อันดับกลุ่ม Neocloud (Neocloud Sector Tierlist)

Image
อันดับกลุ่ม Neocloud (Neocloud Sector Tierlist) ที่มา  https://x.com/aleabitoreddit/status/1992181846134968633?s=20 อัปเดตหลังงบไตรมาส 3 และหลังการปรับฐานของทั้งเซกเตอร์: Tier [S]: $NBIS Tier [A]: $CIFR, $WULF, $IREN Tier [B]: $GLXY, $CORZ Tier [C]: $APLD, $CLSK Tier [D]: $WLAC, $DGDX, $WYFI Tier [F]: $CRWV*, $SLNH Tier [U]: $GRRR, $MARA, $DGDX, $CLSK, $BITF, $HIVE, $RIOT ** (เรียงลำดับจากซ้ายไปขวาตามความแข็งแกร่ง) * การปรับตัวลงในระยะสั้นทำให้บางหุ้นอย่าง $CRWV กลายเป็นจุดเข้าที่น่าสนใจ แต่หากมองกลาง (12 เดือน) ความน่าดึงดูดยังค่อนข้างจำกัด ** หุ้นบางตัวถูกจัดอยู่ในภาพรวมของ Tier F แต่ไม่ได้ให้คะแนนจริง เนื่องจากยังมีความไม่แน่นอนสูง เช่น บางบริษัทที่ยังไม่เปลี่ยนผ่านไปสู่ HPC เต็มตัว หรือยังมีความเสี่ยงเรื่องสัญญา หลายคนถามหาอัปเดตหลังประกาศงบ นี่คือมุมมองส่วนตัวที่อิงจากการประเมินแบบถ่วงน้ำหนักในประเด็นต่าง ๆ ได้แก่: a. ความชัดเจนของสัญญาและความแน่นอนของรายได้ b. ความทนทานต่อภาวะเศรษฐกิจตึงตัวและเงื่อนไขด้านเครดิต c. ความแข็งแรงของงบดุลและโครงสร้างมาร์จิน d. ความเสี่ยงในการสร้าง...

เขาเทรดขาดทุนซ้ำซากมาตลอด 15 ปี จนพบจุดเปลี่ยนนี้


ตลอดการเดินทางในการเทรด 23 ปีของผม ผมเป็นเทรดเดอร์ที่ย่ำแย่ไปมากกว่า 15 ปี อย่างที่ผมเคยเล่าไว้ในโพสต์ก่อนๆ ผมเคยล้มเหลวในเครื่องมือเกือบทุกประเภทที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นหุ้น ออปชัน ฟิวเจอร์ส หรือสกุลเงิน ถ้าชื่อว่ามีเครื่องมือนั้นอยู่ ผมก็น่าจะเคยล้มเหลวกับมันมาแล้ว ยกเว้นก็แต่บิทคอยน์ ที่เกิดขึ้นมาหลังจากผมปรับปรุงตัวได้สำเร็จ แล้วอะไรล่ะที่ช่วยให้ผมเปลี่ยนแปลงจนสามารถเทรดได้อย่างสม่ำเสมอและทำกำไรได้?



อัพเดทอีบุ๊กใหม่ขึ้นห้องสมุดครับ

https://mebmarket.com/index.php?action=search_book&type=author_name&search=%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A7%20%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%87&auto_search_id=&exact_keyword=1&page_no=1


เทรดแบบ “รถถัง”:

ในการสัมภาษณ์ของ Marios แชมป์ USIC ในช่อง TraderLion เขาพูดถึงแนวคิดการเป็น “รถถังที่แข็งแกร่ง” (ultimate tank) [ลิงก์วิดีโอ](https://youtube.com/watch?v=7UfHg8PpDZk&t=5472s) ตอนที่ผมได้ยินแนวคิดนี้ ผมก็เข้าใจทันทีว่านั่นแหละคือสิ่งที่ผมทำมา ผมเปลี่ยนจากการเป็น “ปืนใหญ่ที่เปราะบาง” ที่พร้อมพังลงได้จากความผันผวนเพียงเล็กน้อย มาเป็น “รถถัง” ที่สามารถทนต่อการโดนโจมตีเล็กๆ น้อยๆ ได้ และรอคอยโอกาสที่จะโจมตีกลับอย่างหนัก สิ่งเดียวที่ผมเปลี่ยนคือการลดความเสี่ยงต่อการเทรดแต่ละครั้งลงเหลือ 0.25-0.5% ทันทีที่ปรับลดความเสี่ยง ความแข็งแกร่งของผมก็ดีขึ้นอย่างมาก แน่นอนว่าคุณยังต้องใส่ใจกับสภาวะตลาดและต้องมีรูปแบบการเทรดที่ดี เพราะไม่อย่างนั้นคุณอาจจะตายจากบาดแผลเล็กๆ หลายพันแผล แต่ที่แน่ๆ คุณจะไม่พังทลายอย่างใหญ่โตอีกต่อไป


ฟังเสียงสะท้อนจากตลาด:

ในช่วงแรกของการเทรด ผมค่อนข้างดื้อดึง พอเจอความสูญเสียต่อเนื่อง ผมกลับคิดว่าผมพยายามไม่พอ ฮ่าๆ แม้ว่าตลาดจะส่งสัญญาณชัดเจนว่ามันไม่ได้ไปในทางที่ผมหวัง ผมก็ยังคงเพิ่มทุนในตำแหน่งที่ขาดทุนและเทรดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผลก็คือผมโดนตลาดกลืนกินอย่างสิ้นเชิง แต่เมื่อผมเริ่มเรียนรู้ที่จะปรับตัวให้สอดคล้องกับผลลัพธ์ ไม่ว่าจะเป็นการลดความเสี่ยงและกิจกรรมเมื่อเจอช่วงขาดทุน หรือเพิ่มขึ้นเมื่อมีความสำเร็จ ผลการเทรดของผมก็เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน ผมเริ่มฟังเสียงตลาด ถ้ามีสัญญาณลบ ผมจะถอยออกมา แต่ถ้ามีสัญญาณบวก ผมก็จะเพิ่มความมั่นใจและอาจจะกล้าเทรดมากขึ้น การปรับตัวแบบนี้ไม่ง่ายและต้องใช้เวลา แต่เป็นสิ่งจำเป็น การเพิกเฉยต่อสัญญาณลบและคิดว่ามันจะดีขึ้นเองไม่ใช่แผนการเทรดที่ดี เช่นเดียวกับการไม่ใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาที่ตลาดมีความเป็นไปได้สูงในการทำกำไร จะยิ่งทำให้คุณพลาดโอกาสดีๆ ไป


โฟกัสที่กระบวนการและรูปแบบหลักเพียง 1-2 แบบ:

ในช่วงแรกๆ ผมไม่มีเป้าหมายที่แน่นอน เปลี่ยนระบบ เปลี่ยนสไตล์การเทรดไปเรื่อย ไล่ตามตัวชี้วัดใหม่ๆ และทุกอย่างที่ดูเหมือนจะให้ผลตอบแทนดี ผมเคยลองใช้ทั้งกราฟ 5, 30, 60 นาที, รายวัน, รายสัปดาห์ ถ้าคุณหาดีๆ คุณจะเจอรูปแบบการเทรดที่ใช่สักที่แน่นอน และตลาดก็พร้อมจะเสิร์ฟให้ผมเสพติดการเทรดไปเรื่อยๆ ผลก็คือการเทรดมากเกินไป จนผมรู้ตัวว่าต้องโฟกัสกับรูปแบบหลักๆ เพียงไม่กี่แบบ และกรอบเวลาไม่กี่ช่วง ทำให้ผมหยุดการเทรดมากเกินไป ซึ่งต้องอาศัยความอดทนและวินัยที่ผมเคยขาดไปอย่างมาก ตอนนี้ ผมพบว่าตัวเองเทรดเยอะในบางตลาดและแทบไม่ทำอะไรเลยในตลาดอื่น ขึ้นอยู่กับว่ามีรูปแบบหลักที่ผมมองหาอยู่หรือไม่ ปัจจุบันผมใช้เวลาเทรดใกล้ช่วงเปิดตลาดราวๆ 30-60 นาทีต่อวัน และเวลาใส่ออเดอร์จริงๆ แค่ 5-10 นาทีในแต่ละรอบ เมื่อผมตระหนักว่า การนั่งดูกราฟทั้งวัน 6.5 ชั่วโมงไม่ได้เปลี่ยนผลของการเทรดแต่ละรายการ ผมก็หันไปโฟกัสกับเรื่องอื่นๆ แทน การนั่งจ้องหน้าจอนั้นนอกจากจะเสียเวลาแล้ว ยังทำให้ผมอยากจะเข้าไปยุ่งกับตำแหน่งของตัวเองโดยไม่จำเป็น


การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ – การกลายเป็นรถถัง การฟังเสียงสะท้อนจากตลาด และการโฟกัสกับกระบวนการและรูปแบบหลักเพียงไม่กี่อย่าง – เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ผมสามารถเทรดได้อย่างสม่ำเสมอและทำกำไรได้ มันใช้เวลานานและต้องผ่านการลองผิดลองถูกมากมาย แต่ถ้าคุณโฟกัสที่สิ่งเหล่านี้ ผมมั่นใจว่าคุณจะเห็นความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น ไม่ใช่เรื่องใหม่เลย สิ่งเหล่านี้ถูกพูดถึงซ้ำๆ โดยนักเทรดชั้นนำอย่าง Minervini, Qullamaggie, Zanger และนักเทรดระดับสูงอื่นๆ แต่ถ้าคุณยังไม่ได้สัมผัสกับประสบการณ์เหล่านี้ มันก็ยังไม่ใช่ความจริงของคุณ จงทำให้มันเป็นประสบการณ์ของคุณ จนกระทั่งมันกลายเป็นความจริงของคุณเอง

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

กราฟหุ้น GFPT ล่าสุด

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ

$BMNR ทำธุรกิจอะไร? จุดแข็ง/จุดอ่อน และตัวเร่ง

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

Grok? $IREN หุ้นอเมริกาตัวนี้ ถูกเชียร์เกินเหตุหรือเปล่า?