สาเหตุที่ทำให้นักเทรดส่วนใหญ่ ต้องขาดทุนซ้ำซาก หรือ ไม่สามารถทำกำไรได้สม่ำเสมอ

Image
สาเหตุที่ทำให้นักเทรดส่วนใหญ่ ต้องขาดทุนซ้ำซาก หรือ ไม่สามารถทำกำไรได้สม่ำเสมอ ๑) เทรดแบบงานอดิเรก - มาทรงนี้ จะไปไวมาก เพราะงานอดิเรกมีแต่จ่าย และจ่าย // อีกกลุ่มใหญ่ไม่แพ้กันคือ เทรดแบบการพนัน เล่นหุ้นเสี่ยงสูงทั้งๆ ที่ตนเองความรู้แทบไม่มี จำคำพูดเซียนมาใช้เป็นกลยุทธ์ ๒) ถึงแม้จะตั้งใจศึกษาเล่าเรียน หาความรู้และฝึกฝนอย่างหนัก ก็ยังคงมีโอกาสขาดทุนหนักอยู่ เพราะ - ไปได้ข้อมูล แนวทางที่ผิด โดยเฉพาะการโฟกัสที่ผลลัพธ์ที่แม่นยำสูง + เทรดโดยไม่มีการบริหารความเสี่ยง - แต่แม้จะได้ข้อมูลที่ดี ก็ยังมีโอกาสขาดทุนยับอยู่ ถ้าคุณมีความเชื่อที่ตรงข้ามกับกลยุทธ์/กระบวนการและกฎการเทรดที่ทำเงิน -- แบบนี้เรียกว่าความขัดแย้งจากภายใน ตัวอย่างที่ชัดมากคือ กลยุทธ์ให้คุณตัดขาดทุน แต่ถ้าภายในใจของคุณไม่เชื่อ คุณก็ทำตามไม่ได้ // กลยุทธ์ให้คุณบริหารความเสี่ยง แต่ถ้าคุณอยากรวยเร็ว คุณก็ไม่ยอมทำตาม ๓) ประสบการณ์ คือ ตัวแปรสำคัญ ของการเทรดที่ได้กำไรสม่ำเสมอ ถ้าคุณมีประสบการณ์มากพอ คุณผ่านเกมมากพอ คุณจะเข้าใจหลายเรื่อง ที่มันขัดกับความเชื่อทั่วไปของมนุษย์ได้ เพราะหลายเรื่องของเกมการเทรดนั้น ไม่ได้มีไว้เพื่อเอาชนะ -

ทำกำไร 1000% ด้วยหุ้นเทิร์นอะราวด์


หุ้น turnaround  หรือ หุ้นเทิร์นอะราวด์ หรือ หุ้นพลิกฟื้น มีหลายชื่อเรียกมาก นักลงทุนจะทำกำไรได้มากหากซื้อหุ้นช่วงบริษัทกำลังฟื้นตัว

หลักการพิจารณาหุ้นประเภทนี้จึงอยู่ที่การวิเคราะห์โมเดลธุรกิจ และแนวโน้มพื้นฐานโดยรวม ซึ่งแนวคิดการพลิกฟื้นกิจการมักต้องอาศัยการพยุงระบบภายในให้เกิดความสมดุลเพียงพอที่กิจการจะดำเนินไปได้ พร้อมกันนั้นผู้บริหารต้องสามารถแก้ปัญหาของสิ่งรบกวนจากภายนอก หรือปรับตัวกิจการให้เข้ากับสิ่งรบกวนภายนอกนั้นให้ได้

สาเหตุที่บริษัทล้มเหลว มาจาก
สาเหตุภายนอก ความต้องการของลูกค้าเปลี่ยน ภัยพิบัติ การเมือง
สาเหตุภายใน หลงทางออกนอกธุรกิจหลัก ขาดกลยุทธที่ชัดเจนและผิดพลาด ขยายธุรกิจใหม่มากเกินไป ระบบควบคุมคุณภาพล้มเหลว การบริหารงานไร้ประสิทธิภาพและการไร้ภาวะความเป็นผู้นำ


ลักษณะหุ้นที่ควรหลีกเลี่ยง 10  ประการ
- มีความเสี่ยงที่จะล้มละลาย ดูจาก ยอดขาดทุนสะสมมากกว่าส่วนของผู้ถือหุ้น
- ผู้ถือหุ้นใหญ่ไม่ยอมซื้อหุ้นเพิ่มทุนฃ
- ไม่มีสินค้าหรือบริการที่เด่นเหนือคู่แข่ง
- ขาดทรัพยากรที่ช่วยให้พลิกฟื้น
- มีประวัติที่เต็มไปด้วยเหตุร้ายที่คาดไม่ถึง
- เทคโนโลยีล้าสมัยหรือไร้ประสิทธิภาพ
- ขาดเจ้าภาพ(ผู้บริหาร)ที่มือถึง
- อุตสาหกรรมไร้อนาคต
- ประธานบริหารไม่ชอบออกสื่อ เอาแต่หลบหน้า
- ประธานบริหารของบริษัทไร้ฝีมือ


การพลิกฟื้นกิจการ
แก้ตามความรุนแรงของปัญหา
- ไม่รุนแรง  ลดทอนค่าใช้จ่ายก็เพียงพอ
- หนักหนา ตัดขายทรัพย์สินหรือธุรกิจที่ไม่จำเป็นออก
- รุนแรงสุดๆ ยกเครื่อง(เปลี่ยน)โมเดลธุรกิจและกลยุทธ
การพลิกฟื้นที่ได้ผลนั้น มักต้องเปลี่ยนแปลงทรัพย์สินและบุคลกร จึงต้องดูให้ออกว่าสิ่งที่กำลังจะเปลี่ยนนั้นมันเป็นการแก้ถูกจุดหรือเปล่า


จะฟื้นได้มั้ย? ให้เช็คปัจจัยดังนี้
- ดูความเป็นไปได้ของโมเดลธุรกิจ
- ศักยภาพของทรัพยากร ดูวิสัยทัศน์ของ CEO มุมมองธุรกิจที่ไม่ยึดกรอบเดิม
- ต้นทุนของเงินทุน เพิ่มทุนง่ายมั้ย ผู้ถือหุ้นใหญ่ไม่หนี ต้นทุนเงินกู้ไม่สูง
- แผนการบริหารทรัพย์สินเพื่อให้บริษัทสามารถกลับมาแข่งขันและทำกำไรได้อีกครั้งหนึ่ง


นักลงทุนหุ้นควรลงรายละเอียดให้ได้ว่า
บริษัทที่ประกาศว่าจะพลิกฟื้นนั้น มีแผนธุรกิจที่ทำให้สามารถลดการลงทุนในส่วนของสินทรัพย์และยอดหนี้สิน เมื่อเทียบกับคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกันได้หรือไม่ โดยทำได้จากการเปรียบเทียบข้อมูลในเรื่องของ
- สัดส่วนตัวเลขทรัพย์สินถาวรต่อทรัพย์สินทั้งหมด
- อัตราการหมุนเวียนทรัพย์สิน
- และอัตราผลตอบแทนต่อทรัพย์สิน


กลยุทธ์การฟื้นฟูกิจการ
ดูว่าเขาแก้ตรงจุดมั้ย? ปัญหาเกิดจากกลยุทธ์ธุรกิจ หรือปฎิบัติการ ต้องแก้ตามเหตุ
- การเปลี่ยนแปลงตัวผู้นำองค์กรถือเป็นเงื่อนไขแรกที่ต้องทำในการฟื้นฟูกิจการ
- ต่อมาคือฟื้นฟูฐานะทางการเงิน คือการพยายามให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ต้องจ่ายอยู่ในระดับต่ำที่สุด และมีเงื่อนไขผูกพันน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นได้
จากนั้นถ้าพยายามเสริมความได้เปรียบเชิงแข่งขันได้จะถือว่ามีอนาคตที่น่าสนใจมาก

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

อธิบาย Wyckoff Accumulation Phase แบบละเอียดยิบ

VCP (Volatility Contraction Pattern) และรูปแบบที่คล้ายกัน

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ

วิธีการอ่านสัญญาณแท่งเทียน (Candlesticks Reading) สำหรับมือใหม่

แท่งเทียนกลับตัว - Reversal Candlesticks