สาเหตุที่ทำให้นักเทรดส่วนใหญ่ ต้องขาดทุนซ้ำซาก หรือ ไม่สามารถทำกำไรได้สม่ำเสมอ

Image
สาเหตุที่ทำให้นักเทรดส่วนใหญ่ ต้องขาดทุนซ้ำซาก หรือ ไม่สามารถทำกำไรได้สม่ำเสมอ ๑) เทรดแบบงานอดิเรก - มาทรงนี้ จะไปไวมาก เพราะงานอดิเรกมีแต่จ่าย และจ่าย // อีกกลุ่มใหญ่ไม่แพ้กันคือ เทรดแบบการพนัน เล่นหุ้นเสี่ยงสูงทั้งๆ ที่ตนเองความรู้แทบไม่มี จำคำพูดเซียนมาใช้เป็นกลยุทธ์ ๒) ถึงแม้จะตั้งใจศึกษาเล่าเรียน หาความรู้และฝึกฝนอย่างหนัก ก็ยังคงมีโอกาสขาดทุนหนักอยู่ เพราะ - ไปได้ข้อมูล แนวทางที่ผิด โดยเฉพาะการโฟกัสที่ผลลัพธ์ที่แม่นยำสูง + เทรดโดยไม่มีการบริหารความเสี่ยง - แต่แม้จะได้ข้อมูลที่ดี ก็ยังมีโอกาสขาดทุนยับอยู่ ถ้าคุณมีความเชื่อที่ตรงข้ามกับกลยุทธ์/กระบวนการและกฎการเทรดที่ทำเงิน -- แบบนี้เรียกว่าความขัดแย้งจากภายใน ตัวอย่างที่ชัดมากคือ กลยุทธ์ให้คุณตัดขาดทุน แต่ถ้าภายในใจของคุณไม่เชื่อ คุณก็ทำตามไม่ได้ // กลยุทธ์ให้คุณบริหารความเสี่ยง แต่ถ้าคุณอยากรวยเร็ว คุณก็ไม่ยอมทำตาม ๓) ประสบการณ์ คือ ตัวแปรสำคัญ ของการเทรดที่ได้กำไรสม่ำเสมอ ถ้าคุณมีประสบการณ์มากพอ คุณผ่านเกมมากพอ คุณจะเข้าใจหลายเรื่อง ที่มันขัดกับความเชื่อทั่วไปของมนุษย์ได้ เพราะหลายเรื่องของเกมการเทรดนั้น ไม่ได้มีไว้เพื่อเอาชนะ -

พันธบัตรกับตลาดหุ้น สัมพันธ์กันยังไง? (Bonds & Business Cycle )


ก่อนจะเข้าเนื้อหาในบทความนี้ ออกตัวก่อนเลยว่าผมไม่มีความรู้เรื่องของภาพใหญ่ของตลาดโลกเลย นี่เป็นแค่การจับแพะชนแกะ จากหลายๆบทความมาปนเปกันเท่านั้น จึงอย่าเชื่อมาก

ช่วงนี้ SET ลงหนักตามสภาพตลาดโลก ซึ่งนำโดยดัชนีของตลาดหุ้นสหรัฐ เนื่องจาก FED ประกาศจะปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นต่อเนื่อง จนผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปีของสหรัฐฯ ขึ้นไปอยู่ในระดับเกินกว่า 3%  เมื่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรในสหรัฐฯ สูงขึ้นจนถึงระดับที่นักลงทุนมองเห็นว่าน่าลงทุน เพราะพันธบัตรเสี่ยงต่ำมากกว่าหุ้น นักลงทุนทั่วโลกเลยแห่กันนำเงินออกจากตลาดหุ้นต่างๆ (ที่มีความเสี่ยงสูงกว่าพันธบัตร) แล้วนำเงินไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลแทน

มันจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลก(แม้แต่สหรัฐเอง) ก็ร่วงระนาว



ซึ่งเรื่องนี้มันก็เป็นส่วนหนึ่งของวัฏจักรที่มีคนตั้งเป็นทฤษฎีไว้

ชาร์ทนี้เป็นความสัมพันธ์ระหว่างราคาพันธบัตรกับตลาดหุ้นและตลาดโภคภัณฑ์
Stage 1 ตลาดพันธบัตรวิ่งขึ้น แต่ตลาดหุ้นและตลาดโภคภัณฑ์ร่วง 
Stage 2 ตลาดหุ้นวิ่งขึ้น ตลาดพันธบัตรวิ่งขึ้น แต่ตลาดโภคภัณฑ์ร่วง 
Stage 3 ตลาดโภคภัณฑ์วิ่งขึ้น ตลาดพันธบัตรวิ่งขึ้น และตลาดหุ้นวิ่งขึ้น
Stage 4 ตลาดพันธบัตรร่วง แต่ตลาดหุ้นและตลาดโภคภัณฑ์ซิ่ง
Stage 5 ตลาดหุ้นวิ่งร่วง ตลาดพันธบัตรก็ร่วง แต่ตลาดโภคภัณฑ์ซิ่ง 
Stage 6 ตลาดโภคภัณฑ์ร่วง ตลาดพันธบัตรก็ร่วง และตลาดหุ้นก็ร่วง

ภาพนี้เป็นประวัติที่ฝรั่งเขาทำเอาไว้ เทียบระหว่าง ตลาดหุ้นกับตลาดพันธบัตร
พบว่า ทุกครั้งที่ตลาดพันธบัตรบูม ตลาดหุ้นมักร่วงโหดไปทุกที

มันเป็นธรรมชาติไปแล้วครับ

เราไม่สามารถไปยื้อหรือขัดขวางการเปลี่ยนหมุนของกระแสเงินได้

สิ่งที่เราทำได้คือ โอนอ่อนไปตามกระแสเท่านั้น โดยมีเป้าหมายอันดับหนึ่งของเราคือ "รักษาผลประโยชน์" ของพวกเราก่อนเสมอ ถ้าตลาดไม่ให้เงิน ก็อย่าดันทุรัง เอาตัวรอดไว้ก่อนครับ


ที่มาและเว็บอ้างอิง
- http://www.rsinvestor.com/Home/20081125-bus-cycle-and-sector-rotation-pt-2
- https://www.isranews.org/isranews-article/70232-worrawan.html

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

อธิบาย Wyckoff Accumulation Phase แบบละเอียดยิบ

VCP (Volatility Contraction Pattern) และรูปแบบที่คล้ายกัน

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ

วิธีการอ่านสัญญาณแท่งเทียน (Candlesticks Reading) สำหรับมือใหม่

แท่งเทียนกลับตัว - Reversal Candlesticks