สาเหตุที่ทำให้นักเทรดส่วนใหญ่ ต้องขาดทุนซ้ำซาก หรือ ไม่สามารถทำกำไรได้สม่ำเสมอ

Image
สาเหตุที่ทำให้นักเทรดส่วนใหญ่ ต้องขาดทุนซ้ำซาก หรือ ไม่สามารถทำกำไรได้สม่ำเสมอ ๑) เทรดแบบงานอดิเรก - มาทรงนี้ จะไปไวมาก เพราะงานอดิเรกมีแต่จ่าย และจ่าย // อีกกลุ่มใหญ่ไม่แพ้กันคือ เทรดแบบการพนัน เล่นหุ้นเสี่ยงสูงทั้งๆ ที่ตนเองความรู้แทบไม่มี จำคำพูดเซียนมาใช้เป็นกลยุทธ์ ๒) ถึงแม้จะตั้งใจศึกษาเล่าเรียน หาความรู้และฝึกฝนอย่างหนัก ก็ยังคงมีโอกาสขาดทุนหนักอยู่ เพราะ - ไปได้ข้อมูล แนวทางที่ผิด โดยเฉพาะการโฟกัสที่ผลลัพธ์ที่แม่นยำสูง + เทรดโดยไม่มีการบริหารความเสี่ยง - แต่แม้จะได้ข้อมูลที่ดี ก็ยังมีโอกาสขาดทุนยับอยู่ ถ้าคุณมีความเชื่อที่ตรงข้ามกับกลยุทธ์/กระบวนการและกฎการเทรดที่ทำเงิน -- แบบนี้เรียกว่าความขัดแย้งจากภายใน ตัวอย่างที่ชัดมากคือ กลยุทธ์ให้คุณตัดขาดทุน แต่ถ้าภายในใจของคุณไม่เชื่อ คุณก็ทำตามไม่ได้ // กลยุทธ์ให้คุณบริหารความเสี่ยง แต่ถ้าคุณอยากรวยเร็ว คุณก็ไม่ยอมทำตาม ๓) ประสบการณ์ คือ ตัวแปรสำคัญ ของการเทรดที่ได้กำไรสม่ำเสมอ ถ้าคุณมีประสบการณ์มากพอ คุณผ่านเกมมากพอ คุณจะเข้าใจหลายเรื่อง ที่มันขัดกับความเชื่อทั่วไปของมนุษย์ได้ เพราะหลายเรื่องของเกมการเทรดนั้น ไม่ได้มีไว้เพื่อเอาชนะ -

ที่สุดของเซียว - LIVE

LIVE ถือเป็นหุ้นอีกตัวที่มีอิทธิพลต่อแนวคิดของผมมากตัวหนึ่ง ในด้านของกำไร
ตอนนี้เปลี่ยนชื่อไปแล้ว
ผมทำเงินจาตัวนี้ได้ถึง 60% ของพอร์ต เรียกว่าได้ตัวเดียว อยู่เฉยๆได้เป็นปีเลย

แต่อย่าเพิ่งคิดว่าผมเก่งหรืออะไรหรอก ตัวนี้ผมก็ "ซื้อตามเขาบอกมา"

ย้อนไปเกือบๆ 3 ปีก่อน ผมเข้าไปดูตามเว็บบอร์ด ก็เห็นหลายคนโพสต์เชียร์  LIVE ว่าจะเป็นหนึ่งในหุ้น turnaround ของปี ผมก็สนใจสิ จากที่อ่านหนังสือไอดอลของผม(ในขณะนั้น)เขาร่ำรวยจากหุ้นประเภทนี้หลายสิบเด้ง ผมก็เอาด้วย

ก็แหม..เข้าสูตรทุกอย่าง
- ราคาต่ำบาท
- ราคาลงไปอยู่ที่ก้น
- นอนแช่นานๆ
- มีสตอรี่คือจะเอาบริษัทลูกเข้าตลาด โดยมี 2 ตัว คือ
 "สเตรก้า" ให้บริการขุดวางท่อ และคลีนิกความงาม

ดูกราฟภาพใหญ่ของช่วงนั้นไปก่อนนะ

สวยนะ วอลุ่มเข้าเป็นระยะๆ จากนั้นราคาก็พยายามยกกรอบขึ้นไปเรื่อยๆ บีบตัวสร้างฐาน วอลุ่มแห้ง ก่อนที่จะกระชากไล่ราคาขึ้นไปม้วนเดียวจบ
เจอะอย่างนี้ ถ้าไม่รักก็บ้าแล้ว

แล้วผมเข้าซื้อตอนไหนเหรอ?
ลองไปเช็คประวัติการซื้อขายย้อนหลัง พบว่าเข้าไปช่วงเดือนสิงหาคม ดูกราฟ

ซื้อไปสักพัก มีย่อลงไปทำนิวโลว์ ผมถัวทันที
คือตอนนั้นเข้าตลาดมาใหม่ๆ ไม่ได้กลัวเรื่องขาดทุนหรอก stop loss ยิ่งไม่อยู่ในหัว อย่าถามเรื่อง Money Management
ปรากฎว่าโชคดี ที่ไม่รู้เรื่องอะไร เพราะไปได้ของถูกที่ราคาต่ำที่สุดของรอบพอดีเลย

ความโง่ก็มีประโยชน์แบบนี้นี่เอง

ถ้าเป็นตอนนี้นะ ผมสาดทิ้งหมดโควต้าไปแล้ว
(ซึ่งเชื่อมั้ย ล่าสุดผมเจอตัวนึง เสียดายจนถึงวันนี้ ทรงลักษณะนี้แหละ พอหลุดโลว์ ก็ขายทิ้งเลย เพราะความที่มันเป็นหุ้นต่ำบาทไง พื้นฐานก็ไม่ชัวร์ เมื่อเห็นหลุดก็ต้องขายเอาเงินไว้ก่อน แต่จากนั้นไม่กี่วันมันดีดพรวดๆ จากก้นไปหยุดที่ 200% ภายในไม่กี่วีคเอง(ไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ)
เจ็บใจจี๊ดๆ แต่ก็ต้องยอมรับ เพราะเราป้องกันไว้ก่อนตามวินัย อันเป็นสิ่งที่เราต้องยึดมั่น

ดูจุดซื้อจากภาพใหญ่อีกครั้ง

ถือว่าเป็นจังหวะที่ดีงามพระราม 6 มาก
พอหลังจากนั้นมันดีดแรงขึ้นไปทำกรอบราคาใหม่เลย โชคสุดๆ จังหวะดีโคตรๆ

แต่..เมื่อมาลองวิเคราะห์กราฟย้อนหลัง ก็พอจะได้สังเกตุจังหวะการขึ้นของมันพอสมควรนะ

จากกราวีคข้างบน อยากให้ดูที่แท่งที่วอลุ่ม สังเกตุนะว่าก่อนที่ผมจะเข้าซื้อนะ มันมีวอลุ่มเข้า4 ชุดใหญ่ๆ ที่ปริมาณสูงมากโดดเด่นเป็นสง่า

ต่อมาราคาก็บีบตัว แกว่งแคบลงๆ จนแทบจะเป็นแท่งโดจิต่อเนื่อง วอลุ่มก็ลดลงจนแทบแห้ง
ดูตอนที่มันเขย่าครั้งุท้ายสิ ราคานิวโลว์ แต่วอลุ่มน้อยมาก แสดงว่าคนใจฝ่อ ขายออกแทบหมดเกลี้ยง

มาถึงจุดนี้, ผมอยากแนะนำให้ท่านๆ ลองใช้กราฟวีคดูหุ้นกันนะ
บางทีคุณอาจจะได้เห็นภาพใหญ่ รายละเอียดของการแกว่งราคา และที่สำคัญคือพัฒนาการของวอลุ่ม

กลับมาที่หุ้นกันต่อ ว่าด้วย Spring ดังที่ผมชี้ในวงรีสีเหลืองนั่นมั้ย
ถ้ามองในมุมของ Wyckoff Accumulation จะเรียกระยะเขย่าเม่าครั้งสุดท้ายนี้ว่า spring
อันเป็นการทดสอบแรงขายครั้งสุดท้ายก่อนซิ่ง


และกับ LIVE เขาก็ไม่ได้ทำครั้งเดียวนะ ก่อนจะซิ่งแรงพี่คนทำราคาเค้าโชว์ให้ดู 2 สเต็ป ก่อนที่จะซิ่งแรงรวดเดียว

นี่ถือเป็นลายเซ็นของ Market maker เจ้านี้เลยนะ



ต่อมาก็คือสัญลักษณ์ของขาขึ้น
ยังมีอยู่ครบนะ พอราคาวิ่งขึ้นวอลุ่มเพิ่ม แต่พอราคาย่อลงวอลุ่มลด จากนั้นก็บีบตัว วอลุ่มแห้ง แห้ง แห้ง แล้วก็ "ซิ่งไปดาวอังคารรวดเดียว"

2 เดือน 100% สุดๆ ไปเลย ถือเป็นหุ้นที่ซิ่งดีได้ใจกองเชียร์มากๆ



แล้ว...ผมขายออกตอนไหนล่ะ?
ตามสันดาน ผมเริ่มปล่อยตั้งแต่ 50 สตางค์แล้ว แต่ทีละนิดๆ พันหุ้น หมื่นหุ้นบ้าง ไปตลอดทาง(หุ้นที่ซื้อไม่เยอะหรอกนะ พูดจาใหญ่โตไปงั้นเอง อีกอย่างราคาก็เป็นเศษสตางค์น่ะ)
แต่ที่ออกหนักๆ ก็ตอนที่มันไม่ยอมทำนิวไฮครับ เพราะจำคำของเสี่ยยักษ์ได้ว่า หุ้นถ้าวิ่งมาแรงๆแล้ว ย่อดีดกลับไม่ทำนิวไฮ ต้องขาย
ผมก็ขายออกทีละเยอะๆ(เท่าที่มีในพอร์ต) ในช่วงนั้น ก็โชคดีที่คนทำราคาเขาเลี้ยงราคาให้ขาย ไม่งั้นคงดูไม่จืด เพราะน่าจะขาดทุนกำไรไปอักโข
และออกที่เหลือก็ตอนที่มันหลุดเส้นขาว (ก็เหลือไม่เยอะหรอก ตอนแรกกะไว้ดู แต่พอหลุดก็ขายเฉยเลย)

ถามว่าผมได้บทเรียนอะไรจากหุ้น LIVE มั้ย
ต้องตอบเลยว่า...ไม่
ด้วยความที่ติดใจหุ้นต่ำบาท ซึ่งสามารถทำกำไรให้เป็นอย่างมาก

ผมก็เลยหาหุ้นแนวนี้เล่นอีก
สุดท้ายก็ไปเสียเงินขาดทุนไปเกือบหมดของที่ได้มา ดังนี้
จาก PAE (ที่เขียนให้อ่านไปแล้ว)

TWZ

และ T

ครับ กำไร...ไม่ได้ให้บทเรียนอะไรผมเลย

แต่ถ้าจะให้วิเคราะห์ย้อนหลังกลับไป ผมก็มองว่า
ตัวเองชนะด้วยวิธีที่ิผิด
พอเริ่มต้นด้วยแนวทางที่ผิด ในที่สุดมันก็พังในตอนท้าย

วิธีการที่ผิดคืองี้ครับ
หลังจากที่ได้กำไร LIVE ไปแล้ว ผมดันได้ความเชื่อที่ว่า
หุ้นต่ำบาทที่นิ่งอยู่ที่ก้น นานๆ ซื้อเก็บไว้ เดี๋ยวก็ซิ่ง
เป็นประโยคที่คุ้นๆกันบ้างมั้ยครับ ผมได้ยินกูรูเขาพูด และลองทำดูก็ประสบความสำเร็จไง
ก็เลยเอาไปทำซ้ำกับตัวอื่น คือซื้อหุ้นต่ำบาท ที่ราคานิ่งๆ แล้วก็รอให้มันวิ่ง
พื้นฐานไม่ได้ดูอะไรทั้งสิ้น
พูดแบบหยาบๆก็คือ "ซื้อหุ้นเผื่อเขาปั่น"

ทว่า, หุ้นแต่ละตัวมันก็มีคาแร็คเตอร์ของมันเอง
มันไม่นิ่งแล้ววิ่งขึ้นอย่าง LIVE ทุกตัวที่ซื้อ
ตรงกันข้าม กลับวิ่งลงซะงั้น
เพราะมันยังเป็นขาลงอยู่ไง

ผลก็คือขาดทุนกำไรที่ได้มา อย่างยับเยิน
เพราะหลังจากนั้น มันลงต่ออย่างหนักล่ะหนึ่ง
อีกประเด็นต่อมาก็คือ หุ้นต่ำบาทเวลามันลง ช่องเดียวก็ร่วมๆ 10% ไปแล้วไง

ด้วยความที่ตัวเองไม่สามารถทนเห็นการขาดทุนตัวแดงลบหนักๆได้ ก็เลยขายทิ้งไปซะ
ผลก็คือ กำไรที่ได้มา ก็คืนตลาดไปเกือบหมด

ครับ, ความเชื่อที่ผิด สุดท้ายจะพาความพินาศมาสู่พอร์ตเราได้

ดังนั้น การจะพิสูจน์ว่าแนวคิด ระบบ หรือความเชื่อนั้นมันใช่จริงๆ
แนวทางนั้นก็ต้องใช้ซ้ำได้ กับทุกหุ้น(ที่เราคัดมา) และใช้ได้ในทุกสถานการณ์
ถ้ามันยังมีจุดบอดอยู่ ก็ต้องหาทางอุดให้ได้ เพื่อเสริมแกร่งให้ระบบมีความแม่นยำมากขึ้น
เช่น ดูกราฟ เช็ควอลุ่ม ยังไม่พอ Price Pattern ก็น่าจะจำได้บ้าง รูปแบบแท่งเทียน หาข้อมูลทางพื้นฐานเอาไว้ด้วย ฝึกมองแนวโน้มอุตสาหกรรมหน่อยก็ดี คลิป OPPDAY ก็ต้องดู อีเลียตเวฟก็ไม่ควรมองข้าม รู้ไว้บ้างก็ไม่เสียหลาย อาจไม่ต้องเก่งหรอก แค่บางจุดที่มันช่วยเสริมมุมมองเราให้รอบด้านมากขึ้น ฯลฯ

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

อธิบาย Wyckoff Accumulation Phase แบบละเอียดยิบ

VCP (Volatility Contraction Pattern) และรูปแบบที่คล้ายกัน

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ

วิธีการอ่านสัญญาณแท่งเทียน (Candlesticks Reading) สำหรับมือใหม่

แท่งเทียนกลับตัว - Reversal Candlesticks