ก่อนจะเข้าเนื้อหาในบทความนี้ ออกตัวก่อนเลยว่าผมไม่มีความรู้เรื่องของภาพใหญ่ของตลาดโลกเลย นี่เป็นแค่การจับแพะชนแกะ จากหลายๆบทความมาปนเปกันเท่านั้น จึงอย่าเชื่อมาก
ช่วงนี้ SET ลงหนักตามสภาพตลาดโลก ซึ่งนำโดยดัชนีของตลาดหุ้นสหรัฐ เนื่องจาก FED ประกาศจะปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นต่อเนื่อง จนผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปีของสหรัฐฯ ขึ้นไปอยู่ในระดับเกินกว่า 3% เมื่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรในสหรัฐฯ สูงขึ้นจนถึงระดับที่นักลงทุนมองเห็นว่าน่าลงทุน เพราะพันธบัตรเสี่ยงต่ำมากกว่าหุ้น นักลงทุนทั่วโลกเลยแห่กันนำเงินออกจากตลาดหุ้นต่างๆ (ที่มีความเสี่ยงสูงกว่าพันธบัตร) แล้วนำเงินไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลแทน
มันจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลก(แม้แต่สหรัฐเอง) ก็ร่วงระนาว
ซึ่งเรื่องนี้มันก็เป็นส่วนหนึ่งของวัฏจักรที่มีคนตั้งเป็นทฤษฎีไว้
ชาร์ทนี้เป็นความสัมพันธ์ระหว่างราคาพันธบัตรกับตลาดหุ้นและตลาดโภคภัณฑ์
Stage 1 ตลาดพันธบัตรวิ่งขึ้น แต่ตลาดหุ้นและตลาดโภคภัณฑ์ร่วง
Stage 2 ตลาดหุ้นวิ่งขึ้น ตลาดพันธบัตรวิ่งขึ้น แต่ตลาดโภคภัณฑ์ร่วง
Stage 3 ตลาดโภคภัณฑ์วิ่งขึ้น ตลาดพันธบัตรวิ่งขึ้น และตลาดหุ้นวิ่งขึ้น
Stage 4 ตลาดพันธบัตรร่วง แต่ตลาดหุ้นและตลาดโภคภัณฑ์ซิ่ง
Stage 5 ตลาดหุ้นวิ่งร่วง ตลาดพันธบัตรก็ร่วง แต่ตลาดโภคภัณฑ์ซิ่ง
Stage 6 ตลาดโภคภัณฑ์ร่วง ตลาดพันธบัตรก็ร่วง และตลาดหุ้นก็ร่วง
ภาพนี้เป็นประวัติที่ฝรั่งเขาทำเอาไว้ เทียบระหว่าง ตลาดหุ้นกับตลาดพันธบัตร
พบว่า ทุกครั้งที่ตลาดพันธบัตรบูม ตลาดหุ้นมักร่วงโหดไปทุกที
มันเป็นธรรมชาติไปแล้วครับ
เราไม่สามารถไปยื้อหรือขัดขวางการเปลี่ยนหมุนของกระแสเงินได้
สิ่งที่เราทำได้คือ โอนอ่อนไปตามกระแสเท่านั้น โดยมีเป้าหมายอันดับหนึ่งของเราคือ "รักษาผลประโยชน์" ของพวกเราก่อนเสมอ ถ้าตลาดไม่ให้เงิน ก็อย่าดันทุรัง เอาตัวรอดไว้ก่อนครับ
ที่มาและเว็บอ้างอิง
- http://www.rsinvestor.com/Home/20081125-bus-cycle-and-sector-rotation-pt-2
- https://www.isranews.org/isranews-article/70232-worrawan.html