เหตุใดเราจึงควรใส่ใจเกี่ยวกับแง่มุมทางจิตของการเทรด?

Image
เหตุใดเราจึงควรใส่ใจเกี่ยวกับแง่มุมทางจิตของการเทรด?  Dr. Van K. Tharp พูดเสมอว่า “นักเทรดไม่เทรดตามที่ตลาดเป็นหรอก  แต่พวกเขาเทรดตามความเชื่อของพวกเขา”   เรื่องนี้ผมเห็นด้วยอย่างสมบูรณ์   ความเชื่อของผมมีดังนี้:  1) นักเทรดที่ประสบความสำเร็จมีกลไกการซื้อ/ขายที่สมเหตุสมผลและช่วยให้เขาลงมือตามสัญญาณได้ทันที   2) นักเทรดที่ประสบความสำเร็จมีแนวทางที่สมเหตุสมผลในการกำหนด Position Size ของเขาอย่างเป็นระบบ ซึ่งช่วยลดความน่าจะเป็นที่จะถูกทำลาย   3) นักเทรดที่ประสบความสำเร็จมีกลยุทธ์ที่ช่วยลด Drawdown ของ Equity Curve เพื่อทำให้เขาเครียดน้อยลง   4) ตลาดจะเปลี่ยนแปลงเสมอ มันจะขึ้น, ลง, และไซด์เวย์ 5) การลอกกลยุทธ์คนอื่นมาใช้ทั้งดุ้น มักจะไม่เวิร์ค  การสร้างกลยุทธ์หรือพัฒนากลยุทธ์ที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณคือแนวทางที่มีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่า 6) ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบในการเทรด   7) ตลาดจะทำในสิ่งที่มันอยากจะทำ - Tom Basso จากหนังสือ The All-Weather Trader

เมื่อ SET ยืนยันการกลับตัว ควรทำไงต่อ?


ปิดตลาดวันศุกรที่ผ่านมา SET บวกขึ้นมาได้อย่างสวยงามด้วยแท่งเทียนเขียว breakout ฐานราคาขนาดเล็ก ขึ้นมาได้ด้วยวอลุ่มกลางๆ แม้จะไม่คอนเฟิร์มตามทฤษฎี แต่ผมก็คิดว่ามันทำตัวน่าสนใจ



(ก่อนเข้าเรื่อง)
-----------(ขอฝากโฆษณาหนังสือของผู้เขียนสักนิดนะครับ)----------
------- (เผื่อมีสมาชิกใหม่ยังไม่ทราบ) -------


เล่มดำ (หุ้นขาขึ้นรอบใหญ่)เป็นเหมือนภาคทฤษฎี พูดในองค์รวม กราฟวีค
เล่มเขียว(หุ้นซิ่ง สวิงเทรด) เป็นงานภาคปฏิบัติ เจาะลึกขึ้น เคสมากขึ้น กราฟรายวันครับ


ซื้อหนังสือเล่มกระดาษ
ติดต่อเพจ facebook.com/zyobooks เท่านั้นครับ


Ebook มีขายที่เว็บ mebmarket.com เท่านั้นครับ
รายละเอียด คลิกที่ชื่อหนังสือเลยครับ
หุ้นขาขึ้นรอบใหญ่

------(ขอบคุณครับ)-----


ก่อนหน้านี้ มีคนเคยถามผมเรื่อง follow through ผมมักจะปฏิเสธไม่ลงความเห็น เพราะว่ามันยากเกินไป เล่นนับวันอะไรไม่รู้ วุ่นวาย ผมว่าใช้สูตรนี้น่าจะ make sense กว่า นั่นคือดูการย่ำฐานด้านล่าง ไม่ทำนิวโลว์ได้อีก จากนั้นถ้าเห็นว่าแท่งเทียนดีดขึ้น breakout กรอบของฐานราคานั้นได้ ก็ถือว่ามันส่งสัญญาณอยากกลับขึ้นไปอย่างชัดเจนแล้ว

ถ้ามันขึ้นได้จริง ต่อไปบรรยากาศการเทรดหุ้นก็จะกลับมาคึกคักอีกครั้ง
เปรียบเสมอนฤดูกาลเข้าสู่หน้าฝน หลังจากที่แห้งแล้งมานาน ใบไม้ใบหญ้าก็ผลิออกใบเขียวชื่นตา หมู่สัตว์น้อยใหญ่ ก็ได้เวลาออกมาหากินร่าเริง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ต่างพากันจำศีล เพื่อรักษาตัวให้รอดพ้นจากความยากลำบาก

ตลาดหุ้นก็เป็นเหมือนธรรมชาติ ไม่สิ มันก็เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาตินี่แหละ มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป แล้วก็เกิดใหม่ หรือจะเทียบเป็นฤดูกาลก็เป็น หน้าร้อน หน้าร้อนมาก เอ้ย...หน้าหนาว และหน้าฝน สัตวโลกทั้งหลายมิอาจบังคับฤดูกาลนั้นได้ นอกจากปรับตัวเพื่อให้อยู่รอด และหากินให้เหมาะสมกับฤดูกาล

ถ้าเราจะเอาประโยชน์จากการกลับตัวของ SET จะทำได้ไงบ้าง?
๑) ดูหุ้นที่แข็งกว่าตลาด
หุ้นพวกนี้มันมีแรงซื้อสนับสนุนอยู่แล้ว คอยยันราคาไม่ให้ร่วงตามดัชนี เมื่อ SET พื้นตัว กลับมาเป็นขาขึ้นได้ มันก็มีโอกาสที่จะวิ่งไปต่อแรงๆได้มากกว่าใคร
ผมได้เขียนให้อ่านเมื่อว่านแล้ว อ่านที่โพสต์ หุ้นนำตลาด 20/7/2018

๒) หุ้นตามตลาด 
ก็คือหุ้นที่วิ่งขึ้นตาม SET นั่นเอง ตอนนี้ดัชนีบวกแรง ท่านก็จะเห็นหุ้นกลุ่มหนึ่งวิ่งตามขึ้นมา
อาจเป็นหมู่ใหญ่ในอุตสาหกรรมเลย หรือไม่ก็มาเดี่ยว
พวกนี้เม็ดเงินเข้ามาแล้วครับ เข้าสู่โหมดของการเก็งกำไรแล้ว
ท่านสามารถกระโดขึ้นรถได้ ถ้าเห็นจังหวะเหมาะๆ เสี่ยงน้อย

วิธีการดูก็คือ ดู top gainer หน้างาน ถ้าทันก็ซื้อตอนนั้น
ถ้าไม่ทันก็ทำการบ้านต่อ โดยผมแนะนำให้ท่านไปดูลิสต์หุ้นที่บวกตามตลาดจากเว็บ siamchart.com

ท่านก็สามารถไล่เปิดกราฟดูหุ้นที่สร้างฐานสวยๆ เพื่อรอเข้าตอน breakout ได้ครับ
ตอนนี้แหละที่ใครเคยสงสัยประโยชน์ของฐานราคา ท่านจะได้เห็นและใช้มันเป็น

ถ้าเพิ่งตามงานผม ก็ลองอ่านแนวทางนี้ดูครับ เป็นบทความเก่า



นอกจากหุ้นที่ทำการบ้าน หรือทำ watchlist เอาไว้ ก็มีอีกแหล่งที่ผมชอบหาหุ้นที่น่าสนใจเล่น คือเมนู Top Gainer ครับ



ตรงนี้เขาจะมีชื่อหุ้นที่บวกแรงๆอันดับแรกๆของทั้งหมดมาใส่ไว้
หน้าที่เราก็คือไล่เปิดกราฟดูว่าตัวไหนน่าสน
ปล. ๑) ในที่นี้ผมไมเล่น daytrade นะครับ คือต้องการหาหุ้นเพื่อ run trend ระยะสั้นถึงกลาง แนวทางก็อาจจะไม่ตรงกันบ้าง
ปล ๒) เป็นแนวทาง follow buy หรือซื้อตอนที่ราคาแสดงออกว่าแข็งแรงพร้อมไปต่อเต็มทีแล้ว

คัดหุ้นจาก Top Gainer
- เลือกเฉพาะหุ้นที่มีสภาพคล่องเยอะๆ วอลุ่มอย่างน้อยหนึ่งล้าน เพราะสื่อว่าหุ้นตัวนั้นมีวอลุ่มเข้า มีการซื้อขายคึกคัก
- ไม่เอาหุ้นเศษสลึงที่ข้ามช่องเดียวแล้วบวกหลายสิบเปอร์เซ็นต์ และหุ้นไม่มีสภาพคล่อง ที่ใครสักคนเคาะซื้อร้อยหุ้นมันก็บวกหลายเปอร์เซ็นต์ เหล่านี้ให้มองข้ามไป เพราะถือว่าไม่มีโมเมนตัม





เมื่อเปิดกราฟดู ผมมีจุดที่จะหาข้อมูลดังนี้
๑) กราฟต้องเป็นขาขึ้น โดยอาศัยเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันเป็นตัวกรอง ถ้าราคาวิ่งเหนือเส้นนี้ก็ถือว่าผ่าน
๒) จากนั้น มองหาแนวต้าน หรือไฮเก่าว่าอยู่ระดับเท่าไร ก็จิ้มเส้นแนวระนาบพาดดักเอาไว้
- ถ้าราคาข้ามไปได้แล้ว ก็ต้องไม่วิ่งห่างมากเกินไป 2% นี่เต็มกลืนแล้วครับ เพราะจุดตัดขาดทุนผมไม่เกิน 5%
คำถามว่าทำไมไม่ 5% ไปเลย ก็เพราะมันจะมีช่วงต่อราคาในโซนนี้อยู่ไง ถ้าท่านตั้ง 5 โน่นแหละกว่าจะได้ขายคือ 6-7% ดังนั้นตั้งดักไว้ก่อนแต่เนิ่นๆ
- ถ้าราคายังไม่ข้าม ก็รอไปก่อนครับ อย่าเพิ่งรีบดัก เพราะถ้าทรงมันอ่อนแอ รีบซื้อก็เหมือนรอวันขายตัดขาดทุนครับ ถ้าเราได้เสี่ยงก็ขอให้มีโอกาสชนะ(ราคาวิ่งขึ้น)มากกว่าแพ้(ราคาร่วง)ดีกว่ามั้ย

ถ้าเป็นหุ้นเข้าใหม่ หากแท่งเทียนยังไม่เยอะ แต่เรามองดูทรงแล้วคิดว่ามีโอกาสกลับตัวสูง ก็ต้องย่อ time frame ดูเป็นรายนาที เพื่อหา pattern ที่น่าสนใจ แล้วรอการ breakout


ฐานราคาที่น่าสนใจ (เอามาจากหนังสือเล่มดำของผมเอง)
- การยืนยันขาขึ้น แบบง่ายๆเลย ข้ามไฮล่าสุดได้ก็ follow buy
- cup with handle ถ้าเจอก็ต้องเข้า เพราะชอบเป็นการส่วนตัว
- flat base ถ้ามีเขียวยาวพุ่งพรวดข้ามกรอบ sideway ก็น่าเสี่ยง
- vcp หลายๆ T ถ้าข้ามได้ก็น่าเข้าครับ แต่ต้องเผื่อใจเพราะมันอาจจะสร้างอีก T ก็ได้
- flag ทรงนี้เร็วมาก ต้องทำการบ้านมาก่อน ไม่งั้นราคาห่างจากจุด breakout เกินความเสี่่ยง
- triangle ต้องทำการบ้าน และเฝ้าจริงๆ เพราะถ้าได้วิ่งแล้วเร็วมาก

Stop loss
- ถ้าซื้อแล้วราคาไม่ไปตามใจหวัง กลับร่วงสวนให้ขาดทุน ราคาหลุดระดับที่ breakout ผมขายหนีก่อน
- ซื้อแล้วนิ่ง ทำตัวซึมๆ ถ้าเจอตัวที่แสดงออกว่าทรงพลังมากกว่า ก็ต้องเปลี่ยนตัวครับ ทำไงได้ เราต้องการกำไร มากกว่ายืนยันว่าตัวเองคิดถูก

การทนรวย
คือผมไม่รู้หรอกว่าราคาจะไปถึงไหน เพราะไม่ได้จริงจังกับการ projection สักเท่าไหร่ แต่ด้วยเป้าหมายคือ "กำไร" ดังนั้น ผมจะใช้เส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้น 5-10 วันเป็นกรอบแนวรับ รวมถึงยก trailing stop ตามไปเรื่อยๆ เพื่อล็อกกำไร อย่างน้อยเมื่อราคากลับตัว จะได้กำไรติดมือ
(แนวทางเหล่านี้ ผมเขียนไว้ในหนังสือเล่มเขียวครับ ลองเปิดอ่านดูได้นะ)

ปล. กราฟที่ยกมาเป็นเคสทั้งหมด เป็นภาพในอดีต เพื่อเป็นกรณีศึกษาเท่านั้น ไม่มีเจตนาเชียร์แต่อย่างใด โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านและตีความซ้ำครับ











มาดูประเภทหุ้นกันต่อที่เหลือ
๓) หุ้นสวนตลาด
ประเภทนี้ ส่วนใหญ่มักจะเป็นหุ้นขาลง ที่เม็ดเงินยังไม่เข้า จึงไม่มีคนเข้ามาซื้อ ทำให้คนที่ติดดอยอยู่ที่ภาวนาให้ราคาดีดขึ้นตามตลาดบ้างนักนิดก็ยังดี เกิดความแค้น ไม่พอใจ มึงไม่ซื้อใช่มั้ย งั้นกูขาย ก็เป็นการแสดงออกของเม่าบางกลุ่มที่ฟาดงวงฟาดงาผิดเวลาไป
ก็ไม่ต้องสนใจหุ้นประเภทนี้

อีกประเภทที่น่าสนใจ คือ
๔) หุ้นที่งบออกมาดีให้ตลาดประหลาดใจ
ประเภทที่ เทียบไตรมาสต่อไตรมาสแล้วโตสองหลักขึ้นไปน่ะ เพราะสองเดือนก่อนหน้านี้ ไม่ว่าหุ้นจะดีเลว มันโดนขายให้ร่วงกันหมด
ท่านก็กลับไปคัดหุ้นผลการทำกำไรดี ที่โดนเทแบบไม่สมควร เอาไปเก็บไว้ในลิสต์
ดักรอดูตอนที่ราคาฟื้นตัวข้ามฐานราคาได้ ก็ตามซื้อได้ครับ
ผมมั่นใจว่าบางสั่วนพองบออกมาดี เดี๋ยวก็ต้องมีการเปิด gap ขึ้นอีก ในรูปแบบของ earning gap
(ผมเขียนเรื่องนี้ในหนังสือเล่มเขียว ครับ ลองกลับไปหยิบมาอ่านดู)


เตือนด้วยรักจากใจเม่าด้วยกัน
แต่กระนั้น...ผมต้องบอกท่านให้รู้สักนิด
ว่าตลาดหุ้นไม่มีอะไรแน่นอน หุ้นที่เป็นขาขึ้น เป็นหุ้น growth จู่ๆก็โดนเทให้ฟลอร์แบบคนงงทั้งตลาดได้ คุณก็ต้องให้ความสำคัญกับความเสี่ยงเป็นอันดับหนึ่งเสมอ

ให้ท่านคิดถึงความเสี่ยง ให้ความเสี่ยงมาก่อนโอกาส
ดังนั้น...
๑) อย่าเชื่อผมเป็นอันขาด เพราะผมก็เม่า
๒) มีแผนรองรับไว้เสมอ โดยเฉพาะจุดตัดขาดทุน
เพราะตลาดหุ้นมันเสี่ยงมาก

ดังนั้น คุณต้องมองที่ความเสี่ยงก่อนเสมอ โดยให้คิดแบบนี้
๑) ให้ท่านโฟกัสไปยังสิ่งที่ท่านควบคุมได้ ดังนี้
- ซื้ออะไร?
ท่านต้องรู้จักสิ่งที่ท่านกำลังจะเข้าไปเล่น มันทำมาหากินอะไร? โอกาส? ความเสี่ยง?

- ซื้อเมื่อไหร่? 
วางแผนก่อน ซื้อเมื่อคิดว่าท่านมีความได้เปรียบสูง เช่น breakout หรือ pullback ตามที่ท่านถนัดและเคยใช้ซ้ำได้หลายครั้งก่อนหน้านี้ การรู้จุดซื้อที่เราได้เปรียบ ถือเป็นการบริหารความเสี่ยงที่ดี

- ซื้อเท่าไหร่?
กำหนดวงเงินเข้าซื้อให้ชัดก่อน อย่า all-in เอาเท่าที่พอมันขาดทุนแล้วไม่เสียหายต่อพอร์ตโดยรวมเยอะ ส่วนใหญ่แล้ว แบบง่ายๆคือ แบ่งซื้อตัวละไม่เกิน 20% ของพอร์ตเท่านั้นพอ
เม่าหมดตัวส่วนใหญ่ มักจะไม่เคยคิดถึงเรื่องนนี้ เพราะมองแต่กำไร แต่ไม่เคยสนใจความเสี่ยง คิดว่าตลาดต้องเข้าข้างเขา แต่ความจริงแล้ว ตลาดไม่รู้หรอกว่าคุณคือใคร ถ้าคุณมั่ว หรือหละหลวมเมื่อไหร่ ก็ต้องโดนตลาดลงโทษอย่างสาหัส ดังนั้น "ท่านต้องรู้รักษาตัวรอด" ไว้ก่อนเป็นดีครับ กำไรน่ะมันไม่ทำร้ายคุณหรอก แต่มันหายากหน่อยแค่นั้นเอง ให้ระวังการขาดทุนเอาไว้ เพราะมันเป็นบ่อนทำลายพอร์ตของคุณ ถ้าไม่มีเงินเหลือคุณก็ไม่สามารถเทรดทำเงินได้อีกแล้วนะ
ดังนั้น การแบ่งเงินให้ถูกต้อง ไม่ซื้อเยอะเกินไป ถือเป็นการบริหารความเสี่ยงที่ดี

- ขายเมื่อไหร่? 
แม้ท่านอาจจะไม่รู้เป้าหมายในการทำกำไรว่าเท่าไหร่ แต่ท่านต้องรู้ว่าถ้าราคาวิ่งสวนให้ขาดทุน ต้องขายที่ระดับราคาเท่าไหร่ถึงจะไม่ทำให้พอร์ตท่านเสียหายครับ ทั่วๆไปคือเขาจะตัดขาดทุนไม่เกิน 10% ท่านก็วางแผนร่างให้ตัวเองเห็นชัด ถ้าหลุดระดับนี้ มึงต้องขาย
การขายตัดขาดทุน ไม่ใช่วิถีของคนแพ้นะครับ เราแค่รู้ตัวเองว่า จังหวะมันพลาดไปหน่อย การเคลื่อนไหวของราคาทำให้ฉันไม่แน่ใจ ขอขายเก็บสิ่งสำคัญเอาไว้ก่อน

"ของรัก" ของกอลลั่มคือแหวน 
แต่ "ของรัก" สิ่งล้ำค่าที่สุดของเทรดเดอร์ คือ "เงินทุน" นะครับ ไม่ใช่ "อีโก้"
อย่ากลัวที่จะต้องเป็นคนผิด จงมุ่งเน้นไปที่การรักษาเงินต้นเอาไว้ให้เหลือมากที่สุดเมื่อคิดผิด

อย่าไปเสียเวลากับสิ่งที่ท่านควบคุมไม่ได้
อีกอย่าง ตลาดหุ้นไม่มีความยุติธรรมหรอกครับ
อย่าไปเรียกร้อง บ่น ก่นด่า ต่อว่าตลาด ตลาดลักทรัพย์  หรือรายใหญ่
มันคือสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้ครับ มีแต่คนวิกลจริตเท่านั้นแหละที่เดินไปชนกำแพง
แล้วยืนด่ากำแพงอย่างเอาเป็นเอาตาย
คนฉลาดเขาด่าตัวเองก่อนที่เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ จากนั้นก็พยายามหาทางออกให้ได้

สิ่งที่คุณควบคุมไม่ได้แน่ๆคือ
๑) การเคลื่อนไหวของราคา (อะไรก็เกิดขึ้นได้ในตลาด สิ่งที่คาดไว้อาจจะไม่ใช่ก็ได้)
๒) ผลของการเทรด (เป้าที่ตั้งไว้ อาจจะไม่เป็นดังหวัง ต้องยอมรับมัน และเอาใหม่)
อย่าไปซีเรียสกับพวกนี้ให้มาก ถ้าคุณกล้าก้มหน้าก้มตายอมรับมันได้ ก็จะมีความสุข

จงรักความไม่น่ารักของตลาดหุ้น รักความไม่ยุติธรรม
เพราะความไม่ยุติธรรมนี่แหละที่มันทำให้เกิดส่วนต่างของกำไร

บทความอ่านเพิ่มเติม
๑) วอลุ่มและการยืนยันขาขึ้น
http://zyo71.blogspot.com/2017/02/volume-up-trend-confirmation.html

- ขอให้ท่านได้กำไรจากการเทรดอย่างยั่งยืน -

-----------------------------------------
-------------------------
(โฆษณา)
หนังสือผลงานของผู้เขียนเองครับ
มีสองเล่ม พี่น้อง ดำ - เขียว


"หุ้นขาขึ้นรอบใหญ่" (เล่มดำ) แนะแนวทางการเทรดหุ้นแนวโน้มขาขึ้น ด้วย กราฟวีค ก็จะเน้นการดูแนวโน้มขาขึ้นด้วย price pattern จากนั้นก็รันเทรนด์ด้วยเส้นค่าเฉลี่ย จบลงที่การขายด้วย price pattern เรียกว่าครบวงจรตั้งแต่ซื้อยันขายเลยครับ อ่านเล่มเดียวจบ

ส่วน "หุ้นซิ่ง สวิงเทรด" (เล่มเขียว) แนะแนวทางการเทรดหุ้นแนวโน้มขาขึ้นด้วยกราฟรายวัน เล่มนี้จะเน้นการดูแท่งเทียน เอามาใช้ในการหาสัญญาณต้นเทรนด์ของขาขึ้น ซื้อหุ้นแบบ buying strength, buy weakness รันเทรนด์ด้วยเส้นค่าเฉลี่ย 10,20,50, 100, 200 วัน ขายหุ้นออกด้วย selling into strength, selling weakness ครบวงจรเช่นกัน


สนใจติดต่อสั่งซื้อหนังสือหุ้นทั้งสองเล่ม
ส่งข้อความไปที่เพจ Zyo Books : facebook.com/zyoboooks


ขอบคุณทุกท่านที่ให้การสนับสนุนผลงานของเซียว จับอิดนึ้ง ครับ

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

ดูยังไงว่าเป็น Cup with Handle pattern?

เพื่อที่จะประสบความสำเร็จในการเทรดหุ้น คุณไม่ต้องรอบรู้ไม่ต้องเก่งทุกเรื่องและทุกอย่างหรอก ทำแค่ 7 เรื่องนี้ให้ได้ก็พอ....

อธิบาย Wyckoff Accumulation Phase แบบละเอียดยิบ

ศาสตร์และศิลปะของการปั้นพอร์ต ให้เติบโตสม่ำเสมอ Art & Science of Trading