ถ้าคุณต้องการรู้จักนิสัยของตลาดให้มากที่สุด ให้เดินไปที่ชายหาด ก้าวลงไปในน้ำทะล

Image
ถ้าคุณต้องการรู้จักนิสัยของตลาดให้มากที่สุด ให้เดินไปที่ชายหาด ก้าวลงไปในน้ำทะล แล้วลองผลักน้ำจากฝั่ง ทำคลื่นดันกลับเข้าไปหาทะเล สร้างคลื่น สู้กับทะเล ลองทำดู ทั้งคลื่นลูกเล็ก และคลื่นลูกใหญ่ คุณจะพบว่า ไม่ว่าคุณจะสร้างคลื่นดันกลับไปในรูปแบบไหน คุณจะไม่มีทางชนะคลื่นจากทะเลได้เลย  ไม่มีทาง ความจริงที่คุณได้จากเรื่องนี้คือ "ตลาดจะถูกเสมอ" . Market Wizards ยอมรับตรงกันว่า "ตลาดจะทำในสิ่งที่มันอยากจะทำ" พวกเขาไม่เคยหัวเสียกับตลาด(เพราะเคยทำมาแล้วในตอนเป็นมือใหม่) พวกเขาไม่เคยโทษตลาด(เพราะเคยทำมาแล้วในตอนเป็นมือใหม่) . พวกเขาแค่ยอมรับว่าตลาดจะทำในสิ่งที่มันจะทำ พวกเขาแค่ยอมรับว่าเขาไม่สามารถเอาชนะตลาดได้ จากนั้นสิ่งที่พวกเขาทำก็คือ ๑) อ่านตลาด ๒) แยกแยะความเสี่ยงกับโอกาสให้ได้ ๓) หาโอกาสทำเงินเมื่อตลาดให้โอกาส และอยู่เฉย ๆ ถือเงินสดเมื่อตลาดเป็นความเสี่ยง ๔) คิดก่อนเสมอว่า "ถ้าตลาดไม่ให้เงิน(เทรดขาดทุน) ฉันจะยอมเสียกี่บาท" การเอาตัวรอด คือเป้าหมายแรกของยอดนักเทรด เพราะคิดแบบนี้...ไม่ว่าตลาดจะร้ายแค่ไหน ยอดนักเทรดก็จะรอดเสมอ #จิตวิทยาการเทรด #ปั้นพอร์ต #วินัยนัก

กฎการเทรด 23 ข้อ ที่ปู่โอนีลใช้แล้วชนะตลาด(อเมริกา)



1) อย่าซื้อหุ้นราคาถูกๆ เพราะหุ้นของผู้นำในอุตสาหกรรมจะไม่ถูกซื้อขายในราคาต่ำๆ

2)  ซื้อหุ้นที่มี EPS โตอย่างน้อย 25% มาร่วมสามปี แล้วปีต่อไปก็ถูกคาดหมายว่าจะโตได้อีก 25%
และควรมี annual cash flow 20% หรือมากกว่า

3) มองหาหุ้นที่มี EPS โต 25% ถึง 30% ในสามไตรมาสล่าสุด
ส่วนในตลาดขาขึ้น ให้มองหาหุ้นที่ EPS โต 40% ถึง 500% (ยิ่งมากยิ่งดี)

4) ดูยอดขายสามไตรมาสล่าสุดว่ามันมีการโตเป็นอัตราเร่ง
หรือไตรมาสล่าสุดมันโตอย่างน้อย 25%


5) ซื้อหุ้นที่ ROE มากกว่าหรือเท่ากับ 17%
แต่จะให้ดีมากๆ หากทำได้ 25% ถึง 50%

6) ดูให้แน่ว่ากำไรหลังหักภาษี-เพิ่มขึ้น และไกล้ๆกับจุดสูงสุด

7) หุ้นที่ซื้อส่วนใหญ่ควรอยู่ในระดับท็อป 5 หรือ 6 ของอุตสาหกรรม

8) อย่าซื้อหุ้นเพราะปันผลดีหรือ P/E
แต่ให้ซื้อเพราะมันเป็นอันดับหนึ่งในอุตสาหกรรมโดยเฉพาะในเรื่องของการเติบโตของยอดขายและกำไร, ROE, ส่วนต่างกำไร และผลิตภัณฑ์ที่เหนือกว่า

9) ซื้อหุ้นที่มี relative strength ตั้งแต่ 85 ขึ้นไป

10) วอลุ่มการซื้อขายของหุ้นนั้ต้องมีค่าเฉลี่ยอย่างน้อยๆแสนหุ้นต่อวัน



11) เรียนรู้การอ่านกราฟโดยเน้นไปที่การสร้างฐานราคาและจุดซื้อที่ถูกต้อง
ใช้กราฟรายวันและสัปดาห์เพื่อหาหุ้น
ซื้อหุ้นที่ราคา breakout ออกจากฐานที่สมบูรณ์ ด้วยวอลุ่มในวันมากกว่าก่อนหน้านั้น อย่างน้อย 50%

12) ซื้อถัวเฉลี่ยขาขึ้นเท่านั้น และรีบตัดขาดทุนอย่าให้เกิน 7-8% โดยไม่มีข้อแม้


13) เขียนกฎการเทรดออกมา ว่าจะซื้อและขายตอนไหน
และต้องทำตามนั้นอย่างไม่มีข้อแม้


14) ให้แน่ใจว่ามีกองทุนที่ผลงานดีอย่างน้อยหนึ่งหรือสองกองเข้าซื้อหุ้นตัวนั้น ในช่วงไม่กี่ไตรมาสที่ผ่านมา


15) ธุรกิจของหุ้นตัวนั้นต้องมีสินค้าหรือบริการตัวใหม่ที่ขายดีมากๆ
และควรมีตลาดที่ใหญ่พอต่อการขายหรือบริการซ้ำ


16) มั่นใจว่าตลาดทั่วไปควรเป็นขาขึ้น และทั้งหุ้นขนาดเล็กและใหญ่ก็ขึ้น


17) หุ้นควรถูกถือครองโดยนักจัดการชั้นยอดจำนวนมากๆ


18) มองหาบริษัทมีอนาคตก้าวหน้าที่สร้างจากคนรุ่นใหม่
มากกว่าบริษัทล้าหลังที่บริหารโดยคนรุ่นเก่า


19) ลืมอีโก้หรือเกียรติประวัติของคุณซะ
ตลาดมันไม่รู้จักและไม่แคร์พวกนี้หรอก
ไม่ว่าก่อนหน้านี้คุณจะเก่งแค่ไหน,ตลาดก็จะเก่งกว่าคุณ
IQ สูงหรือปริญญาสูงแค่ไหนก็ไม่ได้การันตีความสำเร็จในตลาดหุ้น ยิ่งอีโก้มากก็จะทำให้เสียเงินมาก
ดังนั้นอย่าทะเลาะกับตลาด และอย่าพยายามพิสูจน์ว่าตลาดผิดและตัวเองถูก เพราะยิ่งพยายามคุณจะยิ่งเสียเงิน


20) เฝ้าดูบริษัทที่มีการประกาศซื้อหุ้นคืน 5-10% หรือมากกว่านั้น หาให้เจอว่ามันมีการจัดการบริษัทใหม่และมาจากไหน

21) อย่าซื้อหุ้นที่จุดต่ำสุด หรือระหว่างขาลง อย่าถัวเฉลี่ยขาลง

22) ถ้ามีข่าวร้ายออกมาแต่ตลาดยังเฉยๆ คุณก็ไม่ควรตกใจ ให้มองในแง่ดี 
เพราะมันบ่งบอกว่าตลาดยังแข็งแรงกว่าที่ใครๆคิด
ในทางกลับกัน,หากมีข่าวดีมากๆออกมา-แต่ตลาดกลับย่อตัว ให้ระวัง 
เพราะเป็นสัญญาณบอกว่าตลาดมันอ่อนแอกว่าที่ใครๆคิด

23) 37%  ของการเคลื่อนไหวราคาหุ้นผูกติดกับผลประกอบการของอุตสาหกรรมนั้น 
ส่วนอีก 12% นั้นขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของภาพรวม
ดังนั้น,ครึ่งหนึ่งของการขึ้นมาจากความแข็งแรงของกลุ่มอุตสาหกรรมนั้น

ที่มา http://www.tradingwithrayner.com/william-j-oneil-23-trading-rules-that-will-make-you-a-better-stock-trader/



เสริม
MONEY MANAGEMENT
๑) จำกัดขาดทุนที่ 8% 
ตั้ง stop loss ไว้ที่ 8% ต่ำกว่าจุดที่ซื้อ เพื่อจำกัดการขาดทุน
แต่กระนั้น, โดยรวมแล้วคุณอาจจะขายทิ้งก่อนที่มันจะลงไปถึง 8%  ได้
ถ้ามั่นใจว่ามันเสียทรงไปอย่างชัดเจนแล้ว

๒) อย่าปล่อยให้กำไรกลายเป็นขาดทุน
เมื่อราคาหุ้นวิ่งขึ้นจนถึงระดับราคาที่เหมาะสมแล้ว อย่าปล่อยให้ตัวเองต้องขาดทุน
ยกตัวอย่างเช่น คุณมีทุน 50 บาทต่อหุ้น และราคาได้วิ่งขึ้นไปที่ 58 หรือ 59 บาท แต่จากนั้นมันกลับร่วงลงมถึง 50.5 บาท คุณควรขายเพื่อเก็บกำไรเล็กน้อยนั้นออกไปก่อน อย่าปล่อยให้กำไรเป็นขาดทุนด้วยการนั่งหวังว่ามันจะเด้งกลับขึ้นมาให้ขายอีกรอบ เพราะคุณอาจจะไม่ได้รับโอกาสที่สอง

๓) หลีกเลี่ยงการถูกเขย่าออกจากหุ้นที่โดดเด่น
ประมาณ 40% ของหุ้นที่คุณซื้อจะย่อกลับลงมาใกล้จุดซื้อเริ่มต้นของคุณ ซึ่งบางครั้งก็ลงพร้อมวอลุ่มที่สูงเอาการ สำหรับหนึ่งหรือสองวัน ตราบเท่าที่มันยังลงไม่ถึงจุดตัดขาดทุนของคุณ (ต่ำกว่าทุน 8%) ให้นั่งนิ่งๆและอดทน บางครั้งกว่าที่มันจะเด้งขึ้น,ก็ใช้เวลาหลายสัปดาห์ คุณต้องรู้จักรอถ้าต้องการกำไรก้อนใหญ่

๔) หุ้นของคุณอาจย่อกลับมาไกล้ หรือต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 50 วันไปสักวันหรือสองวัน
นี่เป็นโอกาสซื้อที่เหมาะสม

๕) อย่าขายและทำกำไร ถ้าหุ้นนำตลาดของคุณวิ่งขึ้น 20% หรือมากกว่าในเวลาเพียงสองหรือสามสัปดาห์เท่านั้น คุณต้องอดทนและให้หุ้นของคุณมีเวลามากขึ้น การวิ่งขึ้นรอบใหญ่มักต้องใช้เวลาในการพัฒนา ดังนั้นควรรออย่างน้อย 8 หรือ 10 สัปดาห์นับจากการซื้อครั้งแรกของคุณ จากนั้นจึงลองพิจารณามันดูอีกครั้ง




บทความอ่านเพิ่มเติม
แนวทางการเทรดของ William O’Neil
10 ลักษณะของคนที่ประสบความสำเร็จ
1) มีความคิดเชิงบวก. พวกเขาคิดว่าตัวเองต้องประสบความสำเร็จ, ไม่ล้มเหลว,โดยไม่คำนึงถึงสถานการณ์ที่ยากลำบาก
2) ตัดสินใจอย่างมีสติเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขากำลังติดตาม, และวาดแผนการเฉพาะเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
3) ไม่หยุดเรียนรู้
4) มีความอดทนและทำงานหนัก
5) ชอบวิเคราะห์รายละเอียดและหาข้อเท็จจริง
6) โฟกัส, ไม่ให้คนหรือสิ่งอื่นใดทำให้พวกเขาไขว้เขวจากเป้าหมาย เรียนรู้การประหยัดเงิน
7) มีความคิดเป็นของตัวเอง แล้วสร้างมันให้เป็นรูปแบบเฉพาะ และสร้างมันให้เป็นนวัตกรรม
8) สื่อสารกับคนอื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
9) มีจิตใจที่มั่นคง ซื่อสัตย์กับตัวเอง

หน้าตา Climax Tops กับเคสหุ้นไทย

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

วิธีการอ่านสัญญาณแท่งเทียน (Candlesticks Reading) สำหรับมือใหม่

อธิบาย Wyckoff Accumulation Phase แบบละเอียดยิบ

ดูยังไงว่าเป็น Cup with Handle pattern?

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ