ถ้าคุณต้องการรู้จักนิสัยของตลาดให้มากที่สุด ให้เดินไปที่ชายหาด ก้าวลงไปในน้ำทะล

Image
ถ้าคุณต้องการรู้จักนิสัยของตลาดให้มากที่สุด ให้เดินไปที่ชายหาด ก้าวลงไปในน้ำทะล แล้วลองผลักน้ำจากฝั่ง ทำคลื่นดันกลับเข้าไปหาทะเล สร้างคลื่น สู้กับทะเล ลองทำดู ทั้งคลื่นลูกเล็ก และคลื่นลูกใหญ่ คุณจะพบว่า ไม่ว่าคุณจะสร้างคลื่นดันกลับไปในรูปแบบไหน คุณจะไม่มีทางชนะคลื่นจากทะเลได้เลย  ไม่มีทาง ความจริงที่คุณได้จากเรื่องนี้คือ "ตลาดจะถูกเสมอ" . Market Wizards ยอมรับตรงกันว่า "ตลาดจะทำในสิ่งที่มันอยากจะทำ" พวกเขาไม่เคยหัวเสียกับตลาด(เพราะเคยทำมาแล้วในตอนเป็นมือใหม่) พวกเขาไม่เคยโทษตลาด(เพราะเคยทำมาแล้วในตอนเป็นมือใหม่) . พวกเขาแค่ยอมรับว่าตลาดจะทำในสิ่งที่มันจะทำ พวกเขาแค่ยอมรับว่าเขาไม่สามารถเอาชนะตลาดได้ จากนั้นสิ่งที่พวกเขาทำก็คือ ๑) อ่านตลาด ๒) แยกแยะความเสี่ยงกับโอกาสให้ได้ ๓) หาโอกาสทำเงินเมื่อตลาดให้โอกาส และอยู่เฉย ๆ ถือเงินสดเมื่อตลาดเป็นความเสี่ยง ๔) คิดก่อนเสมอว่า "ถ้าตลาดไม่ให้เงิน(เทรดขาดทุน) ฉันจะยอมเสียกี่บาท" การเอาตัวรอด คือเป้าหมายแรกของยอดนักเทรด เพราะคิดแบบนี้...ไม่ว่าตลาดจะร้ายแค่ไหน ยอดนักเทรดก็จะรอดเสมอ #จิตวิทยาการเทรด #ปั้นพอร์ต #วินัยนัก

(สรุปหนังสือหุ้นเทคนิคอล) The Four Cardinal Principles of Trading

โดย เซียว จับอิดนึ้ง : facebook.com/zyoit



The Four Cardinal Principles of Trading แปลตรงตัวได้ง่ายๆเลยว่า หลักสำคัญสี่ประการของการเทรด : วิธีการของ Top Trader ระดับโลกใช้
๑) เขามีวิธีระบุแนวโน้มยังไง
๒) cut loss ยังไง?
๓) กำไรยังไงให้ได้มากที่สุด
๔) บริหารความเสี่ยงแบบไหน
เขียนโดย  Bruce Babcock

เล่มนี้เขาโฟกัสไปที่ เทคนิคการเทรด, let profit run, และบริหารความเสี่ยง ซึ่งผู้เขียนได้ไปสัมภาษณ์นักเทรดมืออาชีพจำนวนหนึ่ง เกี่ยวกับวิธีการดำเนินงานตามหลักการสี่อย่างตามที่ตั้งโจทย์ไว้แล้ว นอกจากนี้แล้วหนังสือที่มีแนวทางคล้ายๆกันอีกเล่มก็คือ  Alexander Elder’s Entries & Exits: Visit to 16 Trading Rooms

สไตล์การนำเสนอของหนังสือออกไปทางลักษณะเดียวกันกับ Jack Schwager’s Market Wizards ซึ่งเล่มนั้นเจาะลึกกว่า เพราะผู้สัมภาษณ์ถามละเอียดมากกว่า
ข้อดีของเล่มนี้ก็คือการแบ่งปันสูตรสำเร็จจากนักเทรดระดับเทพนี่แหละ



THE FOUR PRINCIPLES
1. Trade with the trend
2. Cut losses short
3. Let profits run
4. Manage risk

TRADE WITH THE TREND
- การเทรดตามแนวโน้ม คือหัวใจสำคัญ
แนวโน้มคือพื้นฐานที่ทำให้นักเทรดประสบความสำเร็จ และสร้างผลกำไรออกมาให้เขามั่งคั่งในระยะยาว
ถ้าไม่เทรดตามแนวโน้ม, ทุกคนจะเทรดแล้วขาดทุนเพราะค่าใช้จ่ายในการเทรดไม่สามารถเอาชนะกำไรจากการเทรดแบบสุ่มในระยะสั้นได้
เพื่อที่จะทำเงินให้ได้เป็นกอบเป็นกำ คุณต้องเทรดตามแนวโน้มเท่านั้น

- อยากเทรดสวนเทรนด์ ต้องรอการยืนยันเสียก่อน
นักเทรดสวนเทรนด์ ความจริงแล้ว ก็เทรดตามแนวโน้มนั่นแหละ เพียงแต่ว่าเล่นใน time frame ที่สั้นกว่า
หากอยากเทรดสวนเทรนด์ให้ได้เงิน ต้องรอการยืนยันว่าแนวโน้มเปลี่ยนก่อน ค่อยลงมือ


MANAGE RISK
Position Size Limits
- ไม่ควรเสี่ยง(ปล่อยให้ตัวเองขาดทุน)เกินกว่า 2-5% ของพอร์ต ในทุกการเทรดแต่ละตัว

Time Out Stops
- ภายใน 1 เดือน ถ้าพบว่าตัวเองขาดทุนมากกว่า 10% ถ้าวันศุกร์ของสัปดาห์นั้น ยังไม่ดีขึ้น ก็ให้เลิกเทรดไปเลยทั้งเดือน (If during 1 month, you lose more than 10% of your equity as of any Friday close, you shut your system down until the next month)

Syatem Risk
- ระบุกฎที่เข้าใจง่าย ทำง่าย จะมีประโยชน์อะไร ถ้าสร้างกฎขึ้นมาแล้วทำตามไม่ได้
- เทรดตามสิ่งที่คุณได้เทสต์มาแล้ว ระบบของคุณต้องผ่านการทดสอบมาอย่างหลากหลายสถานการณ์ ไม่ใช่ทำแค่ชั่วข้ามคืน ทำจนมั่นใจ แล้วก็ลงมือเทรดตามที่เคยทดสอบมา
-  อย่าปรับแต่งแผนการเทรดเนื่องจากความเห็นของตลาด แต่จเปลี่ยนถ้าเห็นว่าระบบใหม่ดีกว่าของเก่าชัดเจน

Market to trade
- เลือกเทรดสักตลาดก็พอ เอาที่คุณคิดว่ามันเข้าทาง
- อย่ากระจายความเสี่ยงให้มากเกินไป
- เทรดในตลาดที่มีสภาพคล่องเท่านั้น

Psychological Risk Management 
จิตวิทยาของการบริหารความเสี่ยง
ถ้าคุณเสียศูนย์(out of balance) การตัดสินใจของคุณจะผิดพลาด, และจากนั้นคุณก็จะพยายามเล่นเกมชิงไหวพริบกับตลาด
สัญญาณของการเสียศูนย์
- overtrade
- overcommited ตั้งใจมากเกินพอดี
- อยู่ในความเสี่ยงมากเกินไป
- เมื่อคุณเมาค้าง (hung over)
- เมื่อคุณป่วย
- เมื่อคุณต้องการทำเงินให้ได้โดยทันที
- เมื่อคุณทำเงินได้มากเกินปกติ



สรุป
- ต้องมีการระบุแนวโน้มที่แม่นยำ การจะระบุแนวโน้มให้แม่น ก็ต้องระบุ time frame ให้ได้ก่อน ว่าจะเล่น time frame ไหน จากนั้นจึงค่อยไปหาแนวโน้ม ถ้าทำแบบนี้ได้กรอบการโฟกัสของคุณจะเจาะจงมากขึ้น

- ตัดขาดทุนให้เสียหายน้อยที่สุด คือหัวใจ
แนวทางการเทรดของคุณต้องเหมาะสมกับบุคลิกและวิธีการเข้าทำของตัวเอง
คุณต้องมีวินัยในการรีบตัดขาดทุนให้เกิดคงามเสียหายน้อยที่สุดไว้ก่อน นี่คือหัวใจของการเทรดให้ประสบความสำเร็จ ถ้าใครก็ตามทำได้แบบนี้ โอกาสที่จะไปเดินสะดุดการเทรดที่ได้กำไรรอบใหญ่ก็มีมากพอที่จะทำเงินได้แล้ว

- เทรดโดยมองภาพใหญ่ระยะยาวในอนาคต
แค่เทรดในวิธีการที่เหมาะสมกับบุคลิก ยังไม่พอหรอก คุณต้องมีไสตล์การเทรดที่เวิร์คด้วย และถ้ามันตรงกับบุคลิกของคุณด้วยก็เพอร์เฟคเลย
วิธีการเทรดที่เวิร์คนั้น บางทีก็ไม่ได้เข้าใจง่าย, รู้สึกสบายใจ, และประยุกต์ง่ายนัก ถ้ามันง่ายแบบนั้น ก็คงไม่มีใครขาดทุน ล้มเหลวจากการเทรดเลย
- มีแนวทาง ๔ อย่างที่คุณต้องพัฒนา
๑) พัฒนาโมเดลการเทรดที่พิสูจน์ได้ว่าเวิร์ค ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่ามันเวิร์คจริง เพราะมันจะเป็นแผนการเทรด ทำเงินของคุณ
๒) เพิ่มทุนเพื่อให้เทรดแล้วเงินโตไว (หลังจากที่มีระบบที่พิสูจน์แล้วว่าเวิร์คนะ)
๓) เอาชนะความกลัวขาดทุนให้ได้
๔) อย่าให้ความสำคัญกับ opinion on the market (น่าจะเป็นการสวิงของราคาที่ผันผวน) ให้คุณทำตามโมเดลการเทรดของตัวเองเป็นพอ


ที่มา :
https://whatheheckaboom.wordpress.com/2013/10/04/book-review-of-the-four-cardinal-principles-of-trading-by-bruce-babcock/

- จบ -

-------------------------
-------------------------
 -----(เซียว จับอิดนึ้ง ภูมิใจนำเสนอ) -----
หนังสือผลงานของผู้เขียนเองครับ
มีสองเล่ม พี่น้อง ดำ - เขียว
ถ้าท่านชอบบทความที่ผมเขียน อยากมีหนังสืออ้างอิงเก็บไว้
อยากอ่านเนื้อหา+เคส เพิ่มเติม เพื่อทำความเข้าใจมากขึ้น


"หุ้นขาขึ้นรอบใหญ่" (เล่มดำ) แนะแนวทางการเทรดหุ้นแนวโน้มขาขึ้น ด้วย กราฟวีค ก็จะเน้นการดูแนวโน้มขาขึ้นด้วย price pattern จากนั้นก็รันเทรนด์ด้วยเส้นค่าเฉลี่ย จบลงที่การขายด้วย price pattern เรียกว่าครบวงจรตั้งแต่ซื้อยันขายเลยครับ อ่านเล่มเดียวจบ
อ่านสรุปหนังสือ หุ้นขาขึ้นรอบใหญ่ที่นี่

ส่วน "หุ้นซิ่ง สวิงเทรด" (เล่มเขียว) แนะแนวทางการเทรดหุ้นแนวโน้มขาขึ้นด้วยกราฟรายวัน เล่มนี้จะเน้นการดูแท่งเทียน เอามาใช้ในการหาสัญญาณต้นเทรนด์ของขาขึ้น ซื้อหุ้นแบบ buying strength, buy weakness รันเทรนด์ด้วยเส้นค่าเฉลี่ย 10,20,50, 100, 200 วัน ขายหุ้นออกด้วย selling into strength, selling weakness ครบวงจรเช่นกัน
อ่านสรุปหนังสือ หุ้นซิ่งสวิงเทรด ที่นี่

ถ้าให้เทียบความต่างของทั้งสองเล่มนะ
เล่มดำเป็นการเขียนถึงภาพรวม ภาคทฤษฎี
ส่วนเล่มเขียว เป็นการเจาะลึก เน้นเคส เป็นภาคปฏิบัติ

อ่านจบสองเล่ม ท่านสามารถเดาใจผมได้หมด ว่าเทรดยังไง
เพราะมันเป็นการกลั่นออกมาจากประสบการณ์และมุมมองของผมเอง

สนใจติดต่อสั่งซื้อหนังสือหุ้นทั้งสองเล่ม
ส่งข้อความไปที่เพจ Zyo Books : facebook.com/zyoboooks


ส่วน eBook มีขายที่เว็บ mebmarket.com เท่านั้นครับ
รายละเอียด คลิกที่ชื่อหนังสือเลยครับ
หุ้นขาขึ้นรอบใหญ่

------(ขอบคุณครับ)-----

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

อธิบาย Wyckoff Accumulation Phase แบบละเอียดยิบ

วิธีการอ่านสัญญาณแท่งเทียน (Candlesticks Reading) สำหรับมือใหม่

ดูยังไงว่าเป็น Cup with Handle pattern?

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ