ZYO BLOG

ว่าด้วยการตัดขาดทุน = พอร์ตพัง https://pantip.com/topic/42747310/ เป็น Pain point ที่มือใหม่ก้าวข้ามยากมาก ๆ มันมีทั้งความไม่ต้องการตัดขาดทุนเป็นเจตนาเดิม กับได้รับความเสียหายจากการตัดขาดทุนมากับตา . คิดว่าผู้อ่านในที่นี้ส่วนใหญ่ น่าจะเป็นอย่างหลัง แล้วเราจะแก้ยังไง? ๑) ยอมรับให้ได้ว่าการขาดทุนเป็นเรื่องปกติไม่มีใครเลี่ยงได้ การตัดขาดทุนเป็นการกำจัดความเสี่ยงของหุ้นผู้แพ้ - อย่าโทษการตัดขาดทุน แต่จงตรวจสอบปัญหาของตนเอง - ตรวจสอบตนเองว่า ทำอะไรพลาดไป เช่นอาจจะเป็น เทรดตามอารมณ์ บังคับตนเองให้ต้องเทรด กลัวตกรถ หรือ เทรดตลอดเวลาหรือเปล่า? - เงินลงทุนก้อนโตเกินไป ตัดขาดทุนทีไรใจหายทุกทีหรือไม่? . ๒) คุณต้องมีแผนการตัดขาดทุนเอาไว้ล่วงหน้า โดย Position size ไม้แรกให้น้อยก่อน เป็นไม้ทดลอง - ถ้ามันขาดทุน(เป็นหุ้นผู้แพ้)ก็อย่าซื้อเพิ่ม และหากลงต่อไปถึง Stop ก็ขายออก ทำแบบนี้เงินที่คุณจะเสียจากการตัดขาดทุนจะเสียน้อยมาก เพราะมาจากไม้ทดลองเท่านั้น -- ถ้าหากมันเป็นผู้ชนะ คุณได้กำไรจากมันแล้ว + ทรงมันดีมาก ก็สามารถซื้อเพิ่มได้ตามพฤติกรรมราคาของมัน เช่น มันทะลุขึ้นจากการพักตัว หรือจะ buy on dip ที่ T

สนับสนุนโดย eBook : Edge : ความได้เปรียบทางการเทรดสำหรับมือใหม่"  https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&book_id=265423 Edge หรือความได้เปรียบในการเทรดเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักเทรดทุกระดับ  แต่สำหรับนักเทรดมือใหม่ มีบางกลยุทธ์ที่สามารถนำมาใช้ได้ทันทีเพื่อสร้างความได้เปรียบในตลาดการเงิน  คุณจำเป็นต้องสร้างมันขึ้นมา ถ้าอยากอยู่รอดในระยะยาว นี่คือบางแนวทางที่นักเทรดมือใหม่สามารถเริ่มต้นได้ทันที: ### 1. ศึกษาและทำความเข้าใจพื้นฐานของการเทรดและตลาด - **เรียนรู้พื้นฐานของการเทรด**: ทำความเข้าใจเกี่ยวกับการวิเคราะห์ทางเทคนิคและการวิเคราะห์พื้นฐาน เรียนรู้วิธีการอ่านกราฟ ราคาและรูปแบบต่าง ๆ เช่น การวิเคราะห์แนวโน้ม การใช้เส้น Moving Average, RSI, MACD เป็นต้น - **ศึกษาเกี่ยวกับตลาดที่คุณสนใจ**: แต่ละตลาดมีลักษณะเฉพาะตัว เรียนรู้เกี่ยวกับสินทรัพย์ที่คุณสนใจ เช่น หุ้น, ฟอเร็กซ์, สินค้าโภคภัณฑ์ หรือคริปโตเคอร์เรนซี ### 2. พัฒนาแผนการเทรด - **สร้างแผนการเทรดที่ชัดเจน**: กำหนดกลยุทธ์ในการเข้าและออกจากตลาด รวมถึงการบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ - **ตั้งเป้าหมายที่เป็นจริง*

ผู้คนที่เข้าไปเล่นพนันในบ่อน กาสิโน ต่างคิดว่าตัวเองเป็นนักเทรด ทีมีแต้มต่อ ควบคุมตนเองได้ นักเทรดส่วนใหญ่ คิดว่าตัวเองเป็นนักลงทุน มีความเป็นมืออาชีพ และควบคุมตนเองได้เช่นกัน แต่เมื่อเราดูผลลัพธ์ที่พวกเขาได้รับ performance ของพวกเขาพบว่า ไม่ต่างกันเลย พวกเขา เป็นนักพนัน โดยไม่รู้ตัว นี่ไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไร เป็นธรรมชาติของความเป็นมนุษย์ ที่เรามีความเป็นนักพนันในตัว พอมาอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่กระตุ้นจิตด้านนี้อย่างชัดเจน ความเป็นนักพนัน จึงโดดเด่นชัดเจนขึ้น กาสิโน ทำเงินได้จากจำนวนคนที่เข้าไปเล่น จึงเนรมิตสถานที่ให้ดูหรูหรา เครื่องดื่มฟรี เพื่อดึงดูดให้คนเข้ามาใช้บริการจำนวนมากที่สุด ยิ่งมีนักพนันเข้ามามากเท่าไหร่ กาสิโนยิ่งได้เงินมากตามเท่านั้น กาสิโนทำเงินได้จากนักพนันรายย่อยมากกว่าผีพนัน นี่คือเหตุผลว่าทำไมจึงมีการชักชวนกัน นั่งรถรับส่งฟรี ไปถึงแหล่งกันเลยทีเดียว กาสิโนรวย นักพนันยากจน กาสิโนแทบไม่มีความเสี่ยงเลย ถ้ามีนักพนันมากพอ การเทรดก็ไม่ต่างกัน เราสามารถซื้อ ขายได้อย่างง่าย ๆ มีอิสระในการเข้าถึง มีอินเตอร์เน็ทก็เทรดได้ เทรดจากร้านกาแฟ (ก็รวยได้) ในเกมการเทรด รายย่อยคื

  ในเมื่อมีข้อมูลระบุว่า การเทรดนั้น นักเทรด 89% ของทั้งหมด ขาดทุนในระยะยาว!!  ทำไมคุณจึงยังคงเล่นอยู่? ๑. คนส่วนใหญ่ไม่รู้ “Markets need a fresh supply of losers just as builders of the ancient pyramids needed a fresh supply of slaves. Losers bring money into the markets, which is necessary for the prosperity of the trading industry.” — Alexander Elder ๒. ถึงรู้ ก็ไม่เชื่อว่าฉันจะเป็นคน 89% นั้น เพราะข้อมูลที่ได้มานั้น มันทำให้เชื่อว่าฉันสามารถชนะได้ มันไม่ยาก ฉันไม่โง่เหมือนคนพวกนั้นหรอก ๓. 80% ล้มเลิก ถอนตัวไปภายใน 2 ปีแรกแล้ว ฉะนั้น ถ้าคุณรอดได้ คุณจะมีโอกาสเป็นคน 11% ที่สำเร็จได้ โดย 89% ที่ล้มเหลวนั้น เป็นเพราะเขาไม่ดีพอเอง คิดว่าการเทรดนั้นมันง่าย ไม่ต้องพยายาม จึงเทรดแบบงานอดิเรก มักง่าย เทรดแบบผีพนัน เมื่ออ่อนแอก็ต้องแพ้ไป ฉะนั้น ถ้าคุณอยากชนะ คุณต้องพัฒนาตนเองให้ดีพอ ต้องตั้งใจให้จริงจัง ให้เชี่ยวชาญเท่านั้น ๔. เซียนนักเทรด ก็เคยเป็น 89% นั้นมาก่อน แต่เขาไม่ยอมแพ้ และพัฒนาตนเอง กลับไปสู้ใหม่  ๕. ความเชี่ยวชาญ มีรางวัลที่สูงและคุ้มค่าเสมอ ถ้าคุณเก่งพอ คุณก็จะร่ำรวยพลิกฐานะ หาก

 ความจริงพื้นฐาน 5 ข้อของตลาดเก็งกำไรและการเทรด ที่มือใหม่ต้องยอมรับ ถ้าอยากรอดและไม่ติดดอย จากหนังสือ Trading in the Zone : โซนแห่งเทรดเดอร์ 1. อะไรก็เกิดขึ้นได้ในตลาด 2. คุณไม่จำเป็นต้องรู้อนาคต ก็สามารถทำเงินจากการเทรดได้ 3. ทุกกลยุทธ์จะไม่ชนะ(ได้กำไร)ทุกครั้ง แต่จะมีการขาดทุน-การได้กำไร แทรกปะปนกันไป 4. ความได้เปรียบ(แต้มต่อ)ในการเทรดนั้นไม่ได้วิเศษอะไร มันก็แค่บอกเราว่าความน่าจะเป็นที่จะเกิดสิ่งนี้(เช่น วิ่งขึ้น)มากกว่าสิ่งนั้น(เช่น วิ่งลง) 5. แต่ละการเคลื่อนไหวของตลาด จะมีความเป็นเฉพาะตัว(ไม่ซ้ำกับอดีต) วิธีการประยุกต์ใช้ 1. อะไรก็เกิดขึ้นได้ในตลาด: ตลาดจะทำในสิ่งที่มันทำ ไม่มีความแน่นอนใด ๆ ทั้งสิ้นสำหรับตลาดเก็งกำไร “Cut your losses short and let your profits run.” จึงเป็นกลวิธีที่ดีที่สุด มันจะช่วยให้คุณอยู่รอดและทำเงินได้ในระยะยาว การรอคอย จับจังหวะตลาด ว่าช่วงไหนได้เงินง่าย/เงินยาก จึงจำเป็น ถ้าอยากรอด ก็อย่าเทรดตามใจตนเอง แต่จงเทรดตามใจตลาด 2. คุณไม่จำเป็นต้องรู้อนาคต ก็สามารถทำเงินจากการเทรดได้ ไม่มีใครรู้อนาคต ทุกคนล้วนเดากันทั้งสิ้น ดังนั้นวิธีการที่ผู้อยู่รอดและรวยเขาทำ

10 แนวทางพัฒนา Mindset การเทรดของคุณให้แกร่งขึ้น ที่ Market Wizards ยังแนะนำว่าดี Mindset การเทรดที่แกร่งสามารถช่วยให้คุณตัดสินใจและปรับปรุงประสิทธิภาพการเทรดโดยรวมของคุณได้ดีขึ้นได้ นี่คือวิธีการ: 1. จดบันทึก: การบันทึกความคิด อารมณ์ และการซื้อ/ขายสามารถช่วยให้คุณระบุรูปแบบพฤติกรรมของคุณและตัดสินใจได้ดีขึ้นในอนาคต 2. ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน: การมีเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงและวัดผลได้จะช่วยให้คุณมีสมาธิและมีแรงบันดาลใจ 3. รักษาวินัย: ยึดมั่นในแผนการซื้อขายของคุณ แม้ว่าจะเผชิญกับการขาดทุนหรือแรงกระตุ้นทางอารมณ์ก็ตาม 4. รับทราบข้อมูล: ติดตามข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับสภาวะตลาดและการพัฒนาในอุตสาหกรรม 5. จัดการความเสี่ยง: ทำความเข้าใจและจัดการความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายเพื่อให้พอร์ตของคุณไม่เสียหายหนักจนกระทบให้เกิดอารมณ์ 6. ถ่อมตัว: อย่าปล่อยให้ความสำเร็จกระตุ้นให้คุณอหังการ์ และจงถ่อมตัวอยู่เสมอ เต็มใจที่จะเรียนรู้และปรับปรุงอยู่เสมอ 7. อดทน: อย่ากลัวตกรถ อย่าหุนหันพลันแล่น รอให้ตลาดเผยหน้าเทรดที่ดีสำหรับคุณ จึงค่อยเข้าเทรดตามสัญญาณ 8. รับผิดชอบ: รับผิดชอบต่อการตัดสินใจของคุณและอย่าตำหนิผู

เรียบเรียงจากบทความ 10 Things That Each Trader Must Master #Mind: จิตใจ (จิตวิทยา) ๑. มี Winning Mindset ทัศนคติผู้ชนะ ๒. มีวินัยในการปฏิบัติตามแผนการซื้อขายของคุณ ๓. ความพากเพียรที่จะก้าวผ่านช่วงเวลาที่ไร้พัฒนาการและขาดทุนซ้ำซาก ๔. มีความเชื่อว่าวิธีการเทรด(Methods)ของคุณได้ผลในระยะยาว . #Methods: วิธีการ ๕. ระบบเทรดของคุณต้องมีความได้เปรียบ Positive Expectancy Backtest แล้วพิสูจน์ว่าทำเงินได้ในระยะยาว . #Money :เงิน (ความเสี่ยงหรือการจัดการเงิน) ๖. ไม่ทุ่มลงเงินเดิมพันทั้งก้อนในการเทรดเดียว พอร์ตต้องไม่พัง แม้จะขาดทุนติดต่อกัน 50 ครั้ง ๗. ให้ความสำคัญกับความเสี่ยงของการถูกทำลายล้าง อย่าเสี่ยงมากกว่า 1%-2% ของเงินทุนของคุณในการเทรดหุ้นตัวเดียว ๘. อย่าให้ความสูญเสียมากกว่า 6% ของเงินทุนทั้งหมดของคุณในช่วงเวลาใดๆ ผ่านการเทรดหลายรายการ (ด้วยการใช้การตัดขาดทุน) ๙. ควรรักษา Reward : Risk ให้อยู่ที่ 3:1 (อ่าน #ศาสตร์และศิลปะของการปั้นพอร์ตให้เติบโตสม่ำเสมอ ) ๑๐. Position Sizing อย่างระมัดระวัง เพื่อป้องกันไม่ให้พอร์ตของคุณพังถ้าตลาด panic (หรือเจอหุ้นตัวซวย)แบบไม่คาดคิด

ทุกการเทรดที่ผมเข้า ผมมี Stop loss ทุกครั้ง มันเป็นจุดที่ผมตั้งไว้ล่วงหน้า เพื่อให้ผมตัดขาดทุนหุ้นผู้แพ้ให้เสียหายน้อยที่สุด และผมก็จะทำการประเมินมันใหม่ ผมรู้ระดับที่จะขายออก ก่อนที่จะเข้าเทรด ผมจะไม่เทรด ถ้าไม่รู้จุดออกเด็ดขาด ความมั่งคั่งมหาศาลจากตลาดหุ้นของผม มาจากการตัดขาดทุน ถ้าผมไม่มีการตัดขาดทุน ผมก็คงไม่รวยแบบวันนี้แน่ - Mark minervini . ประโยคสั้น ๆ นี้สะท้อน Mindset นักเทรดผู้ชนะได้ครอบคลุมมาก มันเป็น Mindset  ที่แตกต่างจากผู้แพ้ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของตลาด ๑) สะท้อน ความจริงจังในการวางแผน โดยเฉพาะการให้ความเสี่ยงมาก่อน ๒) สะท้อน การทำกระบวนการให้ดีที่สุดก่อนเสมอ ๓) สะท้อน การมีวินัยขั้นสูงสุด ๔) สะท้อน การเคารพความเสี่ยง ๕) สะท้อนว่า แกให้ความเคารพกฎทองคำของการเทรด ที่ว่า “Cut your losses short and let your profits run.” ๕) สะท้อนถึง ความรับผิดชอบต่อผลลัพธ์การเทรดของตนเอง Stop loss ไม่ได้ทำลายการเทรดของคุณ ถ้าคุณบริหาร Risk Reward ให้เป็นธุรกิจ และ คุณมีการ Position Sizing ที่ถูกต้อง เซียนเข้ามาเทรดเพราะมาทำเงิน ไม่ได้พิสูจน์ว่าเข้าต้องไม่คิดผิดเลยแม้แต่ครั้งเดียว

Win Rate ที่สูงไม่ได้ชี้ขาดว่าใครจะเป็นนักเทรดที่สำเร็จ ถึงแม้ว่าระบบเทรดที่ให้ Win Rate จะช่วยให้คุณรู้สึกสบายใจ แต่ตัวที่ชี้วัดว่าคุณจะรวยหรือไม่รวย คือ ขนาดของเงินกำไรที่คุณได้จากหุ้นผู้ชนะ ต้องใหญ่กว่าขนาดของเงินที่คุณต้องตัดขาดทุนจากผู้แพ้หลาย ๆ เท่า ตรงนี้ต่างหากที่สำคัญกว่า . อันดับแรกเลย คุณต้องยอมรับให้ได้ว่า ไม่มีนักเทรดหรือนักลงทุน(ที่สำเร็ตจ)คนไหนที่ไม่เคยขาดทุนและไม่ตัดขาดทุน ไม่มีระบบเทรดใดที่ชนะ 100% ถ้าคุณรับข้อแรกได้ ข้อสองที่คุณทำได้ จะช่วยให้คุณรอดและรวย นั่นคือ คุณต้องจำกัดขนาดของความเสียหายที่คุณขายตัดขาดทุนจากหุ้นผู้แพ้ให้เสียน้อยที่สุดให้ได้ ...ด้วยการคำนวณว่าคุณจะยอมเสี่ยงเท่าไหร่ต่อการเทรดแต่ละครั้ง . ไม่มีระบบเทรดใดที่ชนะ 100% แทนที่จะหมกมุ่นไปกับการหาทางพัฒนาระบบให้ชนะทุกครั้ง ก็ให้ไปหาทางจัดการขนาดความสูญเสียให้เสียน้อยหว่ากับรางวัลที่คุณจะได้ ... วิธีนี้ต่างหากที่จะช่วยให้ผลประกอบการเทรดของคุณได้กำไรในระยะยาว . ความลับของการเทรดที่สำเร็จนั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับ Win Rate ที่สูง ๆ มันคือความเด็ดขาดในการออกจากการเทรดที่แพ้ให้ไวที่สุด และความอึดในการทนรวยกับหุ้นผ

การเริ่มต้นที่ดีสำหรับนักเทรดมือใหม่ (คำแนะนำจากประสบการณ์จริงที่แฝงโฆษณา) คือ ความเชื่อเรื่องตลาด และตัวเอง..ที่ถูกต้องตามความจริง 1. ตลาดไม่ได้ให้เงินง่ายๆ ไม่ได้ช่วยให้รวยเร็ว มันมีความเสี่ยง สูงกว่า รางวัล หลายเท่าตัว 2. Mindset ของนักเทรดเอง ที่ทำให้การเทรดยากกว่าที่ควรจะเป็น  มือใหม่นั้นมีแค่ไฟปรารถนาที่รุนแรง แต่ยังขาดความเข้าใจ ไร้ประสบการณ์และทักษะ ความเชื่อที่ผิดเกี่ยวกับตลาดและตนเองจึงขับดันให้เขาทำการเทรดแบบทำลายตัวเองตั้งแต่แรกและจะยังไม่รู้ตัว  จนกระทั่งเสียหายหนักจนเกินเยียวยา  หากพอร์ตไม่พัง ความตั้งใจก็พังตั้งแต่แรก 3. การยอมรับความเสี่ยงจากตลาดและตัวเอง  รวมทั้งมีความสบายใจและหันหน้าเข้าหาความเสี่ยง เพื่อบริหารและจัดการให้ดีจึงสำคัญอย่างยิ่ง . บางทีการได้อ่านหนังสือที่เกี่ยวกับ Mindset การเทรดจึงอาจจะทำให้มือใหม่มีโอกาสอยู่รอดในตลาดได้มากขึ้นและนานขึ้นกว่าเดิม ถ้าคุณรอดได้นาน โอกาสรวยซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญที่คุณเข้ามาสู่วงการนี้ก็มีโอกาสเป็นไปได้สูงขึ้นแน่นอน

How I trade and how I made my fortune. พี่มาร์คทวีตประมาณว่า นี่เป็นคลิป ที่สรุปไอเดียการเทรดของแกได้ดีที่สุด ไอเดียนี้แหละที่แกประยุกต์ใช้กับการเทรดแล้วร่ำรวย เป็นบทพูดสั้น ๆ ภาษาอังกฤษ ดังนี้ "I’ve made my living, Mr. Thompson, in large part as a gambler. Some days I make 20 bets. Some days I make none. Weeks, sometimes months in fact, when I make no bets at all because there simply is no play. So I wait, plan, marshal my resources and when I finally see an opportunity and there is a bet to make, I bet it all.” . แปลตามแบบของผมได้ดังนี้... คุณทอมป์สัน เงินส่วนใหญ่ที่ผมได้มาเลี้ยงชีพมาจากจากการพนัน บางวันผมเดิมพัน 20 ครั้ง บางวันผม(นั่งอยู่ในกาสิโนโดย)ไม่ได้เข้าพนันอะไรเลย จริง ๆ แล้ว ผมไม่ได้เข้าพนันเป็นสัปดาห์ เป็นเดือนก็ยังมี สาเหตุที่ผมไม่ได้เข้าพนันอะไรเลย เพราะมันไม่มีตาไหนที่มันดีพอต่อการเสียเงินเข้าไปเดิมพันเลยแม้แต่น้อย ผมจึงต้องรอ วางแผน รวบรวมทรัพยากรของตัวเอง และเมื่อผมเห็นโอกาส นั่นเป็นจังหวะที่ผมเข้าเดิมพัน ผมจะลงเงินเดิมพันกับมัน . ปล. บทพูดนี้ น่าจะมาจากซีรี่ส์ เร

กับดักอันตรายของการซื้อหุ้นราคาถูก "หุ้นราคาถูก" ในความหมายของพี่มาร์ค ที่เป็นนักเก็งกำไร คือ "หุ้นขาลง ที่ลงหนักจนคุณเทียบระยะห่างจากราคาที่จุดสูงสุดกับราคาปัจจุบันแล้วพบว่าตอนนี้มันลดราคาเยอะมาก" นะครับ แกไม่ได้ให้นัยเกี่ยวกับมูลค่าแต่อย่างใด (ถ้าคุณมั่นใจว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในการคำนวณมูลค่าหุ้นชนิดหาตัวจับยาก ก็ให้ข้ามไปนะครับ ประเด็นนี้ไม่เกี่ยวกับคุณ) . ความอันตรายของหุ้นขาลง ที่มือใหม่คิดว่ามันลงจนราคาถูกมากแล้วก็คือ  ๑) คุณเชื่อว่าตอนนี้มันราคาถูกมากแล้ว ๒) พอมันร่วงลงต่อ คุณจะไม่กล้าขาย เพราะเชื่อว่ามันถูกมากแล้ว ไม่น่าลงต่อไปได้อีกมากหรอก ๓) ยิ่งราคาร่วงลงต่อไปอีก คุณจะรู้สึกว่าราคาที่ถูกกว่านั้นมันดึงดูดให้คุณ "ซื้อเพิ่ม" โดยไม่ลังเล และชอบธรรมที่จะซื้อ ๔) ไป ๆ มามา คุณก็ได้ซื้อถัวเฉลี่ยด้วยเงินที่ก้อนโตมากเกินไป Position Sizing โตเกินไป โตจนจนละเมิดการบริหารความเสี่ยงที่ดีไป -- คุณกำลังเพิ่มความเสี่ยงในการทำลายตนเอง(Risk of Ruin)มากขึ้นโดยไม่รู้ตัว ๕) และถ้าคุณโชคร้าย หุ้นตัวนั้นเป็นตัวซวย การถัวเฉลี่ยผู้แพ้แค่ตัวเดียว ก็ทำลายพอร์ตของคุณได้อย่างง

ผู้คนมักจะประหลาดใจเสมอ  เมื่อได้ยินผมบอกว่า  "ผมชอบระบบเทรดที่มีความแม่นยำ 25% มากกว่า 75%" . ผมมีเหตุผล ว่าทำไม เพราว่า ระบบเทรดที่มีความแม่นยำ 25% นั้น มันอนุญาตให้ผมทำผิดพลาดได้หลายครั้ง(ผิด 7 ครั้ง จากทั้งหมด10 ครั้ง) แต่ผมก็ยังมีกำไรติดมือ นี่แหละที่ผมเรียกว่า "การเอาความผิดพลาดมาใส่ในระบบ" ผมพยายามที่จะสร้างระบบที่ "ความผิดพลาดไม่อาจทำลายผมได้" ระบบที่แม้ผมจะคิดผิดได้หลายครั้ง แต่ผมก็ยังได้กำไร . ในการเทรดนั้น คุณไม่สามารถควบคุมความแม่นยำได้เลย เพราะคุณไม่อาจควบคุมราคาหุ้นหลังจากที่คุณซื้อไปแล้วได้เลย พูดง่าย ๆ คือ คุณมีโอกาสผิดพลาดได้เสมอ ดังนั้นกลยุทธ์ของผมคือ ผมจะต้องไม่พึ่งพาความแม่นยำมากเกินไป . ผมจะหันไปจัดการกับสิ่งที่ผมสามารถควบคุมได้แทน นั่นคือ "ความเสี่ยง" แม้ผมจะไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของราคาหลังจากที่ซื้อได้ แต่ผมสามารถแบ่งเงินซื้อให้เสี่ยงต่ำได้ ผมสามารถตัดขาดทุนให้เสียน้อยได้ ผมสามารถเลือกที่จะไม่เทรดได้ ฯลฯ . ถ้าผมควบคุมขนาดความผิดพลาดจากหุ้นผู้แพ้ได้ แล้วผมสามารถทนรวยในหุ้นผู้ชนะให้ได้กำไรมากกว่าขนาดโดยเฉลี่ยของความเสี

  "Always get odds on your money" - Mark Minervini ประโยคสั้น ๆ ที่ครอบคลุมทั้ง Position Sizing + Trading Management + Trading Psychology + Self Discipline . วิธี Get odds on your money 1.บุกหนักเฉพาะตลาด Easy Dollars 2. Position Sizing โตตามผลงาน (Progressive Exposure) 3. Risk 1 < Reward 2++ 4. ตลาด Hard Penny ไม่เทรด 5. ไม่บังคับตนเองให้ต้องเทรด 6. การหยุดเทรด คือ การเทรดที่ปลอดภัยที่สุด

  1. ดูให้แน่ว่าหุ้นได้สร้างฐาน หรือ pattern ที่สมบูรณ์ ก่อนเข้าเทรด 2. ซื้อ เมื่อเห็นว่าราคาได้ข้าม trend line ของฐานราคา หรือ pattern และต้องมีวอลุ่มเพิ่มสูงขึ้นกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 30 วัน 3. ขายเมื่อราคาหุ้นทะลุเส้น trend line ลงหรือจุดที่มัน breakout โดยตั้งให้จุดคัทอยู่ต่ำกว่าจุดนั้นเล็กน้อย(กันโดนเขย่า) นอกจากนี้ ให้ขายหุ้นที่มันพยายาม breakout แต่ไม่ผ่านภายใน 20 นาที ขายหุ้นที่เบรกไปแล้วแต่ยืนไม่อยู่นานเกินกว่า 3 ชั่วโมงหลัง 4. ขายหุ้นออก 20 - 30% หลังจากที่หุ้นวิ่งไปได้ 15 - 20% จากจุดที่มัน breakout 5. ทนรวยกับหุ้นขาขึ้น ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ขายหุ้นอ่อนแอ หรือตัวที่หยุดเคลื่อนที่ ออกให้ไว จำไว้เลยว่า หุ้นดี คือหุ้นที่วิ่งขึ้น (นอกจากนั้น เลวหมด) 6. พยายามหา ติดตามและมีส่วนร่วมกับกลุ่มหุ้นที่แข็งแกร่งที่สุดของตลาด 7. ยามที่ตลาดอ่อนแรง และกลับตัว หุ้นของเรามักจะร่วงหนัก แรง และเร็วเกินกว่าที่เราจะรับได้ ให้ไปศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำ new higher, trend lines และ reversal patterns เพราะมันจะช่วยให้คุณได้จุดออกที่ไวกว่า และปลอดภัยกว่า 8. จำไว้ว่า วอลุ่มเทรดคือกุญแจสำคัญสำหรับ

  10 Habits of Top Traders 10 นิสัยของเทรดเดอร์ระดับท็อป They think for themselves: พวกเขามีระบบ กลยุทธ์ และแผนเทรดของตนเอง They do not care when others disagree: พวกเขามีความคิดเห็นเป็นของตนเอง They can trade safely through chaos: พวกเขาให้ความเสี่ยงมาก่อนด้วย Position Sizing รัดกุม They are always learning: พวกเขาพร้อมเรียนรู้ตลอดเวลา They do not participate in market debate: พวกเขาไม่เสียเวลาเถียงตลาดและคนอื่น They cut losses quickly: พวกเขาตัดขาดทุนไว Their opinion matches the price action: พวกเขาเชื่อการเคลื่อนไหวราคา > ความเห็นตนเอง They trade small: พวกเขาเทรดน้อยและ Position Sizing ด้วยการให้ความเสี่ยงมาก่อนเสมอ They have confidence: พวกเขามีความมั่นใจในตัวเองและระบบเทรดของตนเอง They never quit: พวกเขาไม่ล้มเลิก แม้จะล้มเหลวหลายครั้งก็ตาม