ถ้าคุณต้องการรู้จักนิสัยของตลาดให้มากที่สุด ให้เดินไปที่ชายหาด ก้าวลงไปในน้ำทะล

Image
ถ้าคุณต้องการรู้จักนิสัยของตลาดให้มากที่สุด ให้เดินไปที่ชายหาด ก้าวลงไปในน้ำทะล แล้วลองผลักน้ำจากฝั่ง ทำคลื่นดันกลับเข้าไปหาทะเล สร้างคลื่น สู้กับทะเล ลองทำดู ทั้งคลื่นลูกเล็ก และคลื่นลูกใหญ่ คุณจะพบว่า ไม่ว่าคุณจะสร้างคลื่นดันกลับไปในรูปแบบไหน คุณจะไม่มีทางชนะคลื่นจากทะเลได้เลย  ไม่มีทาง ความจริงที่คุณได้จากเรื่องนี้คือ "ตลาดจะถูกเสมอ" . Market Wizards ยอมรับตรงกันว่า "ตลาดจะทำในสิ่งที่มันอยากจะทำ" พวกเขาไม่เคยหัวเสียกับตลาด(เพราะเคยทำมาแล้วในตอนเป็นมือใหม่) พวกเขาไม่เคยโทษตลาด(เพราะเคยทำมาแล้วในตอนเป็นมือใหม่) . พวกเขาแค่ยอมรับว่าตลาดจะทำในสิ่งที่มันจะทำ พวกเขาแค่ยอมรับว่าเขาไม่สามารถเอาชนะตลาดได้ จากนั้นสิ่งที่พวกเขาทำก็คือ ๑) อ่านตลาด ๒) แยกแยะความเสี่ยงกับโอกาสให้ได้ ๓) หาโอกาสทำเงินเมื่อตลาดให้โอกาส และอยู่เฉย ๆ ถือเงินสดเมื่อตลาดเป็นความเสี่ยง ๔) คิดก่อนเสมอว่า "ถ้าตลาดไม่ให้เงิน(เทรดขาดทุน) ฉันจะยอมเสียกี่บาท" การเอาตัวรอด คือเป้าหมายแรกของยอดนักเทรด เพราะคิดแบบนี้...ไม่ว่าตลาดจะร้ายแค่ไหน ยอดนักเทรดก็จะรอดเสมอ #จิตวิทยาการเทรด #ปั้นพอร์ต #วินัยนัก

หุ้นเด้งของผม : KOOL

โดย เซียว จับอิดนึ้ง : facebook.com/zyoit

เราเล่นหุ้นก็อยากจะได้กำไรรอบละเด้งปีละอย่างน้อยสักหนึ่งตัว
เพราะถาคุณกำไรหุ้นตัวหนึ่ง 100% ซึ่งเงินที่ซื้อมีจำนวนที่เป็นนัยยะ เช่น 20% ของพอร์ต
หากกำไรที่คุณได้เพิ่มมาเป็นเด้งจากตัวนั้น ก็เท่ากับว่าปีนั้นพอร์ตของคุณโตอย่างน้อย 20% ไปเลย
ซึ่งถือว่าเป็นเรทผลประกอบการที่น่าพอใจมาก
นักลงทุนระดับมืออาชีพก็ต้องการระดับนี้เป็นอย่างน้อยต่อปี

แล้วจะหายังไง?
ผมจจะนำเสนอความฟลุคของตัวเองมาให้อ่านกันครับ




หุ้นที่วิ่งเป็นเด้งมีทุกปีอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะหาเจอมั้ย
บางคนบอกว่าไม่ต้องเป็นเด้งหรอก
ขอแค่รอบละสิบเปอร์เซ็นต์ แล้วเปลี่ยนตัวไปเรื่อยๆ ให้กำไรทบต้นก็พอ
ซึ่งก็ไม่ผิด ทางใครก็ทางมัน

แต่ผมอยากบอกว่า คุณโฟกัสสิ่งไหน คุณก็จะเห็นแค่สิ่งนั้น
ถ้าสนใจจะเล่นสั้น คุณก็จะตัดสินสิ่งนั้นในช่วงแคบๆ
ถ้าอยากได้หุ้นเด้งมากๆ หากพยายามลงมือทำมากพอ ก็จะเจอมันเองแบบบังเอิญ

ดังนั้น ถ้าท่านอยากได้หุ้นเด้งสักตัวในแต่ละปี ก็พอได้อยู่
จากประสบการณ์ของตัวผมเองนี่ก็ฟลุ๊คได้หุ้นเด้งทุกปี แต่กำไรไม่ได้เป็นกอบเป็นกำ
เพราะไปมีหุ้นขาลงอยู่ในพอร์ตด้วย ถัวไปถัวมาก็เลยกลายเป็นขาดทุน

ปีนี้ผมเลยเปลี่ยนแนวทางการเล่นแบบพลิกไปอีกทางเลย คือไม่เล่นหุ้นขาลง
ไม่ยุ่งหุ้นต่ำบาท ไม่โฟกัสหุ้น turnaround เน้นหุ้นขาขึ้นเท่านั้น
โดยเฉพาะหุ้นที่ทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบปี หรือ All time high ซึ่งนี่ก็ไกล้จะครบปีแล้ว
ผลประกอบการก็ดีขึ้นในระดับที่น่าพอใจ

มาดูประวัติหุ้นที่ผมฟลุ๊คได้กำไรเป็นรอยเปอร์เซ็นต์ในอดีตกัน
ก่อนหน้านั้นก็ KOOL

ดูภาพรวมแล้วมันวิ่งจากราคาหนึ่งบาทไปจบไกล้ๆ 9 บาท ก็มหาศาลเลยนะ การที่ผมก็เกาะมาได้แค่เด้งเดียวนี่ถือว่ากระจอกมากเลยครับ

แล้วผมไปเจอได้ยังไง?
ตัวนี้ถือว่าฟลุ๊คเพราะไปชอบไอเดียต้นเทรนด์ด้วยการทำ breakaway gap ของคุณน้ำผึ้งเข้า
แกบอกว่า gap แบบนี้แหละคือต้นเทรนด์



หรือท่านจะอ่าน รวมบทความเกี่ยวกับ Gap ด้วยก็ได้ ผมทำไว้แล้ว
ซึ่งตอนนี้ผมก็มีการดู gap เป็นอีกไม้ตายประจำครับ
หนังสือ "หุ้นซิ่ง สวิงเทรด" และ "หุ้นขาขึ้นรอบใหญ่" ก็มีเคสมากมายเลยนะครับ
เพราะผมชอบมากก็เลยพยายามแนะนำวิธีดู

ปล. หนังสือของคุณน้ำผึ้ง "หุ้นลิ่งดาวอังคาร" ก็น่าซื้อมาอ่านเช่นกันครับ

ตอนนั้นพอดูคลิปคุณน้ำผึ้งจบ ร้อนวิชามาก
ก็เลยเอาสูตรนี้ไปใช้หาหุ้น แล้วก็ไปเจอ KOOL ทำพอดิบพอดี ก็เลยได้ลอง


ซึ่งโชคดีมาก ที่ผมได้ทุนในช่วงของไส้แท่งเทียน ประมาณ 1.75 บาท ก็ถือว่าต่ำมาก เพราะวันต่อๆไปแม้มันย่อก็ลงไปไม่ถึงทุนผม จึงทำให้ทนรวยต่อไปได้

สารภาพเลย ซื้อหุ้นตัวไหนก็อยากได้ 100% กับทุกตัวแหละ คือซื้อแล้วกะเอารวย

ดังนั้นมันจึงเป็นเหมือนไฟนำทางให้ผม ให้พยายามทนถือจนกำไรมากที่สุด ให้ถึงเด้งให้ได้
แต่ก็ติดปัญหาเดียวคือความวอกแวกของตัวเอง ทำให้บ่อยครั้งต้องขายหุ้นไปซะกลางคัน
เพราะคิดว่ามันไม่ยอมไปต่อแล้ว ย่อหนักไป เปลี่ยนไปเป็นตัวอื่น...ที่วิ่งช้ากว่า

หันกลับมามองอีกที ตัวที่เพิ่งขายไป มันวิ่งขึ้นต่อเป็นเด้ง...จนได้
ดังนั้น ตัวที่ผมได้กำไรเป็น 100% ส่วนใหญ่ จึงต้องเป็นหุ้นที่วิ่งแรงรวดเดียวเป็นเด้งเลย


ผมจำไม่ได้แล้วว่าไปขายออกที่ราคาไหน ก็กะเอาประมาณ 5 บาทนิดๆ เพราะรู้สึกอึดอัด และมองว่าราคาไม่น่าจะไปต่อได้แล้ว จึงตัดใจขายออกมา ก็ได้กำไรเป็นเด้งสมใจ

แต่จากนั้น เราก็รู้ว่ามันวิ่งต่อไปเกือบ 9 บาทเลยทีเดียว ก็เจ็บใจนะที่ไม่ทนให้ได้กำไรขนาดนั้น แต่ก็ไม่ได้รวดร้าวอะไรมากมาย เพราะอย่างน้อยเราได้กำไรเป็นเด้งสมใจแล้ว


ลองเอาเส้นค่าเฉลี่ยมาช่วย
คราวนี้ผมอยากย้อนเวลากลับไปเอาตัวช่วยไปสนับสนุนหาจุดขายที่ดีกว่านี้ อย่าง EMA10
ที่เอาเส้นนี้มาใช้เพราะรู้แล้วว่า KOOL เป็นหุ้นเก็งกำไรรุนแรง ราคาวิ่งเร็ว
 EMA10 จึงเหมาะแน่

ผลก็ออกมาแบบนี้ครับ


หลังจากที่เข้าซื้อไปแล้วราคาวิ่งขึ้นต่อไปยืนซึมออกข้างที่ 2 บาท เพราะมันเป็นแนวตต้านเลขกลมๆไงครับ คนอยากขายกันมาก ผมนี่ยังทนเพราะเป้าหมายคืออยากได้เด้งไง แถมมันก็ยังไม่ลงไปกินทุนด้วย เขียวอยู่ จึงทำให้หลับหูหลับตาถือต่อไปได้

จากนั้นอีกเดือน พอราคาข้ามฐานที่ย่ำ 2 บาทขึ้นไปได้ ก็ซิ่งแหลกเลยครับ จิตใจเบิกบานและเป็นสุขมากตอนนั้น ตลาดเปิดมาก็บวก กำไรโตขึ้นเรื่อยๆนะครับ ใครไม่อิ่มเอมบ้าง ในที่นี้ถ้าเราเอาเส้น EMA10 มาใส่ ก็กลายเป็นฐานรองรับการขึ้นได้อย่างดีเลยนะว่ามั้ย

ราคาวิ่งแรงและเร็วมากครับ วิ่งไปจนถึง 6 บาทเลยรวดเดียว ถ้าผมรู้แบบนี้ว่ามันจะย่อนะ ขายออกที่ราคานั้นก็สบายไปแล้ว สองเด้งเห็นๆ แต่เราไม่รู้ไง คิดว่ามันอาจจะย่อเพื่อไปต่อก็ได้ ซึ่งตอนนี้ก็รู้แล้วว่า ที่มันหยุด 6 บาทเพราะเป็นตัวเลขกลมๆไง ใครๆก็อยากขาย มันก็เลยย่อ

จากนั้นก็เจอขายต่อกดให้ราคาลงไปเด้งบนเส้น EMA10 เป๊ะเหมือนคล้ายจะจงใจเลยนะ ย่อเด้งย่ำบนเส้นสิบวันนี้หลายเพลาจนคึกดีดแรงขึ้นไปทะลุ 6 บาท ก็ยืนไม่อยู่อีก

นี่ก็เป็นอีกเบาะแสที่ผมไม่ได้ระแคะระคายเลย ว่ามันเป็นสัญญาณเตือนว่ามี supply จำนวนมากคอยดักตีหัวไม่ให้ผ่าน แถมดูแท่งราคาสิ shooting star ซะด้วย ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ต่กว่า 6 บาทนิดๆ ได้ขายแน่ๆเพราะสัญญาณอ่อนแอถูกส่งซ้ำมาอีกรอบแล้ว

ภาพจากหนังสือ "หุ้นซิ่ง สวิงเทรด"

แต่ผมก็ไม่ได้ขาย เพราะยังคิดว่าเดี๋ยวมันก็ไปต่อ
กระนั้น ก็ยังสงสัยว่าถ้าตัวเองเอาเส้น EMA10 มาใส่ในตอนนั้น จะตกใจขายออกในช่วงที่ราคาลงไปปิดหลุด EMA10 ในช่วงกลางเดือน Aug นั้นหรือเปล่า เพราะมันลงแรงมาก

นี่คงเป็นผลต่อเนื่องมาจากแท่ง Shooting star นั่นแหละครับ แท่งนั้นที่ทิ้งไส้ด้านบนยาวก็สื่อว่ามี supply จำนวนมากถูกปล่อยออกมาอย่างหนัก ทำให้ราคาถูกกดจาก 6 บาท ลงไปปิดต่ำกว่า 5.5 คิดดูสิว่าหนักหน่วงแค่ไหน ภาพลบมาก จึงไม่แปลกที่วันต่อมาราคาจึงยืนขาสั่น แล้วลงต่อแรงจนหลุด EMA10

ซึ่งก็คิดว่าคนทำราคาเค้ายังออกของไม่หมดหรือไง ก็ได้ซื้อหุ้นกลับทันที จากที่ราคาปิดต่ำกว่า EMA10 ก็ดีดกลับขึ้นไปปิดเหนือเส้นสิบวันได้แบบหวุดหวิด แล้ววันต่อๆมาก็ดีดแรงข้าม 6 บาทไปได้อย่างหน้าตาเฉย แบบนี้แหละที่เขาเรียกว่าแท่งเย้ย เขาดันราคาขึ้นไปเร็วและแรงเพื่อทำให้คนที่ขายหมูในโซน 6 บาทลงมา รู้สึกเจ็บใจ จนทนไม่ไหว หวนกลับไปซื้อหุ้นคืน

พอข้าม 6 บาทไปได้แบบสบายๆแล้วก็เริ่มลอยตัวเข้าไปเขี่ย 7 บาทแบบมีแรงเฉื่อย และแน่นอนพอเจอตัวเลขกลมๆก็โดนอีก เจอขายทำกำไรอีกรอบ และคราวนี้ก็ลงหนักจนหลุดและปิดต่ำกว่า EMA10 อีกรอบ ผมก็อาจจะตกใจขายที่แท่งนี้เป็นได้เหมือนกัน

สรุปคือ ถ้าใช้เส้นค่าเฉลี่ย 10 วันมาช่วย ก็อาจจะได้ขายก่อนเวลาเดิมที่ได้ขาย คือต่ำกว่า 5.5 บาท
แต่ถ้าเอาความรู้เรื่องแนวต้านที่ตัวเลขกลมๆมาใช้ด้วย ผสมกับแท่งเทียนที่บอกจุดกลับตัวอย่าง Shooting star ก็อาจจะได้ขายที่ราคาแพงขึ้น
และถ้ารอได้ ดูการเคารพเส้นค่าเฉลี่ยเป็น ก็อาจจะได้ขายที่ 7 บาทเลยทีเดียว

(เพิ่มเติม)

ความจริง ตัวนี้ มันวิ่งไปจนเกือบถึง 9 บาทเลยทีเดียว
ถ้าผมไม่ตกใจขายเสียก่อน มีความอดทนรอ เพราะยังไงก็ทุนต่ำ
ก็รอดูการเป็นแนวรับของมันก่อนที่ระดับ support ก่อนก็ได้นะ
เมื่อดูย้อนหลังกลับไป มันลงไปทดสอบแล้วเด้งกลับขึ้นไป
ถือว่ารับได้ และเอาอยู่

และถ้ายอมทนไปอีก 3 เดือน
ก็มีโอกาสได้กำไรอีกสองเด้งเลย
น่าเสียดายจริงๆ

แต่ยังไงซะ มันก็ผ่านไปแล้ว เราย้อนกลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้
ก็ต้องจำไว้เป็นบทเรียน เผื่อถ้าเจอของดีแบบนี้ในภาคหน้า
จะได้ทำตัวได้ถูก ทนรวยได้นานขึ้นครับ
ดังนั้น เคสของ KOOL จึงให้ประโยชน์กับผมมาก
เพราะได้ทั้งเงิน รู้ว่า gap ก็สามารถเป็นต้นเทรนด์ได้จริง
และถ้าทนรวยดีๆ ก็ได้กำไรเป็นเด้งได้เลย

ลองเอาไปต่อยอดกันดูครับ
ปล. ใครสนใจเรื่องของการเทรด gap ก็แนะนำหนังสือสองเล่มของผมนะครับ
หุ้นซิ่งสวิงเทรด กับ หุ้นขาขึ้นรอบใหญ่

-------------------------
-------------------------
 -----(เซียว จับอิดนึ้ง ภูมิใจนำเสนอ) -----
หนังสือผลงานของผู้เขียนเองครับ
มีสองเล่ม พี่น้อง ดำ - เขียว
ถ้าท่านชอบบทความที่ผมเขียน อยากมีหนังสืออ้างอิงเก็บไว้
อยากอ่านเนื้อหา+เคส เพิ่มเติม เพื่อทำความเข้าใจมากขึ้น


"หุ้นขาขึ้นรอบใหญ่" (เล่มดำ) แนะแนวทางการเทรดหุ้นแนวโน้มขาขึ้น ด้วย กราฟวีค ก็จะเน้นการดูแนวโน้มขาขึ้นด้วย price pattern จากนั้นก็รันเทรนด์ด้วยเส้นค่าเฉลี่ย จบลงที่การขายด้วย price pattern เรียกว่าครบวงจรตั้งแต่ซื้อยันขายเลยครับ อ่านเล่มเดียวจบ
อ่านสรุปหนังสือ หุ้นขาขึ้นรอบใหญ่ที่นี่

ส่วน "หุ้นซิ่ง สวิงเทรด" (เล่มเขียว) แนะแนวทางการเทรดหุ้นแนวโน้มขาขึ้นด้วยกราฟรายวัน เล่มนี้จะเน้นการดูแท่งเทียน เอามาใช้ในการหาสัญญาณต้นเทรนด์ของขาขึ้น ซื้อหุ้นแบบ buying strength, buy weakness รันเทรนด์ด้วยเส้นค่าเฉลี่ย 10,20,50, 100, 200 วัน ขายหุ้นออกด้วย selling into strength, selling weakness ครบวงจรเช่นกัน
อ่านสรุปหนังสือ หุ้นซิ่งสวิงเทรด ที่นี่

ถ้าให้เทียบความต่างของทั้งสองเล่มนะ
เล่มดำเป็นการเขียนถึงภาพรวม ภาคทฤษฎี
ส่วนเล่มเขียว เป็นการเจาะลึก เน้นเคส เป็นภาคปฏิบัติ

อ่านจบสองเล่ม ท่านสามารถเดาใจผมได้หมด ว่าเทรดยังไง
เพราะมันเป็นการกลั่นออกมาจากประสบการณ์และมุมมองของผมเอง

สนใจติดต่อสั่งซื้อหนังสือหุ้นทั้งสองเล่ม
ส่งข้อความไปที่เพจ Zyo Books : facebook.com/zyoboooks


ส่วน eBook มีขายที่เว็บ mebmarket.com เท่านั้นครับ
รายละเอียด คลิกที่ชื่อหนังสือเลยครับ
หุ้นขาขึ้นรอบใหญ่

------(ขอบคุณครับ)-----

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

วิธีการอ่านสัญญาณแท่งเทียน (Candlesticks Reading) สำหรับมือใหม่

ดูยังไงว่าเป็น Cup with Handle pattern?

อธิบาย Wyckoff Accumulation Phase แบบละเอียดยิบ

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ