สาเหตุที่ทำให้นักเทรดส่วนใหญ่ ต้องขาดทุนซ้ำซาก หรือ ไม่สามารถทำกำไรได้สม่ำเสมอ

Image
สาเหตุที่ทำให้นักเทรดส่วนใหญ่ ต้องขาดทุนซ้ำซาก หรือ ไม่สามารถทำกำไรได้สม่ำเสมอ ๑) เทรดแบบงานอดิเรก - มาทรงนี้ จะไปไวมาก เพราะงานอดิเรกมีแต่จ่าย และจ่าย // อีกกลุ่มใหญ่ไม่แพ้กันคือ เทรดแบบการพนัน เล่นหุ้นเสี่ยงสูงทั้งๆ ที่ตนเองความรู้แทบไม่มี จำคำพูดเซียนมาใช้เป็นกลยุทธ์ ๒) ถึงแม้จะตั้งใจศึกษาเล่าเรียน หาความรู้และฝึกฝนอย่างหนัก ก็ยังคงมีโอกาสขาดทุนหนักอยู่ เพราะ - ไปได้ข้อมูล แนวทางที่ผิด โดยเฉพาะการโฟกัสที่ผลลัพธ์ที่แม่นยำสูง + เทรดโดยไม่มีการบริหารความเสี่ยง - แต่แม้จะได้ข้อมูลที่ดี ก็ยังมีโอกาสขาดทุนยับอยู่ ถ้าคุณมีความเชื่อที่ตรงข้ามกับกลยุทธ์/กระบวนการและกฎการเทรดที่ทำเงิน -- แบบนี้เรียกว่าความขัดแย้งจากภายใน ตัวอย่างที่ชัดมากคือ กลยุทธ์ให้คุณตัดขาดทุน แต่ถ้าภายในใจของคุณไม่เชื่อ คุณก็ทำตามไม่ได้ // กลยุทธ์ให้คุณบริหารความเสี่ยง แต่ถ้าคุณอยากรวยเร็ว คุณก็ไม่ยอมทำตาม ๓) ประสบการณ์ คือ ตัวแปรสำคัญ ของการเทรดที่ได้กำไรสม่ำเสมอ ถ้าคุณมีประสบการณ์มากพอ คุณผ่านเกมมากพอ คุณจะเข้าใจหลายเรื่อง ที่มันขัดกับความเชื่อทั่วไปของมนุษย์ได้ เพราะหลายเรื่องของเกมการเทรดนั้น ไม่ได้มีไว้เพื่อเอาชนะ -

Do Story : วิธีเล่าเรื่อง ให้ โลกต้องฟัง

โดย เซียว จับอิดนึ้ง : facebook.com/zyoit


เป็นหนังสือเล่มเล็กๆ บางๆ ผมเห็นซุกอยู่ในมุมของชั้นหนังสือ แต่ที่หาเจอเพราะมีความต้องการหาหนังสือเกี่ยวกับการเขียนอยู่พอดี ทั้งชั้นมีเล่มเดียวจริงๆ
เมื่อดูปก
ภาพรวมของชื่อ ไม่โดนสักเท่าไหร่ แต่คำว่า "วิธีเล่าเรื่อง" ก็น่าจะสนอง need ได้ ไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง

พลิกไปดูปกหลัง
มีการเน้นคำว่า "เรื่องราว" ตัวใหญ่เด่น ก็ตรงกับ need พอดี ซึ่งถ้าใครอยากหาเรื่องแบบนี้ ก็น่าจะมีน้ำหนักให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นอีก

ช่วงล่าง มีการระบุ "...พื้นฐานของการเล่าเรื่องในหนังสือเล่มนี้ จะช่วยให้คุณสั่นสะเทือนหัวใจของทุกคน..." ทำให้ว่าที่ลูกค้าสร้างจินตนาการปะติดปะต่อเองไปว่า อย่างน้อยเราน่าจะได้พื้นฐานของการเล่าเรื่องได้ดีขึ้น

ราคา 150 บาท หนังสือมีการซีลพลาสติก จึงไม่รู้ว่าข้างในมีอะไรอยู่กันแน่

เมื่อเทียบกับความกลางๆ ของการนำเสนอ ก็ถือว่าไม่แพงมาก พอเสี่ยงไหว
ที่บอกว่าเสี่ยง เพราะเราไม่รู้เนื้อในเลย ว่าเราจะได้อะไรบ้างจากเล่มนี้เลย

พอได้เป็นเจ้าของ
พลิกอ่าน
บอกตรงๆว่า เนื้อหาเบาบางไปนิด
แต่ก็ตรงปกนะ บางเท่าปกเลย
มีไม่กี่เรื่องที่เป็นชิ้นเป็นอัน

ประเด็นที่จับต้องได้
อย่างน้อย เขาก็บอก กฎ ๑๐ ข้อของการเล่าเรื่อง
แต่เอาเท่าที่เข้าใจ น่าจะมีแค่ ๖ ข้อ
๑) เล่าให้เหมือนพูดให้เพื่อนฟัง
๒) อธิบายฉาก สถานที่ เวลา ฯลฯ ให้เขาเห็นภาพ
๓) เปรียบเทียบ ความตรงข้าม
๔) นำเสนอความเปราะบาง สิ่งที่คุณสงสัย, สับสน, โกรธ, เศร้า, ความรู้ใหม่, ความเข้าใจผิด/เพิ่ม, เบิกบานใจ, ยินดี, ฯลฯ
๕) ปล่อยออกมาทั้งประสาทสัมผัสทั้งห้า
๖) เล่าเรื่องตัวเอง

ความเปราะบาง คือสิ่งที่เขาเน้นมาก
เพราะมันคือของดี ช่วยให้ผู้ฟังเข้าถึง และอินกับตัวคุณ(ผู้พูด) มากขึ้น
อย่าอายที่จะพูดเรื่องตัวเอง เรื่องความประทับใจ ความกลัว ฯลฯ

มีประโยชน์ กับใคร?
คนที่ต้องการเป็นนักพูดระดมทุน
นักปลุกเร้า ต้องการให้ผู้ฟังทำอะไรสักอย่าง
แต่อย่าคาดหวังเยอะ
เพราะหลังจากอ่านจบ คุณจะไปเว็บamazon, se-ed เพื่อหาหนังสือที่มีเนื้อหาเหมือนกัน
เพื่อเรียนรู้ให้มากขึ้น จะได้กลับมาอ่านนี้แล้วได้ของเพิ่มขึ้น

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

อธิบาย Wyckoff Accumulation Phase แบบละเอียดยิบ

VCP (Volatility Contraction Pattern) และรูปแบบที่คล้ายกัน

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ

วิธีการอ่านสัญญาณแท่งเทียน (Candlesticks Reading) สำหรับมือใหม่

แท่งเทียนกลับตัว - Reversal Candlesticks