ถ้าคุณต้องการรู้จักนิสัยของตลาดให้มากที่สุด ให้เดินไปที่ชายหาด ก้าวลงไปในน้ำทะล

Image
ถ้าคุณต้องการรู้จักนิสัยของตลาดให้มากที่สุด ให้เดินไปที่ชายหาด ก้าวลงไปในน้ำทะล แล้วลองผลักน้ำจากฝั่ง ทำคลื่นดันกลับเข้าไปหาทะเล สร้างคลื่น สู้กับทะเล ลองทำดู ทั้งคลื่นลูกเล็ก และคลื่นลูกใหญ่ คุณจะพบว่า ไม่ว่าคุณจะสร้างคลื่นดันกลับไปในรูปแบบไหน คุณจะไม่มีทางชนะคลื่นจากทะเลได้เลย  ไม่มีทาง ความจริงที่คุณได้จากเรื่องนี้คือ "ตลาดจะถูกเสมอ" . Market Wizards ยอมรับตรงกันว่า "ตลาดจะทำในสิ่งที่มันอยากจะทำ" พวกเขาไม่เคยหัวเสียกับตลาด(เพราะเคยทำมาแล้วในตอนเป็นมือใหม่) พวกเขาไม่เคยโทษตลาด(เพราะเคยทำมาแล้วในตอนเป็นมือใหม่) . พวกเขาแค่ยอมรับว่าตลาดจะทำในสิ่งที่มันจะทำ พวกเขาแค่ยอมรับว่าเขาไม่สามารถเอาชนะตลาดได้ จากนั้นสิ่งที่พวกเขาทำก็คือ ๑) อ่านตลาด ๒) แยกแยะความเสี่ยงกับโอกาสให้ได้ ๓) หาโอกาสทำเงินเมื่อตลาดให้โอกาส และอยู่เฉย ๆ ถือเงินสดเมื่อตลาดเป็นความเสี่ยง ๔) คิดก่อนเสมอว่า "ถ้าตลาดไม่ให้เงิน(เทรดขาดทุน) ฉันจะยอมเสียกี่บาท" การเอาตัวรอด คือเป้าหมายแรกของยอดนักเทรด เพราะคิดแบบนี้...ไม่ว่าตลาดจะร้ายแค่ไหน ยอดนักเทรดก็จะรอดเสมอ #จิตวิทยาการเทรด #ปั้นพอร์ต #วินัยนัก

๒๗ เหตุผล ทำไมคนจน ยิ่งจน คนรวย ยิ่งรวย


๒๗ เหตุผล ทำไมคนจน ยิ่งจน  คนรวย ยิ่งรวย

ผมชอบนะเล่มนี้ อ่านแล้วจี๊ดดี
ถ้าเอามุมมองทางด้าน mindset มาจับ
คนจนบางส่วน น่าจะมี fixed mindset
ส่วนคนรวย growth mindset 100% แน่ๆ

อ่านไปเพลินๆ ได้ข้อคิดสะดุดใจมาพอสมควร
เลยคัดเอาบางส่วนที่น่าคิดต่อมาฝากกันครับ


๑) คนจนจะเรียนรู้เพื่อหางานทำ
แต่คนรวยจะเรียนรู้เพื่อให้มีต้นทุนความรู้
คุณเรียนไปเพื่ออะไร?
สำหรับคำถามนี้ตอบของคุณคือ "เพื่อจะได้มีงานทำดีๆ" ถ้าเช่นนั้นคุณก็แค่มีงานทำ และอาจเป็นได้แค่คนจน
แต่หากคำตอบของคุณคือ "เพื่อให้มีต้นทุนความรู้" ถ้าเช่นนั้นก็ยินดีกับคุณด้วย เพราะคุณมีความคิดเหมือนคนรวย

๒) คนจนจะเรียนก็เพราะแค่อยากเรียน
แต่คนรวยจะเรียนเพราะมีเป้าหมาย
คนจนเรียนตามกระแส
คนรวยเรียนตามเป้าหมาย

๓) คนจนจะเก็บเงินเรียนมหาวิทยาลัย
แต่คนรวยจะเก็บเงินทำธุรกิจ
คนที่ไม่คิดอยากเป็นเจ้านายก็จะไม่มีทางเป็นเจ้านาย จะเป็นได้แค่ลูกจ้างคนอื่นไปทั้งชีวิต
ถ้าอยากสร้างธุรกิจของตัวเอง ก็ควรนำเงินมาลงทุนสร้างธุรกิจของตัวเอง

๔) คนจนจะมองข้ามความรู้เรื่องการเงิน
แต่คนรวยจะปลูกฝังหัวคิดเรื่องการเงิน
ความรู้เป็นเครื่องมือของคนรวยซึ่งมันจะเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตได้ ควรเริ่มจากการใช้ความรู้เรื่องเงิน เติมเต็มหัวคิดเรื่องการเงิน แล้วค่อยใช้ความรู้นั้นเปลี่ยนให้เป็นเงินทอง

๕) คนจนจะให้ความสำคัญกับวุฒิการศึกษา
แต่คนรวยจะให้ความสำคัญกับประสบการณ์และทักษะ
คนจน : "เรียนให้มากๆยิ่งวุฒิการศึกษาสูงยิ่งดี"
คนรวย : "ลงมือทำให้มากประสบการณ์และทักษะมีประโยชน์ที่สุด"
หลายคนคิดว่าคนที่มีวุฒิการศึกษาสูงๆ จะต้องมีไอคิวสูง และคนที่มีไอคิวสูงจะต้องฉลาด
ฉะนั้น, คนที่มีวุฒิการศึกษาสูงๆจะต้องเป็นคนที่มีศักยภาพ
สำหรับคนประเภทนี้การจะประสบความสำเร็จของง่ายเหมือนคลิกฝ่ามือ
ถ้าคุณเข้าใจเช่นนี้ ขอบอกให้รู้ว่า
คุณคือคนจนโดยแท้จริง



การเรียนมหาวิทยาลัย เพื่อต้องการวุฒิการศึกษาไม่ใช่เรื่องผิด ที่จริงบางครั้งมันก็เป็นใบเบิกทาง
แต่ถ้าจำกัดตัวเองแค่ต้องการได้ใบรับรอง ก็ถือเป็นการกระทำที่สิ้นเปลืองเวลา เพราะควรจะใช้เวลาไปกับการพัฒนาทักษะและเพิ่มพูนประสบการณ์ให้มากๆถึงจะสร้างความร่ำรวย
การพัฒนาทักษะและเพิ่มพูนประสบการณ์ เป็นเงื่อนไขสำคัญของความสำเร็จ

อย่าทุ่มเทมากเกินไปกับการหาวิธีที่จะได้ใบรับรองวุฒิ แต่ควรจะมันพัฒนาทักษะของตัวเองอยู่เสมอ
มีเพียงการพัฒนาทักษะของตัวเอง ถึงจะทำให้เป็นเศรษฐีได้ง่ายขึ้น

๖) คนจนต้องการงานที่มั่นคง
แต่คนรวยต้องการธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ
คนจน : "งานคือการรับจ้างทำงานให้คนอื่นได้เงินเดือนเลี้ยงดูครอบครัวได้"
คนรวย : "งานคือการที่ตัวเองได้เรียนรู้มากขึ้น ได้สั่งสมประสบการณ์และฝึกฝนทักษะ"

ในงานพบปะสังสรรค์ระหว่างเพื่อนฝูง
มีคนหนึ่งถามเพื่อนๆว่า ถ้าคุณถูกรางวัลที่ 1 สิ่งแรกที่จะทำคืออะไร?
คำตอบของพอคาดเดาได้
สิ่งแรกที่พวกเขาจะทำคือ "ลาออกจากงาน"
คนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะเป็นลูกจ้างที่ทำงานหนัก เพราะเขาอาจรู้สึกเบื่อหน่ายกับงานที่ทำ และทำงานเพื่อเลี้ยงชีพด้วยความจำใจ

คนรวยอยากประสบความสำเร็จในธุรกิจ
คนรวยทำงานจนเข้าใจทะลุปรุโปร่งถึงเปลี่ยนงาน
คนรวยทำงานไม่ใช่แค่เพื่อทำงานแต่พวกเขายังศึกษารูปแบบการดำเนินงานของบริษัทอื่นวิเคราะห์แนวโน้มตลาดในอนาคตของสินค้า
คนรวยเกินครึ่งลาออกจากงานเพราะอยู่ในตำแหน่งสูงสุดไม่มีสิ่งที่ต้องเรียนรู้อีกต่อไป
คนรวยเวลาทำงานจะคำนึงถึงสิ่งที่ตัวเองจะได้เรียนรู้และช่วยให้มีความก้าวหน้าในอนาคต
คนรวยจะแสวงหาโอกาสที่จะได้เปลี่ยนไปอยู่ในตำแหน่งที่ดีขึ้นให้สูงขึ้นได้เรียนรู้สิ่งต่างๆเพิ่มขึ้น
สรุปคือ คนรวยทำงานเพื่อตัวเองให้ตัวเองมีศักยภาพ และประสบความสําเร็จในชีวิตยิ่งขึ้น



แต่คนจนกลับไม่ยอมเปลี่ยนความคิดของคนจน และทำงานลำบากตรากตรำเพื่อคนอื่น
คนจนทำงานไม่ประสบความสำเร็จถึงเปลี่ยนงาน
เวลาทำงานคนจนคิดแต่จะเลิกงานเร็วๆและทำอย่างไรถึงจะไม่เหนื่อย
คนจนคิดแต่จะหางานทำที่มั่นคงเพื่อเลี้ยงครอบครัวไม่ปล่อยให้เงินบำนาญกับงานหลุดมือและไม่คิดอยากก้าวหน้า
คนจนเกินครึ่งลาออกจากงานเพราะไม่พอใจเรื่องรายได้
คนจนไม่แสวงหาความก้าวหน้า แค่หวังไม่ให้งานและตำแหน่งหลุดมือ

เป้าหมายของการเรียนรู้ของคนจน คือเพื่อปากท้อง ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงไม่ขวนขวาย คิดลบ ไม่รู้จักไตร่ตรอง ไม่รู้จักวิเคราะห์ ทำตามคนอื่น ต่อว่าสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ทำให้ยากจน พอใจแค่สภาพที่เป็นอยู่ ไม่แสวงหาความก้าวหน้า
แต่เป้าหมายของคนรวยคือเพื่อความมั่งคั่งร่ำรวย ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงขนขวาย คิดบวก มุ่งมั่น ชอบค้นคว้า ขยันวิเคราะห์ และยกระดับคุณค่าของตัวเองอยู่เสมอ

คนจนจะใช้ชีวิตแบบเดิมวันแล้ววันเล่า ไม่เคยตระหนักถึงวิกฤต
แต่คนรวยกลับรู้สึกอยู่ตลอดเวลา เพราะพวกเขารู้ว่าถ้าอยากประสบความสำเร็จอยู่เสมอ ก็ต้องขยันมุ่งมั่นและไม่หยุดพัฒนา

คนจนคิดว่าทำงานเพื่อคนอื่น
แต่คนรวยจะคิดว่าทำงานเพื่อตัวเอง
คนรวยรู้ว่าพวกเขากำลังทำงานเพื่อตัวเอง
คนรวยคิดว่าควรมุ่งมั่นทุ่มเทและรับผิดชอบทุกอย่างงานจนจะออกมาดี
คนรวยเชื่อว่างานเป็นเวทีให้แสดงความสามารถของตัวเอง พวกเขามีความสามารถและเชื่อว่าตัวเองทำได้ดีกว่าเดิม
สรุปคนรวยไม่เคยคิดว่าทำงานเพื่อคนอื่น พวกเขาคือนายตัวเองที่แท้จริง



คนจนคิดว่าพวกเขาทำงานให้เจ้านาย
คนจนคิดว่าถ้าทำงานไม่ผิดพลาดก็นับว่าดี ไม่จำเป็นต้องทำให้ดียิ่งกว่าเดิม
คนจนคิดว่างานไม่จำเป็นต้องศึกษาวิเคราะห์พวกเขาคิดว่างานน่าเบื่อ แค่พอทำได้ก็ดีแล้ว
คนจนไม่ต้องการความดีความชอบ แค่ไม่ทำผิดพลาด ใช้ชีวิตเรียบง่ายไปแต่ละวัน นั่นจึงกำหนดให้เขาเป็นคนจนไปทั้งชีวิต

๗) คนจนจะรับผิดชอบแค่หน้าที่ของตัวเอง
แต่คนรวยจะหาโอกาสทำสิ่งอื่นที่นอกเหนือจากหน้าที่
คนจน : "ทำสิ่งอื่นที่นอกเหนือจากหน้าที่จะหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัว"
คนรวย : "ทำมากถึงจะได้เรียนรู้มาก เรียนรู้มากถึงจะมีทักษะมาก ทักษะมากถึงจะร่ำรวยมาก"

๘) คนจนไม่เห็นค่าของเวลา
แต่คนรวยใช้เวลา 1 วันเหมือนกับ 2 วัน
คนจนรู้สึกว่าเวลาของพวกเขาเหลือเฟือไม่เคยต้องคร่ำเคร่ง
คนจนรู้ว่าเวลาของพวกเขายาวนานและกลุ้มใจไม่รู้จะทำอะไรฆ่าเวลา
คนจนจะต่อรองราคาซื้อของเป็นครึ่งค่อนวันเพราะคิดว่ามันคุ้มค่า

คนรวยจะรู้สึกว่าเวลาของเขาไม่พอใช้ จะรู้สึกคร่ำเคร่งอยู่ตลอด
คนรวยรู้สึกว่าชีวิตแสนสั้นจะต้องทำให้มากเพื่อเติมเต็มชีวิตไว้ที่สมบูรณ์
คนรวยจะไม่เสียเวลามากๆกับเรื่องเล็กๆน้อยๆ พวกเขาเข้าใจเรื่องต้นทุนของเวลา



๙) คนจนจะเดินตามกฎ
แต่คนรวยจะสร้างวิถีทางของตัวเอง

๑๐) คนจนจะหารายได้โดยอาศัยค่าจ้าง
แต่คนรวยจะหารายได้โดยการเล่นเกมเพิ่มมูลค่า
คนจน : "ถ้าอยากได้ค่าจ้างสูงสูงๆก็ต้องเลื่อนขั้นไปอยู่ในตำแหน่งสูงๆ"
คนรวย : "การหารายได้คือการเล่นเกมเพิ่มมูลค่า เหมือนก้อนหิมะที่กลิ้งลงมาเรื่อยๆ จนมีขนาดใหญ่ขึ้น"

๑๑) คนจนจะสนใจรายได้ตรงหน้า
แต่คนรวยจะสนใจรายได้ในอนาคต
คนจน : "การหารายได้ต้องมองเห็นเงินต้องมีอยู่ในกระเป๋าถึงจะนำว่าเป็นเงิน"
คนรวย : "ตอนนี้มีเท่าไหร่ไม่สำคัญ ขอแค่มองเห็นเส้นทางที่จะสร้างรายได้ในอนาคตก็พอ"

คนจนมักจะกลัวจน ดังนั้นพวกเขาจึงมีความปรารถนาอย่างยิ่งต่อเงินทอง และหวังว่าจะหาเงินได้มากๆในระยะเวลาสั้นๆ เพราะเขาไม่มีความอดทนและความมั่นใจในการรอคอยโอกาส

๑๒) คนจนจะหาเงินจากการขายแรง
แต่คนรวยจะหาเงินจากการใช้สมอง
คนจน : "ทำงานใช้แรงมากๆ สวรรค์จะให้ผลตอบแทนกับคนขยัน"
คนรวย : "งานใช้แรงจำกัดอยู่แค่ที่ตัวคน แต่งงานใช้สมองถึงจะหาเงินได้มาก"

คนที่ทำมากย่อมไม่ใช่คนที่รวยที่สุด
คนจนจะใช้แรงงานไม่หยุด ทำให้พวกเขาไม่มีเวลาทำอย่างอื่นที่จะสร้างรายได้เสริม เพื่อจะได้มีรายได้เพิ่มพูน แต่คนรวยกลับเลือกรูปแบบและความเร็วในการหาเงินได้เร็วจนน่าตกใจ
.
คนรวยเลือกพักผ่อนหลังทำงานใช้แรง เพราะการพักผ่อนเป็นพื้นฐานสำคัญของการทำงานใช้แรง แต่ถ้าลงมือแล้วไม่เกิดผลพวกเขามักจะไม่ทำ



๑๓) คนจนเพ้อฝันมากกว่าทำจริง
แต่คนรวยทำจริงมากกว่าเพ้อฝัน

คนจน : "ถ้าฉันทำเรื่องนั้นฉันจะต้องประสบความสําเร็จแน่นอน"
คนรวย : "ถ้าไม่ทำเรื่องนี้ให้ดีฉันจะต้องไม่ประสบความสําเร็จแน่นอน"

คนจนมักจะขาดวินัยในตัวเอง และมีแต่ความเพ้อฝัน พวกเขาจินตนาการภาพเหตุการณ์หลังประสบความสำเร็จไว้อย่างงดงาม แต่ไม่เคยนึกถึงความยากลำบากของการทำธุรกิจ เพราะเดิมทีพวกเขาก็ไม่ยอมลงมือทำ พวกเขาชอบใช้ "วันพรุ่งนี้" มาเป็นข้ออ้างความขี้เกียจของตัวเอง ดังนั้นเมื่อใดความขี้เกียจมาเยือนอีกครั้งพวกเขาก็จะรอ "วันพรุ่งนี้" อีกต่อไป

คนรวยจะอาศัยการลงมือทำมาควบคุมความขี้เกียจ ดังนั้นความขี้เกียจจึงไม่ค่อยมาเยือนพวกเขา
จงจำว่าถ้ามัวแต่เพ้อฝันก็จะถูกกำจัด
มีแค่การลงมือทำจริงเท่านั้นถึงจะสร้างความร่ำรวย

๑๔) คนจนมองข้ามข่าวสาร
แต่คนรวยจะค้นหาโอกาสทางธุรกิจจากข่าวสาร
คนจนอ่านข่าวจากค้นหาสิ่งที่ตัวเองพึงพอใจ แล้วจะเลือกอันฉบับไหนก็ได้
คนรวยอ่านข่าวจะค้นหาหนังสือพิมพ์ฉบับที่น่าเชื่อถือ หาอ่านเรื่องราวที่สร้างความตื่นตัวต่อความก้าวหน้าของโลก และโอกาสทางธุรกิจที่เหมาะสม

๑๕) เงินของคนจนจะเก็บไว้ในธนาคาร
แต่เงินของคนรวยจะเอาไปลงทุน
การลงทุนคือการนำเงินไปสร้างเงิน หรือให้เงินงอกเงยไม่สิ้นสุด ดังนั้นจึงอย่าจดจ่ออยู่แค่ความมั่นคง ถ้าไม่ลงทุนแล้วผลตอบแทนจะมาจากไหน?
จงสร้างความกระตือรือร้นและทำให้เงินในมือของคุณเปลี่ยนเป็นเงินทุน

เงินสร้างเงิน ย่อมเร็วกว่าคนสร้างเงิน



๑๖) คนจนไม่สนใจบริหารการเงิน
แต่คนรวยแค่เงินเล็กน้อยก็ต้องบริหารจัดการ

๑๗) คนจนซื้อหวย
แต่คนรวยซื้อหุ้น
คนสมองเธอจะเชื่อโชคชะตาคนสมองไว้จะเชื่อโอกาส
คนจนต่างคิดอยากรวย พวกเขาอยากรวยแบบชั่วข้ามคืน การซื้อหวยคือวิธีที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขา

๑๘) คนจนชอบลงทุนตามกระแส
แต่คนรวยจะยืนหยัดในการตัดสินใจของตัวเอง
คนจนเชื่อคนอื่นแบบหลับหูหลับตา
แต่คนรวยยืนหยัดความคิดของตัวเองลงทุนอย่างมีระบบ ยืนหยัด ไม่ท้อถอย อาจจะดูคนอื่นเป็นแบบอย่าง เรียนรู้จักคนอื่น แต่ไม่ทำตาม

๑๙) คนจนเพ้อฝันว่าร่ำรวยในทันที
แต่คนรวยจะอดทนสร้างเม็ดเงิน
คนที่เพ้อฝันว่าตัวเองจะร่ำรวยในทันที มักจะฝากความหวังไว้กับ "เรื่องไม่คาดฝัน" แต่ไม่ยืนหยัดหนักแน่นกับ "ความขยัน"
ดังนั้นพวกเขาจึงไปในทิศทางตรงข้ามกับความสำเร็จ

๑๙) คนจนปฏิเสธเข้าหาคนที่รวยกว่า
แต่คนรวยจะหาวิธีรู้จักคนใหญ่คนโต

๒๐) คนจนจะแย่งชิงผลประโยชน์เล็กน้อย
แต่คนรวยจะสละผลประโยชน์ให้กับคนสำคัญ
ประสบการณ์ของคนรวยบอกให้เรารู้ว่า อย่าหวงผลประโยชน์เล็กน้อยที่อยู่ตรงหน้า สละมันให้กับคนที่สำคัญต่อคุณ แล้วความฝันที่จะเป็นคนรวยของคุณก็จะเป็นจริงในสักวัน



๒๑) คนจนอิจฉาคนที่เหนือกว่าตัวเอง
แต่คนรวยจะเรียนรู้จากคนที่เหนือกว่าตัวเอง
การยอมรับว่าตัวเองเหนือกว่าคนอื่นง่ายกว่ายอมรับว่าคนอื่นเหนือกว่าตัวเอง
คนรวยเมื่อเผชิญหน้ากับคนที่เหนือกว่า แถมยังให้คนที่เหนือกว่าตัวเองเป็นเหมือนจุดหมาย เพื่อการเรียนรู้ไม่ใช่รู้สึกอิจฉา

ถ้าอยากเป็นคนรวยก็ต้องจำไว้ว่า คนที่มีศักยภาพรอบทตัวคุณ ก็คือทรัพยากรทางสังคมอย่างหนึ่ง
ดังนั้นเมื่อพบคนเหล่านั้น สิ่งที่เราต้องทำคือเรียนรู้จากพวกเขา
การเรียนรู้จากคนที่มีศักยภาพ ก่อนอื่นต้องโยนความคิดที่ทำให้เกิดความสับสนทิ้งไป และในใจส่วนลึกต้องชื่นชมคนเหล่านั้น ถึงจะได้เรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างแท้จริง

๒๒) คนจนเชื่อว่าการเก็บออมจะทำให้มีเงิน
แต่คนรวยชื่อว่าการหาเงิน จะได้เร็วกว่าการเก็บออม
"ขยันทำงานและสร้างรายได้ บุกเบิกแหล่งทำเงินแล้วจะได้รับเงินมหาศาล" นี่ถึงจะเป็นแนวทางที่ถูกต้องของความร่ำรวย และเป็นหลักการดำเนินชีวิตที่มีความสุข เพราะอาศัยแค่การออมจะไม่มีทางเป็นคนรวย เพราะประสิทธิผลของการหาเงินดีกว่าการออมเงิน

๒๓) คนจนปลอบใจตัวเองว่ารู้จักพอถึงจะมีความสุข
แต่ก็รวยไม่ปิดบังว่าต้องการแสวงหาเงินทอง
ถ้าอยากเป็นคนรวย จะต้องไม่พอใจแค่สภาพที่เป็นอยู่ปัจจุบัน ตั้งเป้าหมายในการเงิน จากนั้นก็เปลี่ยนมันเป็นการลงมือทำ

๒๔) ในสายตาคนจนมีแต่อุปสรรค 
แต่ในสายตาคนรวยมีแต่โอกาส
โอกาสมาแต่ชอบคนที่เตรียมพร้อม
ขอแค่เตรียมพร้อมอยู่เสมอ โอกาสก็จะมาเยือนคุณ
ถ้าคุณมีข้ออ้าง นั่นแสดงว่าคุณไม่อยากไขว่คว้าโอกาสไว้

๒๕) คนจนพะวงหน้าพะวงหลัง
แต่คนรวยแน่ใจแล้วก็ลงมือทำ

๒๖) คนจนยอมจำนนต่อความยากลำบาก
แต่คนรวยจะอดทน เข้มแข็งต่อความยากลำบาก
ชีวิตก็เป็นเหมือนสปริง
ถ้าคุณแข็งแรงสปริงก็จะอ่อน
แต่ถ้าคุณอ่อนแอสปริงก็จะแข็ง



ถ้าคุณไม่เข้มแข็งก็จะพ่ายแพ้ต่ออุปสรรค คุณจะยากจนไปตลอด
คนจนพอเจอความยากลำบาก จะไม่คิดหาวิธีการ พวกเขาจะคิดว่าทำไมสวรรค์ถึงประทานปัญหาที่ยุ่งยากให้กับพวกเขามากมาย ทำไมคนอื่นถึงมีปัญหาน้อย สวรรค์ไม่ยุติธรรม
แต่ความเป็นจริงเป็นเพราะเมื่อเผชิญกับความยากลำบาก พวกเขามักจะยอมจำนนง่ายๆ

๒๗) คนคนจนตัดพ้อต่อโชคชะตา
แต่คนรวยเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อเปลี่ยนแปลงโชคชะตา
คนจนตัดพ้อว่าการทำงานยากลำบาก จะพยายามหาวิธีทำน้อยๆเพื่อไม่ให้ส่งผลต่อร่างกาย
แต่คนรวยหลังจากหาเงินได้จำนวนหนึ่ง ก็จะวิเคราะห์ถึงโอกาสในการทำธุรกิจ
คนรวยหลายคนกลัวที่สุดว่าจะไม่มีอะไรทำ

คนจนจะไม่โทษว่าตัวเองเกียจคร้าน แต่จะบอกว่าโอกาสของตัวเองมีน้อย พวกเขาไม่เคยมองเห็นปัญหาจากตัวเอง ไม่เคยคิดว่าควรจะแก้ไข
คนรวยไม่ว่าตัวเองจะอยู่ในสถานการณ์อย่างไร พวกเขาก็ยังมองโลกในแง่บวก และใช้การกระทำเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตัวเอง

การตัดพ้อ นอกจากจะทำให้เป็นทุกข์ ก็ยังสิ้นเปลืองเวลา เดิมทีมันก็ไม่สามารถจัดการปัญหาได้อยู่แล้ว การคิดหาวิธีต่างหากถึงจะสำคัญที่สุด
จงหมั่นเรียนรู้เพื่อติดอาวุธทางปัญญาให้ตัวเอง จากนั้นพยายามลงมือทำ มันถึงจะเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตได้

- หนังสือมีขายที่ร้านซีเอ็ด-นายอินทร์-B2S นะครับ ลองไปหาดู -


(แนะนำเพิ่มเติม ความรู้การเทรดหุ้นของฟรี)
หากต้องการศึกษาวิธีเล่นหุ้น แนะนำให้ไปอ่านบทความฟรี คลิปฟรีที่นี่ก่อนก็ได้
เรียนเล่นหุ้น เรียนเทรด forex จิตวิทยาการเทรด มือใหม่เล่นหุ้น
คลิกลิ้งนี้ครับ https://www.zyo71.com/p/index.html เป็นสารบัญเว็บ zyo71.com นี้แหละครับ


ส่วนนี่เป็น ช่องยูทูป ของผมเอง ดูฟรีเช่นกันครับ
เข้าไปชม คลิกที่ลิ้งนี้ www.youtube.com/channel/UCTDoP5zRI4hRETT_2SSlPag/videos

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

วิธีการอ่านสัญญาณแท่งเทียน (Candlesticks Reading) สำหรับมือใหม่

อธิบาย Wyckoff Accumulation Phase แบบละเอียดยิบ

ดูยังไงว่าเป็น Cup with Handle pattern?

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ