คุณต้องลงสนามเทรดจริง ถึงจะเข้าใจการเทรดอย่างแท้จริงได้

"มีเพียงเกม (การเทรด) เท่านั้น ที่จะสอนให้คุณเข้าใจเกม (การเทรด) ได้"— Jesse Livermore ไม่มีหนังสือ บทความ หรือคำแนะนำใด ๆ ที่จะสอนคุณให้เป็นเทรดเดอร์ที่แท้จริงได้ นอกจากการลงสนามเทรดจริง คุณจะเรียนรู้ผ่าน ประสบการณ์ตรง ทั้งจาก ความสำเร็จและความผิดพลาด ๑) เรียนรู้จากตลาด – กราฟ ราคาวิ่ง แรงซื้อแรงขาย จะเป็นครูที่ดีที่สุด ๒) ทดสอบกลยุทธ์จริง – ทฤษฎีดีแค่ไหนก็ไร้ค่า ถ้าคุณไม่ลองใช้จริง ๓)ฝึกควบคุมอารมณ์ – เทรดจริงเท่านั้นที่จะสอนให้คุณรับมือกับความโลภและความกลัว สรุป: คุณต้องลงมือเทรดเอง ฝึกฝน ปรับปรุง และเรียนรู้จากทุกการซื้อขาย นั่นคือวิธีเดียวที่จะเข้าใจ "เกมการเทรด" อย่างแท้จริง

เทคนิคการหาราคาเป้าหมายหุ้น (Exit strategy 101 - Target Price)

การ หา ราคา เป้าหมาย หุ้น

อีกแนวทางการขายหุ้นที่เขาใช้กัน คือ ระบุราคาเป้าหมายครับ
ถือเป็นการสวิงเทรดที่ใช้กันแพร่หลายมาก
โดยคนที่สามารถทำเรื่องแบบนี้ได้ ต้องมีเจตนารมณ์ที่แน่วแน่ว่าอยากได้กำไรไม่มากนัก แต่ก็มีโอกาสได้สูง ไม่คิดจะซื้อแล้วรวยด้วยหุ้นตัวเดียวแบบมือใหม่ขี้โลภส่วนใหญ่ตั้งใจกัน

เทคนิคการหาราคาเป้าหมายหุ้น
เป้าหมายการส่วนใหญ่ของพวกเขามาจากการ.....
- ใช้ทรงของ price pattern เพื่อระบุว่าราคาควรไปถึงเท่าไหร่
ซึ่งมันจะมีสูตร






ภาพจาก rbneifx.wordpress.com



- บางคนก็ซื้อตอนที่ราคากลับตัวจากขาลง แล้วไปขายที่จุดสูงสุดเดิมก็มี

อย่าง CPN จุดกลับตัวคือ Island Reversal เปิด gap ข้ามได้ก็ซื้อตาม
จุดขายที่ได้กำไรงามและสุดทางจริงๆ คือโซนยอด
สังเกตนะครับ ถ้าราคาทำแท่งเขียวยาวๆ ยาวที่สุด้ท่าที่เคยเห็น ไปทะลุทำนิวไฮ หรือ all time high หากมาด้วยวอลุ่มสูงด้วยล่ะก็ มีโอกาสจบรอบสูง ขายออกดีกว่า

- บางคนก็ใช้ตัวเลขศักดิ์สิทธิ์ อย่าง Fibonacci ช่วยกำหนดราคาขายได้เช่นกัน




https://www.slideshare.net/pipsumotraderfx/fibonacci-retracement-level

คลิปของพี่ปุย เทคนิคการหาราคาเป้าหมายหุ้น ด้วย Fibonacci


อุปสรรคของการใช้เทคนิคการหาราคาเป้าหมายหุ้น
๑) บางคนมองว่าได้กำไรน้อย ไม่คุ้ม
โดยส่วนใหญ่แล้วคนที่คิดแบบนี้ มักจะอยากเทรดให้ได้กำไรคำใหญ่ๆ ประเภทเป็นเด้ง พอเห็นกำไรที่ได้ไม่มาก หนักหน่วย หลักสิบต้นๆ แล้วก็คิดว่าไม่คุ้ม ซึ่งนั่นมาจากประสบการณ์ของพวกเขาเอง ที่ไม่เคยเทรดแบบนี้มาก่อน หากได้ลอง take profit แบบนี้ดู แล้วชนะหลายๆครั้ง ได้มากกว่าเสีย รับรองว่าติดใจ

๒) บางคนก็ยึดติดทฤษฎีมากไป
คือเขาคิดว่า ถ้าทรงมันตรงตามทฤษฎีแล้ว ทุกอย่างมันต้องเป๊ะ
จึงเกิดอคติ ถ้าราคายังไม่ถึงเป้า ก็ไม่ยอมขาย กลายเป็นดันทุรัง ยื้อเพื่อจะเอาให้ได้
โดยที่เขาลืมว่า ตัวเองไม่ได้เป็นเจ้าของตลาด จึงบังคับให้ตลาดวิ่งไปตามใจตัวเองไม่ได้
แทนที่จะ "เอาเท่าที่ได้" กลับ "จะเอาให้ได้"
คนที่หัวดื้อ เอาแต่ใจ อวดฉลาดกว่าตลาด แบบนี้ ตลาดชอบมากครับ อีกไม่นานได้คลานเป็นหมาแน่
แทนที่จะได้เงิน เผลอๆ โดนทุบให้ขายตัดขาดทุน แทนที่จะได้กำไร
พอขาดทุน แทนที่จะรู้ตัวเอง กลับคิดสู้ นั่นแหละครับ หางเริ่มงอกออกมาแล้ว อีกไม่นานก็เห่าเป็น
(ทั้งหมดนี้ว่าตัวเองนี่แหละครับ  ด่าได้ทุกวัน อิอิอิ)

๓) บางคนก็มโน
คิดไปเองว่าทรงนี้มันตรงสูตร แล้วสะเปะสะปะซื้อ เพราะไม่ทันบ้าง รีบไปบ้าง
อารมณ์กลัวตกรถ ทำให้ไม่ละเอียด พอไม่ละเอียด ถ้ามีความคิดที่ว่าตัวเองต้องถูกเสมอ
ไม่ยอมรับความผิดพลาดของตัวเอง ไม่ยอม stop loss ยื้อจะหาไม้แก้ เพื่อเถียงตลาดว่าฉันถูก ตลาดผิด
แบบนี้ก็รอวันพังได้เลยครับ โชคดีได้ไม่เท่าไหร่ แต่โชคร้ายมาทีถึงขั้นหมดพอร์ตได้เลย

ก็ถือเป็นการให้ข้อมูลทั้งสองด้านให้ท่านคิดเผื่อใจไว้นะครับ
เพราะว่าการขายหุ้นนั้นมันเป็น "ศิลปะ" ไม่ใช่คณิตศาสตร์เพียวๆ
บางทีต้องมีการปรับให้ไหวเอนตามสถานการณ์ ซึ่งทำยากมาก ผมเองก็ยังไม่ผ่านด่านนี้


7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

Marios Stamatoudis สวิงเทรดปั้นพอร์ตโต 291.2% ในปีเดียว เขาทำได้อย่างไร?

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

Trader's Journey ของ Christian Flanders: จากนักโป๊กเกอร์สู่นักเทรดที่ปั้นพอร์ตโต +433% ในปี 2024

วิธีการอ่านสัญญาณแท่งเทียน (Candlesticks Reading) สำหรับมือใหม่