การเทรดคือเกมของฮีโร่ นี่คือตัวอย่างเส้นทางของคุณ

Image
  เส้นทางของ "The Hero's Journey" แบ่งออกเป็นสองโลกคือ Known (โลกที่รู้จัก) และ Unknown (โลกที่ไม่รู้จัก) ซึ่งวีรบุรุษจะต้องเดินทางไปในโลกที่ไม่รู้จัก (Unknown) เพื่อพัฒนาตนเอง ผ่านการผจญภัยและการทดสอบต่าง ๆ ก่อนที่จะกลับมายังโลกที่เขารู้จักพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงภายใน 1. Call to Adventure! (การเรียกสู่การผจญภัย)    - จุดเริ่มต้นของเรื่องราวเมื่อ "Hero" ได้รับการกระตุ้นให้เข้าสู่การเดินทางใหม่หรือการผจญภัยที่ไม่คุ้นเคย 2. Supernatural Aid (ความช่วยเหลือเหนือธรรมชาติ)    - Hero ได้รับการช่วยเหลือหรือคำแนะนำจากสิ่งที่อยู่นอกเหนือธรรมชาติ เช่น กำลังภายใน ความสามารถพิเศษ หรือคำแนะนำจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ 3. Threshold Guardian (ผู้เฝ้าประตู)    - ตัวละครหรือสิ่งที่ยืนขวาง Hero ไม่ให้เข้าสู่โลกที่ไม่รู้จัก วีรบุรุษต้องเอาชนะหรือก้าวผ่านเพื่อเดินหน้าต่อ 4. Threshold (ประตูแห่งการเปลี่ยนแปลง)    - จุดที่ Hero ก้าวเข้าสู่โลกแห่งความไม่แน่นอน จากสิ่งที่เขารู้ไปสู่สิ่งที่เขายังไม่รู้ 5. Challenges (ความท้าทาย)    - Hero เผชิญกับอุปสรรคและความท้าทายต่าง ๆ ที่ทดสอบทั้งร่างกายแล

หาแนวทางที่ใช่ สไตล์ที่เหมาะ



"เมื่อใดที่คุณนิยามสไตล์และจุดหมายของตัวเองได้
ก็จะยึดตามแผนการและบรรลุผลสำเร็จได้ง่ายขึ้น
ทันทีที่คุณยอมสละ(แนวทางที่ไม่ใช่)
คุณก็จะได้ความชำนาญเป็นรางวัล"



วันก่อน มีสมาชิกท่านหนึ่งคอมเมนต์สอบถามเกี่ยวกับ วิธีการเทรดที่สามารถสร้าง passive income ให้เลี้ยงชีพได้ ถ้าต้องออกมาเป็น full time trader

คืออยากทำเงินให้ได้ตลอด แม้ว่าตลาดจะเป็นขาลง หรือ sideway

ผมก็ตอบแบบเลี่ยงๆไป เพราะว่าตัวเองไม่ได้มีประสบการณ์ หรือความมุ่งเน้นไปทางที่ว่านั้นเลย
เพราะผมตั้งใจว่าจะเอาดี ทำเงินให้ได้เยอะๆ ก็เฉพาะช่วงที่ตลาดเป็นขาขึ้นเท่านั้น
ส่วน sideway หรือขาลง (ถ้ารู้ตัว) ก็จะขออยู่นิ่งๆ หรือขอเทรดด้วยเงินน้อยๆ

ที่กล้าพูดได้เต็มปากแบบนี้ มิได้หมายว่าตัวเองสำเร็จเคล็ดวิชา
ทำเงินให้ไหลลงมาจากฟากฟ้าได้แล้วแต่ประการใดหรอกนะ

เพียงแต่ผมรู้แล้วว่า ตัวเองควรจะเดินไปทางไหน
เทรดด้วยกลยุทธ์ใด

ผมว่าตรงนี้สำคัญไม่น้อยเลยนะ
ถ้าเราอยากไปไหนให้ได้ไกลๆ (ประโยคนี้ ผมจำขี้ปากเค้ามา)

ความจริงแนวทางการเทรด ไม่ว่าจะวิธีไหนก็ได้ตังค์เท่านั้นแหละครับ
จะ day trade, sculper, ดู bid-offer, swing trade, trend follower หรือลงทุนแบบวีไอ

แต่ที่ผมเข้าใจว่คนส่วนใหญ่ไม่ประสบความสำเร็จ
น่าจะมาจาก "หาตัวเองไม่เจอ"

คือเปลี่ยนใจไปเรื่อย
วันนี้ลองวีไอ
เล่นไปสักพัก ขาดทุน
เปลี่ยนไปใช้เทคนิคอล
มีไอดอลคนหนึ่งดังมาก เขา day trade ก็ลองเล่นตาม
ปรากฎว่าทำเงินไม่ได้ ขายไม่ทัน ขาดทุนอีก

มาเห็นเฟสของผม เขียนโม้ได้น่าสนใจดี
ก็ลองซื้อหนังสือไปอ่าน
อ่านสนุก ฮึกเหิม
แต่พอไปเทรดจริง กำไรไม่ขาย
ได้ขายที่ขาดทุนทุกที
ไม่ยอม take profit แต่ถนัด stop loss
(อิอิอิ ผมก็เอาเรื่องจริงมาล้อเล่นน่ะ ขำๆนะ ไม่รู้ใครเป็นแบบนี้หรือเปล่า?)

กลายเป็นว่า แนวนี้ก็ไม่ใช่ แนวนั้นก็ไม่ดี
เห็นเพจนึง เขาใช้อินดิเคเตอร์สีรุ้ง ดูแล้วน่าจะรุ่ง
ลองเปลี่ยนดูอีกทีสิ เผื่อจะมีกำไร

ฯลฯ

กลายเป็น "เทรดเดอร์ไม้หลักปักขี้เลน" ไปเสียอย่างนั้น
ผมคิดว่าแบบนี้น่าจะมีเยอะ

อีกประเภทคือเล่นเป็นงานอดิเรก ไม่ได้จริงจัง
รอหุ้นจากกูรู ซื้อเผื่อถูกเหมือนแทงหวย
แบบนี้ก็น่าจะร่วมๆครึ่งนึงของตลาดนะผมว่า

นี่แหละที่เป็นต้นตอให้เราเป็นเทรดเดอร์ที่ไปไหนไม่ได้ไกล
สร้างความร่ำรวย ปั้นพอร์ตให้โตได้แบบเซียนๆเขาทำกัน

ผมคิดว่า ถ้าจะเอาดีให้ได้
คุณต้องหยุด และเลือกแนวทางที่ใช่สักทาง
จะวีไอ ก็ไอให้สำรอกออกมาเป็นอิฐ (จะได้ไปใช้เป็น "พื้นฐาน" ไง)

หากจะเทคนิคอล ก็เอาสักทาง
 day trade, sculper, ดู bid-offer, swing trade, trend follower เอาสักอย่าง
ทุกแนวทำเงินได้หมด ผมเชื่อและเชียร์สุดใจ
เพียงแค่คุณ ไป-ให้-สุด

"เมื่อใดที่คุณนิยามสไตล์และจุดหมายของตัวเองได้
ก็จะยึดตามแผนการและบรรลุผลสำเร็จได้ง่ายขึ้น
ทันทีที่คุณยอมสละ(แนวทางที่ไม่ใช่)
คุณก็จะได้ความชำนาญเป็นรางวัล"
ประโยคนี้ของพี่มาร์ค มันโดนใจผมมาก

โอเค...ตอนนี้ผมก็ยืนยันอีกทีว่าผมยังไม่บรรลุแนวทางดังที่หวังนะ
แต่ก็พอรู้แล้วว่าตัวเอง ชอบ และ อยากจะเดินไปหาจุดหมายด้วยเส้นไหน

ที่ผมคิดว่าใช่นั้น ก็เพราะว่าลองสูตรนี้แล้วมันได้กำไรไง
ไม่ใช่ได้แค่ครั้งเดียว แต่ได้ทุกปี
แม้ว่าพอร์ตผมจะไม่โต เนื่องจากต้องขาดทุนไประหว่างทางด้วย
แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมเห็นความเป็นไปได้ ถ้าจะเอาดีในทางนี้

สูตรที่ว่านั้น ก็คือสิ่งที่ผมเขียนในหนังสือเล่มเขียว กับ เล่มดำ นี่แหละ
คือเป็นแนวทางการสวิงเทรด เล่นเฉพาะหุ้นที่เป็นขาขึ้นเท่านั้น
โฟกัสที่หุ้นขาขึ้นพอแล้ว

ที่ผมชอบและเลือกแนวทางนี้ ก็บอกไปแล้วว่า ผมเคยเทรดแล้วได้ตังค์
ก็อย่างที่เคยโพสต์อวดไปนั่นแหละครับ ใครไม่เคยอ่านก็ลองจิ้มเข้าไปดูได้
- รีวิวการเก็งกำไรของผม ในปี 2560
- 5 ปีแห่งการค้นหาตัวเอง
- ที่สุดของเซียว LIVE
- ที่สุดของเซียว KOOL
- COL หุ้นเกือบเด้งของผม
- MEGA การขายหมูครั้งใหญ่ของผม

แม้ตอนนี้หุ้นเหล่านั้น ไม่ได้ทำให้ผมรวยแบบพลิกพอร์ต (เพราะระหว่างทางผมก็ขาดทุนมาตลอดเช่นกัน) แต่ก็พอจะชี้เบาะแสให้ผมรู้ว่า "มึงเหมาะกับสไตล์นี้แหละ" เพราะถ้าเคมีไม่ตรงกัน ก็คงไม่กำไร

พอผมคลิกกับแนวทางนี้ไปแล้ว
สิ่งที่ต้องทำต่อไปก็คือ "ปรับแต่งให้มันดีขึ้น"

อย่างแรกคือ ไล่อ่านหนังสือของไอดอลที่เขาประสบความสำเร็จในทางนี้
ก็ไม่ใช่ใครอื่นหรอก พี่มาร์ค, ปู่โอนีล, พี่แดน, พี่ไรอัน เหล่าโมเมนตัม มาสเตอร์ นี่แหละ

บางคนอาจจะสงสัยว่า "แกก็เอางานของเขาเหล่านี้มาขยี้ซะเละเทะขนาดนี้ ยังไม่ทะลุอีกเหรอ?"
ต้องบอกท่านตรงๆเลยว่า หนังสือเหล่านี้ มันมีเนื้อหาที่ลึกเกินหยั่งถึงจริงๆ

ไหนๆก็พาดพิงแล้ว ชื่อหนังสือมีดังนี้ (ใครที่รู้แล้วก็ขอให้ข้ามไปนะ เดี๋ยวเอียน)

- เทรดแบบเซียนหุ้น ให้ได้กำไรขั้นเทพ ของพี่มาร์ค

- คัดหุ้นชั้นยอด ด้วยระบบชั้นเยี่ยม ของปู่โอนีล

- โมเมนตัม มาสเตอร์ ของพี่มาร์ค, พี่แดน, พี่ไรอัน และพี่ริชชี่

นี่เป็นไบเบิ้ลของผมเลย
เปิดอ่านทีไร เป็นได้เรื่องมาขบคิดต่อตลอด
อ๋อ เขาเจอแบบนี้ แล้วแก้อย่างนี้ถึงจะไปต่อได้
เออ...ทำไมครั้งก่อน เราไม่สังเกตเห็น?

คืองี้.... เวลาเราอ่านหนังสือน่ะ
แม้ว่าจะเป็นประโยคเดียวกัน
แต่่ถ้าเราผ่านช่วงเวลา เรามีประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้น
คุณก็จะได้สาระที่แตกต่างออกไป

อารมณ์เหมือน เรากินลูกอมสอดไส้น่ะ
แรกๆได้รสหนึ่ง ก็คิดว่าอร่อยแล้ว
พอมันละลายไปเจอรสที่สอง ต้องร้องโอ้ว...ว้าว กันเลยทีเดียว

หนังสือที่ผมอ้างมานี้ก็เช่นกัน
ตอนแรกน่ะผมอ่านเอา method เท่านั้น จึงเปิดอ่านเอาสารแค่บางส่วน
เอาเนื้อไปแค่บางซีก

พอเราเจอแนวทางที่ใช่ แบบนี้มันเวิร์ค
แต่ปัญหาก็เกิดอีก คือว่า แค่เทคนิคอล มันไม่พอแฮะ
มันต้องมีอีกส่วนหนึ่งที่เป็น จิ๊กซอว์

ซึ่งมันก็คือ mindset
เมื่อกลับไปเปิดอ่านอีกรอบ ก็เจอ
พวกเขาเขียนไว้แล้วนี่นา แต่เราเองที่แหละที่อ่านแบบข้ามๆ ไม่ลงรายละเอียด

ที่ว่าไม่ลงรายละเอียด เพราะว่าอะไรรู้มั้ย?
เรายังไม่ได้สำนึกไงว่า สิ่งนี้มันสำคัญ
เมื่อไม่เล็งเห็นค่า สายตาก็มองข้ามไป
เป็นเรื่องปกติของมนุษย์

"เมื่อลูกศิษย์พร้อม อาจารย์ก็พร้อม" นี่คือเรื่องจริง
ถ้าเรายังไม่อยากรู้ สิ่งที่ตามหาจะไม่เจอหรอก
จนกว่าคุณจะมีโฟกัสนั่นแหละ จึงเห็นรายละเอียด

จากนี้ไป ผมก็จะมุ่งเน้น ศึกษาทั้งไอเดียของไอดอล และสภาพจิตตัวเอง
เพื่อที่จะหาจุดร่วม ในทางที่จะทำให้การเดินทางไปสู่จุดหมายนั้นราบรื่น
และทำฝันให้เป็นจริง

ก็ไม่สามารถระบุได้ว่าผมจะถึงเมื่อไหร่
แต่ถ้าไม่ตายเสียก่อน ก็ต้องลองไปให้ถึงสักครั้ง
ระหว่างทาง ผมก็จะมีผลงานออกมาให้อ่านเรื่อยๆ

เอาล่ะ...ที่โม้มานี่ ไม่ได้จะอวดตัวหรอกนะว่าเจ๋ง
เพราะก็ได้ออกตัวว่ายังไปไม่ถึงไหน

แต่ที่อยากสื่อจริงๆก็คือ
แนวทางการหาตัวเองให้เจอ ตามสไตล์ของผม
คือ...สรุปอีกทีก็แล้วกันนะ บางข้อก็ข้ามไป
๑) หาไอดอลให้ได้ก่อนครับ
คุณชอบใคร อยากเป็นเทรดเดอร์ที่สำเร็จแบบใคร อย่างผมนะ เสี่ยยักษ์, พี่มาร์ค, ปู่โอนีล, พี่แดน, พี่ไรอัน, ทวดลิเวอร์มอร์ ฯลฯ
ประโยชน์ของไอดอล คือพวกเขาจะเป็นต้นแบบในการหาหุ้น การบริหารความเสี่ยง การบริหารจิตใจ และเป็นกำลังใจให้เราว่า มีคนทำแบบนี้สูตรนี้สำเร็จไปแล้ว
พวกเขาเป็นเหมือนคนที่เดินฝ่าขวากหนามไปพบสมบัติ
แล้วกลับมาบอกเล่าว่าเจออะไรมาบ้าง เดินทางไปยังไง
เป็นเครื่องทุ่นแรง เป็นพลังใจให้เรายึดในยามท้อ

๒) หาแนวทางที่ตัวเองเทรดชนะบ่อยให้เจอ
ก็โชคดีที่ผมทำเงินได้ตามสไตล์โมเมนตัม พอดีเลย
จริงๆแล้ว ถ้าคุณชอบใครมากๆ มันจะเป็นตัวสะท้อนว่าคุณสามารถเอาดีทางนั้นได้
เพราะว่าคุณมีศรัทธาขึ้นมาในใจแล้ว
ถ้าไม่หวั่นไหว ศึกษาแนวทางไอดอลให้ดี เดี๋ยวก็เจอแนวทางกำไร

๓) ยึดแนวทางนั้น มุ่งมั่นพัฒนาให้เป็นเลิศในสไตล์นั้นให้ได้
คือคุณไม่ต้องก็อปปี้แบบ มิเนอร์วินีหมายเลข ๒ หรอกนะ แบบนั้น คุณไม่มีทางพัฒนาตัวเองได้แน่ เพราะคุณไม่มีเงาของตัวเอง
อย่าพยายามเป็นเหมือนคนอื่น แต่จงสร้างสไตล์ของตัวเองขึ้นมาให้ได้
แรกๆคุณเดินตามรอยเท้าไอดอลได้
แต่ในที่สุดคุณก็ไม่สามารถสวมรอยได้ทุกก้าวหรอก
เมื่อถึงเวลาหนึ่ง คุณก็ต้องเลือกทางเดินเองอยู่ดี ดังนั้นอย่ายึดติดว่าต้องเหมือน

๔) อันนี้สำคัญ(ในมุมมองของผมนะ) คือ อย่าเร่งรัดเรื่องเวลา
ผมว่าตลาดหุ้นมันไม่ง่ายขนาดที่คุณเข้ามาเทรดปีเดียวแล้วรวยเป็นเด้งๆได้หรอก
มันต้องใช้เวลา พี่มาร์คของผม กว่าจะรู้เดียงสาก็ใช้เวลาลองผิดลองถูกร่วม ๖ ปี
พี่แดน ก็ใช้เวลาไกล้ๆกัน กว่าจะทำกำไรในระดับโลกตะลึงได้
ดังนั้น ก็อยากให้ลองเทียบเรากับเขาดู
ขนาดเขามุ่งมั่นพยายามแบบบ้าคลั่ง ยังใช้เวลาครึ่งทศวรรษ
แล้วเราล่ะ วันๆเอาแต่ส่องเฟส ดูยูทูป
จะใช้เวลาแค่ปีเดียว มันก็หลอกตัวเองระดับฮอลีวูดแล้วล่ะพ่อคุณเอ๋ย

ความเร่งรีบทำอะไรบางอย่างจนเกินไป
มันไม่เป็นผลดีต่อคุณเลย
กลับเป็นการหยิบยืนโอกาสเอาเปรียบจากคนอื่นด้วยซ้ำไป
คอร์สนี้รวยไวนะ ปีเดียวรวยร้อยล้าน
อินดิเคอเตอร์เทพ เทรดแล้วกำไรอย่างเดียว ไม่ขาดทุน
เทคนิคเดาใจเจ้ามือ ซื้อเมื่อไหร ขายเมื่อไหร รู้ลึกแม้กระทั่งชื่อเมียน้อย
ฯลฯ
สารพัดแคมเปญล่อลวง ตกทอง ชวนคุณให้เสียเงิน

ดังนั้น ใจร่มๆครับ
จำคำพี่มาร์คไว้
"การลงทุนที่ดีที่สุดอันดับแรกคือลงทุนกับตัวเอง
เป็นความมุ่งมั่นที่จะทำ และทนสู้ต่อ
ความเพียรพยายามสำคัญกว่าความรู้
ถ้าอยากประสบความสำเร็จในสิ่งใดๆ คุณต้องบากบั่น
ความรู้ความเชี่ยวชาญได้มาจากการศึกษาและฝึกฝน"

"ขณะที่คุณผจญกับการลองผิดลองถูก
และความยากลำบากแสนสาหัสในช่วงการเรียนรู้
ขอให้ระลึกไว้ว่า
เมื่อสั่งสมประสบการณ์ได้แล้ว
ทักษะการเทรดหุ้นอันช่ำชองนี้จะติดอยู่กับตัวคุณตลอดไป
มันจะให้ผลไปยาวนานหลายปี
มันจะเป็นเครื่องมือยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับความสำเร็จในชีวิตและในการเทรดหุ้น"

- ขอพลังจงอยู่กับท่านผู้มั่งมั่น -
-จบ-

ช่วงนี้ไม่เกี่ยวแล้วนะ ขอแปะลิงค์นิดหน่อย
(อย่าได้คลิกเข้าไปดูเด็ดขาด)
หนังสือหุ้นที่ปล่อยของไม่มีกั๊ก
หนังสือกราฟแท่งเทียน
- คำสารภาพจากผู้เขียนหนังสือหุ้นเทคนิคอล (หนังสือ Technical Analysis)
ซื้อหนังสือหุ้น 2018
หนังสือหุ้นที่ดีที่สุด
แนะนำหนังสือหุ้น 2561

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

VCP (Volatility Contraction Pattern) และรูปแบบที่คล้ายกัน

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ

จิตวิทยา การวิเคราะห์และใช้งาน แท่งเทียน Doji

5 Holy Grail ที่ใช้ได้ผลจริง ในการเทรด

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo