกป้องพอร์ตการลงทุนจากการขาดทุนมากเกินไป ทำให้นักลงทุนสามารถควบคุมความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการทำกำไรอย่างสม่ำเสมอในระยะยาว
*** คลังความรู้การเทรดออนไลน์ ชมฟรี 1000++ คลิป เหมาะสำหรับนักเล่นหุ้นมือใหม่มากที่สุดครับ
https://www.zyo71.com/p/index-of-zyo.html
*** (อ่านฟรี!) คลังความรู้เรียนเทรดหุ้น 600 ++ บทความ
- Get link
- Other Apps