เทรดผิดบ่อย แต่ก็รวยมหาศาล ด้วย 3 หลักการนี้

Image
เทรดผิดบ่อย แต่ก็รวยมหาศาล ด้วย 3 หลักการนี้ แปลจาก  https://x.com/markminervini/status/1854232072610525389 เล่นหุ้นขาดทุน : ความเข้าใจผิดของมือใหม่  https://www.mebmarket.com/?action=book_details&book_id=240758 "ในการเทรดของผม  ผมทำพลาดพอ ๆ กับที่ทำถูก  แต่ความสำเร็จในระยะยาวของผมนั้นมาจากสามสิ่งนี้: 1. "เมื่อผมทำพลาด ผมจะรีบปรับเปลี่ยนสถานะของตัวเอง แม้ว่าความคิดของผมอาจยังไม่เปลี่ยนไปตามก็ตาม" นักเทรดที่ประสบความสำเร็จต้องยอมรับว่าความคิดแรกอาจไม่ถูกเสมอไป ดังนั้นหากตลาดไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ ก็ต้องพร้อมที่จะปรับกลยุทธ์ให้เข้ากับสถานการณ์ใหม่ ๆ ทันที การยึดติดกับความคิดเดิมอาจทำให้พลาดโอกาสที่ดีกว่า และอาจเสี่ยงต่อการขาดทุนหนักในระยะยาว วินัย:ผลพลอยได้ของ Edge... ในรูปแบบ ebook   https://www.mebmarket.com/?action=book_details&book_id=327917 2. "ผมไม่ปล่อยให้ตัวเองอยู่กับความผิดพลาดนาน" ข้อดีของการเทรดคือเราสามารถออกจากสถานะที่ขาดทุนได้ทันทีที่เห็นสัญญาณว่าไม่ดี การเทรดไม่จำเป็นต้องยึดติดกับความคิดผิดพลาด ถ้ารู้ว่าตัวเองพลาด ให้รีบออกมาอย่ารอช้า เพราะย

"เสียงโหยหวนจากห้องสินธร" บทแรกของ eBook: Edge ความได้เปรียบทางการเทรดสำหรับมือใหม่

บทความนี้ มาจากบทแรกของ eBook: Edge ความได้เปรียบทางการเทรดสำหรับมือใหม่

เล่มนี้เผยแพร่ไปเมื่อ 11 ตุลาคม 2566 แต่ช่างบังเอิญ ตรงกับสถานการณ์ปัจจุบันมากครับ

เพราะดัชนีลงต่อเนื่องทั้งเดือน เม่าที่ห้องสินธรร้องระงม เรียกร้องให้ทางการเข้ามาอุ้มตลาดหุ้น


บ้างก็โทษ กลต ที่ไม่ยอมทำอะไร
บ้างก็โทษมาตรการ Short sell
บ้างก็โทษฝรั่งที่ขายไม่หยุด
บ้างก็โทษรัฐบาล ฯลฯ
ทุกคนโทษใครทุกคนที่ไม่ใช่ตัวเอง
ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้ว เป็นพวกนักเล่นหุ้นเอง ที่ "ไม่มีแผนการเทรดเอง"
ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้ว เป็นพวกนักเล่นหุ้นเอง ที่ "เล่นหุ้นแบบตามมีตามเกิด"
ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้ว เป็นพวกนักเล่นหุ้นเอง ที่ "เล่นหุ้นโดยไม่มีความได้เปรียบ"
แต่เม่ามือสมัครเล่น ไม่เคยนึกโทษตัวเองเลย
ซึ่ง ถ้าเม่าผู้แพ้ไม่กลับมาปรับปรุงตนเอง อีกไม่นานก็ต้องหมดตัวหมดใจออกไปจากตลาดแน่นอน

ถ้าท่านไม่อยากเป็นคนส่วนใหญ่ที่โหยหวนตามการลงต่อเนื่องของดัชนี

แนะนำให้อ่านอีบุ๊คเล่มนี้ครับ รับรองกระจ่าง และเห็นแนวทางปรับปรุงตนเองแน่นอน


"ถ้าคุณเคยผ่านหรือเป็นสมาชิกประจำของห้องสินธร ต้องเคยผ่านตากับกระทู้ใจความประมาณนี้มาบ้างไม่มากก็น้อย...

“ไม่กล้าคัทลอส เพราะเสียดายเงิน แก้ยังไงครับ?”

“เพื่อนๆพี่ๆคิดว่าตอนนี้หุ้นมันลงจนสุดหรือยังครับ?”

“เล่นหุ้นขาดทุนมาโดยตลอด 3 ปีเลย ทำไงดีครับ?”

“ซื้อหุ้นทิ้งไว้แล้วพอหุ้นตกเราก็ไม่ขาย เก็บหุ้นไว้จนกว่าจะขึ้น แล้วค่อยขายตอนมีกำไรได้มั้ยคะ?”

“ขอถามแบบโง่ๆค่ะ​ หลายคนศึกษา​การเล่นหุ้น แต่ทำไมถึงไม่รวยจากการเล่นหุ้นกันทุกคนเหรอคะ?”

“เล่นหุ้น ถือยาวมา 13 ปี ผล คือขาดทุน เครียด หมดตัว”

“ทำไมการลงทุนในหุ้นไม่ง่ายเหมือนอ่านในหนังสือเลย?” 

“ทำยังไงกับพวกที่ชอบหลอกตั้งเชียร์หุ้นให้คนหลงดีใจซื้อหุ้นจนต้องติดดอยบ้าง?”

“เคยมั้ยครับ มีคนเชียร์ให้เข้าหุ้นตัวนี้ แต่ไม่รู้จะขายตอนไหน(เพราะคนเชียร์ไม่ได้บอก) สุดท้ายทนถือจนขาดทุนหนัก?”

“เครียดกลัวหุ้นจะลง อัดมาเต็มพอร์ทเลย ทำไงดีครับ?”

ฯลฯ


“เสียงโหยหวนจากห้องสินธร” อาจดูเหมือนเป็นเสียงเล็ก ๆ ของคนกลุ่มเล็ก ๆ แต่ความจริงแล้ว มันเป็นตัวแทนของนักเทรด 80% ของตลาดหุ้นไทยเลยครับ มันสะท้อนอารมณ์หวั่นไหวที่เจือความกลัว ความกังวล ความไม่แน่ใจ ความลังเลไม่กล้าตัดสินใจ และ การตัดพ้อ ประชดประชัน เพราะได้รับผลการเทรดที่ไม่ถูกใจ รู้สึกเหมือนเป็นผู้แพ้ และถูกกระทำ


น่าสงสารมั้ย? ต้องบอกว่า “นิดหน่อย”

มีวิธีแก้ปัญหาเหล่านี้มั้ย? ขอตอบว่า “มีแน่นอนครับ”

เพราะจากประสบการณ์ของผมนั้น บอกเลยว่า พวกเขากำลังแค่ “กลัวเงาของตัวเอง” เท่านั้น เป็นความเข้าใจผิดเพราะมีมุมมองและความคาดหวังที่ผิด ทำให้การตอบสนองและให้คุณค่าที่ผิด ๆ ไป นั่นจึงทำให้คุณมีความทุกข์ อึดอัดจนต้องโหยหวน


นี่เป็นปัญหาที่แก้ได้ไม่ยากเลย ถ้าคุณรู้วิธีที่ผมจะบอกในเล่มนี้

นี่คือทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเม่าที่ต้องการพัฒนาตนเองให้หลุดพ้นจาก 80% ที่ขาดทุนซ้ำซาก มันจะช่วยให้คุณกลายเป็นคนส่วนน้อยที่จะ “รอด/ไม่ขาดทุนหนักและกลับมาทำกำไรจากการเทรดได้อย่างสม่ำเสมอ” ซึ่งเป็นคนกลุ่มน้อยไม่ถึง 10% ที่สามารถทำได้ในกลุ่มนักเทรดของตลาดหุ้นไทยนี้แน่นอนครับ


40% เลิกใน 1 เดือน 80% เลิกใน 2 ปี

มีข้อมูลจากต่างประเทศที่น่าเชื่อถือว่า จากการสำรวจนักเทรด 100% ของบ้านเขา ระบุว่า 

40% เลิกใน 1 เดือน 

80% เลิกใน 2 ปี

เหลือแค่ 7% ของทั้งหมด ที่ยังคงยืนหยัดเทรดนาน 5 ปี

และมีแค่ 1% ของทั้งหมดที่ร่ำรวย มั่งคั่งจากการเทรด


เหตุผลที่ 40% เลิกใน 1 เดือน  และ 80% เลิกใน 2 ปี เพราะว่าแรงบันดาลใจให้เขากระโจนเข้ามาเทรด/เล่นหุ้นนั้นมาจากความเชื่อว่า “ตลาดหุ้น/ตลาดเก็งกำไร ช่วยให้เขารวยเร็ว ๆ” จึงขนเงินเก็บมาทั้งชีวิตทุ่มลงตลาดเพื่อช่วยให้เขาบรรลุเป้าหมายไว ๆ ตามใจหวัง แต่เมื่อลงสนามจริง/เทรดจริงแล้วพบว่าแค่เดือนแรกก็ “ขาดทุนยับ” จึงเสียขวัญ ถอนตัวไปถึง 40% ของทั้งหมด และที่เหลือก็ยังคงมองโลกในแง่ดีขอสู้ต่ออีกสักนิดเผื่อโชคเข้าข้าง แต่พบว่าพยายามแล้วก็ไม่ได้รวยเร็วอย่างที่คิดจึงได้บทสรุปว่า “เลิกดีกว่า ไปทำอย่างอื่นน่าจะได้เงินง่ายกว่า” ขืนสู้ไปก็หมดตัว(และบางคนก็หมดตัวไปจริง ๆ) 

จากข้อมูลนี้ได้ข้อสรุปว่า

1) นักเทรดที่กระโจนเข้าวงการนี้ ล้วนอยากรวยเร็ว ๆ 

2) พวกเขามีความเชื่อว่าตลาดหุ้นทำให้เขารวยเร็วได้แน่

3) แต่พอลงสนามจริง เทรดจริงกลับพบว่าไม่ใช่

4) จึงรู้ตัว ยอมรับว่าคิดผิด และถอนตัวออกไป คนที่ยอมรับได้ไวก็ออกไปไวในเวลาไม่กี่เดือน แต่คนที่ยังมีความหวังยังเชื่อก็จะฝืนสู้จนกว่าจะทนไม่ไหว จึงยอมถอนตัวไปในเวลาไม่กี่ปี


ถ้าถามผมคนที่ยังคงยืนหยัดสู้อยู่ในตลาดหุ้นร่วม ๆ 10 ปีแล้ว ก็ต้องบอกว่า “ตลาดหุ้นทำเงินยาก เป็นเรื่องจริงครับ” และการที่คนส่วนใหญ่ล้มเลิกความตั้งใจ ถอนตัวไปตั้งแต่เนิ่น ๆ ถือเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว ถ้าคุณได้ผลลัพธ์ไม่ตรงตามที่คาดหวัง คุณจะทนทู่ซี้สู้ต่อทำไมให้เสียเงินเสียเวลา ไม่ต้องไปร้องโหยหวนโอดครวญตามเว็บบอร์ดต่าง ๆ ให้ขายหน้า ไม่ได้ผลก็เลิก


แต่ถึงกระนั้น ถ้าหากคุณเป็นคนที่ “ไม่อยากยอมแพ้” อยากสำเร็จจากการเทรด/เล่นหุ้นให้ได้ คุณยังมีหวังอยู่ครับ คุณต้องเปลี่ยนมุมมอง ปรับความคาดหวังให้สมจริง ทำความเข้าใจธรรมชาติของตลาดเก็งกำไร แล้วเริ่มต้นปรับปรุงตนเอง สร้างระบบและพัฒนา Edge การเทรดของตนขึ้นมาให้ได้ นี่คือทางออกเดียวเท่านั้นที่คุณต้องทำต่อ คุณต้องแกร่ง ต้องมีจุดยืน ต้องเป็นตัวของตัวเอง ต้องมีอาวุธคู่ใจเท่านั้น จึงจะสำเร็จได้"

Edge : ความได้เปรียบทางการเทรดสำหรับมือใหม่ มีจำหน่ายแล้วที่แอพ Meb ครับ

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

VCP (Volatility Contraction Pattern) และรูปแบบที่คล้ายกัน

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

Setup เงินล้านของ Kristjan Kullamägi

สรุปหนังสือ Trade Like a Casino

อธิบาย Wyckoff Accumulation Phase แบบละเอียดยิบ