ZYO BLOG

บทเรียนจากซุนวู The Art of War แรงบันดาลใจจาก Trading Lessons from The Art of War โดย Steve Burns และ 36 กลยุทธ์ ของซุนวู รู้เขารู้เรา "รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง" รู้จัก trading strategy กับรู้จัก trading psychology มีโอกาสรอดและรวยจากการเทรด หลักการกุมชัยจึงมี 5 ประการ คือ 1) รู้ว่าเมื่อใดควรรบ เมื่อใดควรพัก (จับจังหวะเทรดให้ถูกต้อง/เสี่ยงต่ำ) 2) รู้จักการบัญชาการและเลือกใช้ทัพเล็กและทัพใหญ่ให้เหมาะสม (วางแผนการเทรดให้รัดกุม) 3) ชนะใจคนทั้งกองทัพตั้งแต่พลทหารไปจนถึงนายพล (มีความปรารถนาที่จะเป็นผู้ชนะ/ฮึกเหิม/เตรียมพร้อม) 4) เตรียมพร้อมที่จะฉกฉวยโอกาสจากข้าศึกตลอดเวลา (มีวินัย) 5) รู้จักใช้ผู้มีความสามารถ และปราศจากการแทรกแซงจากประมุข (มีความคิดเป็นของตนเอง) “เมื่อร่วมรบด้วยพันธมิตร พึงให้ได้อำนาจบัญชาการ ทั้งฝ่ายเราและศัตรู” รอให้ดัชนีสอดคล้องกับระบบ รอ buy signal จึงเข้าเทรดเท่านั้น เทรดตามกระแสตลาด ไม่ใช่เทรดตามความรู้สึกตนเอง “เมื่อกำลังเราอ่อนแอ แต่ศัตรูกล้าแข็งฮึกห้าว พึงรีบถอยโดยเร็ว ที่ถอยใช่แพ้ แต่เตรียมตีโต้กลับเมื่อพร้อม" Stop loss หยุดเทรด มิใช่วิ

5 เรื่องที่ผมควรรู้ตั้งแต่แรกเริ่มเทรด 5 Things I Wish I Had Known When I Started Trading โดย Steve Burns 1) ลงเงินน้อย ๆ ก่อนในช่วงเริ่มต้น(อย่ารีบเอาเงินเก็บทั้งชีวิตมาลง) 2) การบริหารความเสี่ยงควรให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก - Stop loss - Risk Reward ratio - Risk of Ruin Formula 3) โฟกัสที่สัญญาณซื้อขายของตนเองเท่านั้น อย่าไปสนใจสื่อ/ความเห็นของคนอื่น 4) โฟกัสเฉพาะการเทรดตามความได้เปรียบ(edge)ของตนเองเท่านั้น - positive expectancy - ระบบเทรด - จุดซื้อที่เสี่ยงต่ำ - มีวินัย - position sizing ที่เหมาะสม 5) วางแผนเพื่อการอยู่รอดระยะยาวและสำเร็จในฐานะนักเทรด

10 นิสัยของคนประสบความสำเร็จ 1. พวกเขารับผิดชอบชีวิตตนเอง 100% "มีแต่คนห่วย ๆ เท่านั้นที่ชอบโทษคนอื่น" - หยุดโทษคนอื่น รวมถึงพ่อแม่ของคุณสำหรับสิ่งที่คุณเป็น - หยุดฟูมฟายกับอดีตที่จบไปแล้ว คุณไม่สามารถเปลี่ยนอดีตได้ - ทำงานหนัก และฉลาด 2. กล้าตัดสินใจว่าตัวเองต้องการอะไร: "คนส่วนใหญ่ใช้ชีวิตในสิ่งที่ไม่ต้องการ เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร" กำหนดเป้าหมายเจาะจงสำหรับคุณ เป็นเป้าหมายที่กระตุ้นคุณให้อยากทำทุกวัน อย่าตั้งเป้าหมายมักง่าย/ดูถูกตนเองด้วยการเลียนแบบคนอื่น 3. เชื่อว่าความฝันของคุณเป็นจริงได้แน่: ดังที่นโปเลียน ฮิลล์ กล่าวไว้ว่า "ไม่ว่าจิตใจของคุณจะคิดและเชื่ออะไร "คุณสามารถบรรลุมันได้" ถ้าคุณเชื่อมั่นในตัวเองและลงมือทำ คุณก็จะสำเร็จ 4. นึกภาพความสำเร็จของคุณล่วงหน้า: "จงทำสิ่งที่คุณมองเห็นในหัว ให้เป็นความจริง" เมื่อคุณรู้แล้วว่าเป้าหมายของคุณคืออะไร ให้สร้างภาพแห่งการบรรลุเป้าหมาย นึกถึงมันเมื่อคุณรู้สึกหมดกำลังใจ 5. ทำตัวเหมือนประสบความสำเร็จก่อนที่คุณจะได้มัน เริ่มทำราวกับว่าคุณบรรลุเป้าหมายแล้ว นึกภาพตัวเอง แบกรับ และพูดค

หากคุณต้องการลาออกจากงานประจำเพื่อเทรดเต็มเวลา นี่คือคำแนะนำจากคุณปู่ Peter Brandt : Full time trader วัยเก๋า 1) เงินทุนทั้งก้อนควรมาจากกำไรที่คุณเทรดได้เท่านั้น (เพราะมันเป็น ตัวการันตีว่าคุณมีพื้นฐานการทำเงินที่สม่ำเสมอมาแล้ว) 2) อย่าได้คาดหวังกำไรต่อปีเกินกว่า 50% 3) อย่าได้เสี่ยงเกินกว่า 2% ของพอร์ต ต่อการเทรดแต่ละครั้ง 4) คุณต้องมีเงินสดสำรองใช้ชีวิตได้โดยไม่ต้องพึ่งพากำไรจากการเทรด นาน 18 เดือน (คุณจะได้ไม่กดดันตัวเองให้ต้องเทรดโดยไม่จำเป็น) 5) คาดหมายไว้ก่อนเลยว่า ปีแรก คุณจะเป็นผู้แพ้ ทำเงินไม่ได้เลย Wanting to ditch day job to trade full time? My advice 1. Entire account capitalization should be from trading profits 2. Don't expect >50% annual RORs 3. Don' risk >2% of capital per trade 4. Have 18 months of living expenses saved separately 5. Expect Yr #1 to be a loser. @Peter Brandt - Unknown Market Wizards (การเทรดไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาทางการเงินของคุณ แต่มันจะขยายให้คุณเสียเงินมากขึ้นต่างหาก) ความหมายที่ปู่ไม่ได้บอกตรง ๆ ผมอยากเสริมให้เข้าใจมากขึ้น 1) คุณต้องอยู่ร

7 กฎทางจิตวิทยาและวินัยการเทรด เพื่อรับมือกับการขาดทุน การขาดทุนเป็นสิ่งที่นักเทรดเลี่ยงไม่ได้ แต่เราสามารถลดและจำกัดขนาดความเสียหายมันได้ ถ้าทำตามกฎ 7 ข้อนี้ครับ 1) อย่าปล่อยให้ขนาดการขาดทุนโตกว่าขนาดของกำไรโดยเฉลี่ยของคุณ Never let a losing day cost you more than your average winning day. 2) กำหนด/ตรวจสอบระดับ stop loss ให้ชัดและดีก่อนเข้าซื้อ Quantify your stop loss level before you enter a trade. 3) อย่าได้คิดเทรดเพื่อแก้แค้น Don’t engage in revenge trading. 4) ยอมรับ/รับผิดชอบต่อผลการเทรดของตนเอง Accept responsibility for your trading results. 5) เข้าเทรดเมื่อพบจังหวะเทรดที่เสี่ยงต่ำตามสูตรของตนเองเท่านั้นOnly trade when your edge is present in the markets. 6) ทุกการเทรดต้องผ่านการคำนวณ position sizing ที่เหมาะสมแล้วเท่านั้น Every trade should have the proper position sizing. 7) โฟกัสไปที่การทำตามระบบเทรดเท่านั้น ไม่ใช่ผลการเทรด Focus on your trading system execution and not the outcome of any one trade.

กลยุทธ์การเทรด ก็เหมือนกับ สูท สูท มี 2 แบบ คือ สูทสำเร็จ ที่นายแบบใส่แล้วดูดีที่สุด กับ สูทตัดใหม่ ที่เหมาะกับคุณที่สุด 1) เพื่อให้ตัวเองได้ใส่สูทสำเร็จที่ดูดีที่สุด คุณต้องเปลี่ยนแปลงร่างกายตนเอง เพื่อให้เหมาะกับมัน . 2) เพื่อให้ได้สูทที่เหมาะกับคุณที่สุด คุณต้องออกแบบเอง ซึ่งเป็นขนาดที่เหมาะกับคุณเพียงคนเดียวเท่านั้น . ถ้าคุณยังเทรดแล้วขาดทุนซ้ำซาก ปัญหามาจาก 2 สาเหตุนี้แน่นอน คือ 1) คุณใช้ระบบเทรดที่ไม่เหมาะกับจริตของคุณ หรือไม่ก็เพราะ... 2) คุณไม่ปรับ mindset ตัวเองให้เหมาะกับระบบนั้น . จงใช้บันทึกการเทรด และ รีวิวผลงานตนเอง ช่วยตรวจสอบ แล้วคุณจะเห็นจุดอ่อนของตนเองชัดขึ้น . มีแต่ผู้ชนะเท่านั้นที่กล้าเปลี่ยนแปลงและตรวจสอบตนเอง โดยการเปลี่ยนแปลงและตรวจสอบตนเองเป็นสิ่งที่ผู้แพ้ไม่อยากทำ

พัฒนาการทางการให้ความสำคัญของนักเทรด มือใหม่ให้ความสำคัญกับกลยุทธ์เพราะเขาคิดว่าได้เงินง่าย เพื่อเขาแคร์การขาดทุน และไม่อยากขาดทุนแบบโง่ ๆ ซ้ำซากอีก เขาจะเริ่มให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยง เมื่อรู้ว่าความเสี่ยงมาจากตัวเขาเอง จึงให้ความสำคัญกับ จิตวิทยาการเทรด

แนวทาง comeback จากการเล่นหุ้นหมดตัว 2 ครั้งของพี่ Mark Minervini ปั้นพอร์ตโต 33,000% Methods - Mindset - Money management - Risk management  . แก้ที่ฐานราก ความเชื่อที่ผิด . ขาดทุน - ตรวจสอบตนเอง - ไม่พอใจในผลงานของตนเอง - อยากจะดีขึ้น - หาทางแก้ไข - หาต้นแบบ - ศึกษาจากต้นแบบ - เอามาประยุกต์ใช้/ปรับแต่งให้เหมาะกับตนเอง - สร้างสูตรคัดหุ้น/จุดซื้อ/ขายเป็นสูตรสำเร็จของตนเอง - ปรับแต่งจนทำเงินได้สม่ำเสมอ . สไตล์แรกเข้า ซื้อแล้วถือ fundamental สไตล์ขาออกร่ำรวย สวิงเทรด technical+fundamental  ยอมรับความจริง  หาสาเหตุ - ไม่ตัดขาดทุน - ถัวเฉลี่ยขาดทุน - เลือกหุ้นผิดตัว - ซื้อผิดจังหวะ - พยายามซื้อที่จุดต่ำสุด - เทรดตามอีโก้ ไม่อยากเป็นคนผิด - เทรดตามคำแนะนำของคนอื่น - ซื้อหุ้นตามสตอรี่ แต่ไม่ดูกราฟ - ไม่มีแผนการขายหุ้น เก็บกำไร/ตัดขาดทุน . ปรับ Mindset  แต่ยังมีความเชื่อว่าตนเองมีศักยภาพที่สำเร็จได้แน่ หาแรงบันดาลใจ เข้าสัมนาคอร์ส CAN SLIM ของปู่โอนีล + David Ryan  ตั้งเป้าต้องเก่งเทียมเท่า David Ryan ให้ได้ ตนเองคือความเสี่ยงที่อันตรายที่สุด . หาแนวทางแก้ไข - ตัดขาดทุนไม่เกิน 10% โดยไม่มีข้อ

(ผู้เชี่ยวชาญไม่ใช่นักเทรดสมบูรณ์แบบ) มีคนสงสัยว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญแล้ว ยังคงขายหมู ตกรถ ตัดขาดทุนด้วยเหรอ? คำตอบก็คือ ใช่ครับ ผู้เชี่ยวชาญก็ยังมีการขายหมู คัทแล้วเด้ง ตกรถ เหมือนมือสมัครเล่นนั่นแหละ ความต่างระหว่างนักเทรดมือสมัครเล่น(เม่า) กับ นักเทรดผู้เชี่ยวชาญ(มืออาชีพ) ๑) ถ้าคุณไม่เชื่อ ให้กลับไปอ่านหนังสือ Momentum Master,  หนังสือชุด Market Wizards ก็มีบอกความผิดพลาดเรื่องนี้เช่นกัน แม้แต่เซียนหุ้นบ้านเราเองคุณลองไปดูคลิปให้สัมภาษณ์เขาให้ดีครับ ว่าทุกคนล้วนมีปัญหาเรื่องเหล่านี้กันทั้งสิ้น ไม่มีใครเลี่ยงได้หรอก . ๒) เหตุผลที่เขา ขายหมู คัทแล้วเด้ง ตกรถ เพราะเขาเทรดตามระบบของเขา ที่โฟกัสกระบวนการตามระบบ ที่มี Risk reward ตามระบบของเขาเอง ถ้าระบบสั่งให้ตัดขาดทุนเขาก็มีวินัยทำตามโดยไม่อิดออด ส่วนจะคัทแล้วเด้งไม่ใช่ปัญหาของเขา เพราะเขาควบคุมผลลัพธ์ไม่ได้ เขาไม่รู้อนาคตหรอก ก็แค่ทำตามระบบเท่านั้น . ๓) การขายหมู คัทแล้วเด้ง ตกรถ เป็นสิ่งที่เม่าเอามาบูลลี่กันเองทั้งนั้นแหละ มืออาชีพเขาไม่สนหรอก เพราะเขาโฟกัสไปที่กระบวนการ มากกว่าผลลัพธ์ . ๔) ความสมบูรณ์แบบ คลีนชีต เป็นความเชื่อที่มือสมัค

 Learning curve คือ gap ระยะเวลาที่คุณใช้ในการสร้างทักษะ หรือ สะสมความรู้ เพื่อให้เชี่ยวชาญในเรื่องนั้น สิ่งที่พิสูจน์ว่าคุณมีความเชี่ยวชาญคือ สามารถทำกำไรได้อย่างสม่ำเสมอ ต่อเนื่องกัน equity curve เป็นขาขึ้น Learning curve เป็นสิ่งที่นักเทรดผู้แพ้(ที่ล้มเลิก/ถอดใจไปก่อน)ไม่รู้จัก เพราะเขาคาดหวังการได้โฮมรัน(ผลลัพธ์ชั้นเลิศ-เหมือนถูกรางวัลที่หนึ่ง)ตั้งแต่การตีครั้งแรกเลย ทั้ง ๆ ไม่สำเหนียกว่าตนเองยังไม่รู้ไม่มีทักษะที่ควรคู่เลย ขาดทุนซ้ำซาก - ปล่อยกำไรให้กลายเป็นขาดทุน - รักษากำไรก้อนโตเอาไว้ไม่ได้ - เปลี่ยนกลยุทธ์ไปมา - พอร์ตไม่โตเสียที ฯลฯ นี่คือลักษณะของการอยู่ในช่วง learning curve ผลงานจะเป็นตัวชี้วัด ไม่ใช่ความรู้สึกของคุณ  (ความซื่อสัตย์ต่อตนเองสำคัญมาก) . การรู้จัก Learning curve ช่วยให้นักเทรดมีมุมมองที่ถูกต้องกับระยะเวลามากขึ้น ไม่รีบร้อนกดดันตัวเองมากเกินไป ไม่คาดหวังผลเลิศตั้งแต่ครั้งแรก แต่เปิดใจอ้าแขนรับความผิดพลาดเอามาเป็นบทเรียนเพื่อพัฒนาตนเองให้ดีกว่าเก่า โฟกัสไปที่การพัฒนาตนเองเป็นหลัก คนที่มี mindset เป็นน้ำไม่เต็มแก้วแบบนี้แหละที่มีศักยภาพต่อความสำเร็จในระยะยาว . ถึง

  การเทรดที่ช่วย(เพิ่มความน่าจะเป็น)ให้อยู่รอดและมีโอกาสรวยได้ยั่งยืน ต้องเริ่มต้นจากเป้าหมายที่เหมาะสมก่อน เป็นความคาดหวังที่ทำได้จริง ซึ่งมันต้องมาจากการรู้จักตนเอง จุดแข็งจุดอ่อน ความชอบ จริต จากนั้นจึงไปลงรายละเอียดที่กลยุทธ์การเทรด(ซื้อ/ขาย)ที่รับใช้เป้าหมาย ซึ่งจะต้องถูกควบคุมด้วยวินัยในการทำตามกฎการซื้อและขายให้ดีที่สุด . นักเทรดมือใหม่จำนวนมากเริ่มต้นที่กลยุทธ์ก่อน แต่ไม่มีเป้าหมายชัด โฟกัสไปที่ผลลัพธ์ที่ถูกใจ(เป็นกำไรเท่านั้น) พอเจอการขาดทุนก็เป๋ไปเลย ไม่สามารถทำการเทรดตามแผน ละเมิดการบริหารความเสี่ยง ส่งผลให้ได้รับผลการเทรดที่ย่ำแย่กว่าเดิม . ถึงกระนั้น ก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร เพราะเราเข้ามาแบบมือสมัคนเล่น ยังไม่รู้จักเกม ไม่รู้จักตัวเอง ไม่รู้จักธรรมชาติของตลาด ความผิดพลาดในช่วงแรกจึงเป็นสิ่งที่ให้อภัยได้ เป็นเรื่องปกติ . ให้มือใหม่ใช้ความผิดพลาดในครั้งแรกนี้เป็นข้อมูลในการเรียนรู้ หาจุดอ่อนของตนเอง ทำความรู้จักตนเอง จุดอ่อน จุดแข็ง เพื่อเป็นข้อมูลพัฒนาตนเองให้ดีขึ้นต่อไปครับ . ให้เวลาตัวเองในการเรียนรู้ และพัฒนา ไม่ต้องรีบร้อนครับ เพราะยิ่งคุณรีบเท่าไหร่ โอกาสขาดทุนหนัก minds