อีกแนวทางหา Relative Strength

Image
Alternate to Relative Strength Analysis — ฉบับแปลและเล่าเรื่องเข้าใจง่ายสำหรับนักเทรด แปลจาก  https://x.com/TannersTrades/status/1989117914021253218 เวลาที่กลุ่มหุ้นเติบโตหรือหุ้นธีมที่ผมเทรดอยู่เริ่มย่อตัว ผมมักถอยออกมาหนึ่งก้าว แล้วกลับมาโฟกัสกับการวิเคราะห์เชิงเปรียบเทียบ เพื่อมองหาว่ากระแสโมเมนตัมรอบถัดไปอาจเกิดขึ้นตรงไหน ในช่วงที่ตลาดยังไม่นิ่งและทุกอย่างดูคลุมเครือ แนวทางนี้ประกอบด้วยตัวชี้วัด 3 ส่วนสำคัญ: 1. ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีจนถึงจุดสูงสุด (YTD Return to Highs) 2. เปอร์เซ็นต์การปรับตัวลงจากจุดสูงสุด (% Off Highs) 3. คะแนน Risk Adjusted Leadership Performance Heuristic หรือ RALPH เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น ผมได้จัดทำภาพประกอบแสดงขั้นตอนทั้งหมดของการวิเคราะห์นี้ --- 1) เริ่มจากการดู % ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีจนถึงจุดสูงสุด ข้อมูลชุดแรกช่วยให้เห็นว่าแต่ละตัวทำผลงานได้ดีแค่ไหนในช่วงปีที่ผ่านมา 2) จากนั้นดู % การย่อตัวจากจุดสูงสุด ทันทีที่ดูข้อมูลนี้ เราจะเห็น “การจัดลำดับใหม่” ของหุ้นแต่ละตัว ผมมักมองหาหุ้นที่ วิ่งแรงมาก แต่ย่อตัวกลับมาเพียงเล็กน้อย — หุ้นแบบนี้สะท้อนความแข็งแกร่งที่...

แนวทางคัดกรองหุ้นจาก 100 ตัว ให้ได้ตัวที่ดีที่สุด 1-3 ตัว

 


ภาพนี้แสดงให้เห็นกระบวนการคัดเลือกหุ้นที่เหมาะสมสำหรับการเทรด โดยแบ่งเป็นลำดับขั้นตอนจากจำนวนหุ้นที่เยอะมากไปจนถึงการเลือกหุ้นเพียงไม่กี่ตัวเพื่อเข้าเทรดจริง กระบวนการนี้เปรียบเสมือนกรวยที่ช่วยกรองหุ้นจากหลายร้อยตัวให้เหลือแค่ไม่กี่ตัวที่มีโอกาสทำกำไรสูงสุด

1. ขั้นแรก: คัดกรองหุ้น (100 ตัว)
ที่ด้านบนของกรวย เราเริ่มต้นด้วยการพิจารณาหุ้นจำนวนมาก (ประมาณ 100 ตัว) โดยพิจารณาปัจจัยสำคัญต่างๆ เช่น:
- Momentum: หุ้นที่มีแนวโน้มการเคลื่อนไหวอย่างแข็งแกร่ง
- Volatility: หุ้นที่มีความผันผวนพอเหมาะที่ทำให้มีโอกาสทำกำไร
- Liquidity: หุ้นที่มีสภาพคล่องสูง สามารถซื้อขายได้โดยไม่ทำให้ราคาขยับมาก
- Linearity: หุ้นที่มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในทิศทางที่ต่อเนื่องและไม่สะเปะสะปะ
- Trend: หุ้นที่มีแนวโน้มขาขึ้นชัดเจน
- Fundamentals: พื้นฐานของบริษัท เช่น รายได้และกำไรที่เติบโต
- News: ข่าวที่ส่งผลต่อราคาหุ้น เช่น ข่าวการประกาศผลประกอบการ

เป้าหมายของขั้นตอนนี้คือการเลือกหุ้นที่มีความต้องการสูงและมีเหตุผลที่จะเคลื่อนไหวในทิศทางที่ดีต่อเนื่อง

e-book : วินัย:ผลพลอยได้ของ Edge... ในรูปแบบ ebook

ขั้นที่สอง: การตั้งค่าและบริบท (20 ตัว)
ในขั้นตอนนี้ เราคัดกรองหุ้นให้เหลือประมาณ 20 ตัว โดยพิจารณาการตั้งค่าทางเทคนิคและบริบทของตลาด เช่น:
- ADXpress และ ADXcellence: การวิเคราะห์ความแข็งแกร่งของแนวโน้มด้วยตัวชี้วัดทางเทคนิค ADX (Average Directional Index)
- Market Situational Awareness: การทำความเข้าใจสถานการณ์ของตลาดในขณะนั้น เช่น แนวโน้มตลาดโดยรวม หรือสภาพแวดล้อมที่อาจส่งผลต่อการเทรด

นักเทรดต้องมีความตระหนักรู้ในสถานการณ์ของตลาดเพื่อปรับการเทรดให้เหมาะสม และเลือกหุ้นที่มีการตั้งค่าทางเทคนิคที่เอื้อต่อการเทรด

---

ขั้นที่สาม: การขยายตัวของราคาและปริมาณ (5 ตัว)
ในขั้นตอนนี้ เราจะคัดเลือกหุ้นให้เหลือประมาณ 5 ตัว โดยดูจากการขยายตัวของราคาและปริมาณการซื้อขาย (Price/Volume Breakout) ซึ่งหมายถึง:
- Price/Volume Expansion: หุ้นที่มีการเพิ่มขึ้นของราคาและปริมาณการซื้อขายจากบริเวณที่มีการเคลื่อนไหวแบบแคบ (contraction area)
- การขยายตัวนี้เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าหุ้นอาจกำลังเริ่มแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง

---

ขั้นสุดท้าย: การเข้าเทรด (1-3 ตัว)
สุดท้าย เราจะเลือกหุ้นเพียง 1-3 ตัวสำหรับการเข้าเทรดจริง ขั้นตอนนี้เน้นการคัดหุ้นที่มีโอกาสทำกำไรสูงสุดและสามารถจัดการความเสี่ยงได้ดี การเลือกหุ้นจำนวนน้อยช่วยให้นักเทรดสามารถโฟกัสกับการจัดการการเทรดและติดตามการเคลื่อนไหวของหุ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ


สรุปความสำคัญของกระบวนการนี้
- กระบวนการนี้ช่วยให้นักเทรดสามารถคัดเลือกหุ้นที่มีศักยภาพสูงสุดจากจำนวนมาก โดยใช้ปัจจัยพื้นฐานและเทคนิคเพื่อให้แน่ใจว่าหุ้นที่เลือกมีโอกาสทำกำไรในระยะสั้นและระยะยาว
- การลดจำนวนหุ้นจาก 100 ตัวเหลือเพียง 1-3 ตัวช่วยลดความซับซ้อนและความเสี่ยงในการบริหารพอร์ตโฟลิโอ
- การรอจังหวะที่เหมาะสมและการเทรดอย่างมีวินัยเป็นกุญแจสำคัญในการประสบความสำเร็จในการเทรด


7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

$BMNR ทำธุรกิจอะไร? จุดแข็ง/จุดอ่อน และตัวเร่ง

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

กราฟหุ้น GFPT ล่าสุด

ทฤษฏีวัฏจักรตลาดหุ้น (Market Cycle)

VCP (Volatility Contraction Pattern) และรูปแบบที่คล้ายกัน

ทำไม จิตวิทยานักเทรด ถึงโคตรจะสำคัญ