หุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมโฟโตนิกส์ของ AI

ลองนึกภาพว่าอุตสาหกรรมโฟโตนิกส์คือ “เส้นเลือดใหญ่” ของยุคข้อมูลความเร็วแสง ทุกครั้งที่ข้อมูลถูกส่งผ่านเคเบิลใยแก้ว ทุกครั้งที่ศูนย์ข้อมูลต้องประมวลผลมหาศาล หรือแม้แต่ตอนที่อุปกรณ์ AI ต้องเชื่อมต่อกัน—เบื้องหลังทั้งหมดคือเทคโนโลยีแสงที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนโลกดิจิทัลแบบเงียบๆ --- 1) อุปกรณ์ออปติคอลและทรานซีฟเวอร์ เหมือนเป็น “ท่อส่งสัญญาณความเร็วแสง” ที่ช่วยให้ข้อมูลไหลแบบไม่ติดขัด บริษัทในกลุ่มนี้ผลิตส่วนประกอบสำคัญ เช่น เลเซอร์ ฟิลเตอร์ และทรานซีฟเวอร์ที่ทำหน้าที่แปลงสัญญาณไฟฟ้าเป็นสัญญาณแสง (และกลับกัน) เพื่อส่งข้อมูลระหว่างศูนย์ข้อมูลหรือเครือข่ายความเร็วสูง Lumentum (LITE) ผู้เชี่ยวชาญด้านเลเซอร์ความแม่นยำสูง Coherent (COHR) ผู้เล่นรายใหญ่ในอุปกรณ์แสง ตั้งแต่สื่อสารจนถึงอุตสาหกรรม Applied Optoelectronics (AAOI) โดดเด่นในทรานซีฟเวอร์สำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ ทำไมนักเทรดควรสนใจ? เพราะทุกครั้งที่ความต้องการ AI เพิ่มขึ้น ความต้องการส่งข้อมูลก็เพิ่มตาม และกลุ่มนี้คือหัวใจของการขยาย bandwidth แบบก้าวกระโดด --- 2) ซิลิคอนโฟโตนิกส์และ Co-Packaged Optics นี่คือเทคโนโลยีที่หลายคนมองว่าเป็น “อนาคตของ...

ผมไม่ได้ต่อต้านการถือหุ้นระยะยาว ผมต่อต้านการถือ "ขาดทุน" ไว้กับตัวจนทำลายพอร์ตให้พัง

(แนะนำ อีบุ๊กใหม่ + ลดราคา 20%) 15-17 พย. นี้เท่านั้น
Risk Management: การบริหารจัดการความเสี่ยงเบื้องต้นสำหรับนักเทรด

https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTk5MjQzNSI7czo3OiJib29rX2lkIjtpOjMzMjM0MDt9


พี่มาร์ค มินเนอร์วินี กล่าวว่า "บางคนคิดว่าผมเป็นนักเทรดระยะสั้น และเพราะเหตุนี้เลยคิดว่าผมต่อต้านการถือหุ้นระยะยาว แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่เลย ผมไม่ได้ต่อต้านการถือหุ้นระยะยาว ผมต่อต้านการถือ "ขาดทุน" ไว้กับตัว(จนทำลายพอร์ตให้เสียหายมากเกินไปแก้ตัว)"

.

- สิ่งที่พี่มาร์ค ต้องการจะสื่อคือไม่สำคัญว่าคุณจะถือหุ้นระยะสั้นหรือระยะยาว สิ่งสำคัญคือคุณต้องไม่ยอมถือ "ความผิดพลาด" หรือ "การขาดทุน" ไว้ต่อไปจนทำลายพอร์ต

- การถือหุ้นนานไม่ได้แย่ แต่การถือหุ้นขาดทุนไว้นานนั้นแย่แน่  

  หากคุณถือหุ้นที่กำลังขาดทุนและไม่มีสัญญาณว่าจะกลับตัวดีขึ้น การยอมขายตัดขาดทุน (cut loss) อาจจะดีกว่า

---

พี่มาร์ค ยังพูดว่า "ผมเคยซื้อหุ้นที่ราคาลดลงจนเกือบศูนย์ และขายหุ้นที่ราคาพุ่งขึ้นจนเหมือนจะไปถึงขีดสุด แต่ผมไม่เคย "ยึดติด" กับหุ้นใด ๆ จนปล่อยให้มันกลายเป็นศูนย์"

หมายความว่า

- อย่าเสี่ยงจนเกินไป:    ไม่ควรรอจนหุ้นตัวใดตัวหนึ่ง "พังทลาย" ไปหมด หรือรอให้ราคาพุ่งสุดฟ้าแล้วค่อยตัดสินใจขาย เพราะตลาดไม่มีอะไรแน่นอน

- ขายให้ทันเวลา:    ถ้าราคาหุ้นเริ่มแสดงสัญญาณอันตราย คุณต้องมีวินัยในการตัดสินใจขาย ไม่ว่ามันจะกำลังขาดทุนหรือกำไรอยู่ก็ตาม


---

นอกจากนั้น พี่มาร์ค ได้ทิ้งท้ายว่า

"สิ่งที่สำคัญที่สุดคือสิ่งที่คุณ "ยอมให้เกิดขึ้น" ระหว่างทางที่คุณถือหุ้น ไม่ใช่แค่จุดเริ่มต้นหรือจุดจบ"

หมายความว่า

- การจัดการระหว่างทางคือหัวใจสำคัญของการเทรด:  

  การเทรดที่ประสบความสำเร็จไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าคุณซื้อหรือขายหุ้นที่จุดใด แต่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจและจัดการพอร์ตในระหว่างที่คุณถือหุ้น

- บริหารความเสี่ยง:  

  รักษาเงินทุนของคุณโดยอย่าปล่อยให้การขาดทุนลุกลาม และอย่าคิดว่าหุ้นที่กำไรจะพุ่งขึ้นเรื่อย ๆ โดยไม่มีจุดหยุด

.

.

สรุปข้อคิดที่ได้จากคำพูดของพี่มาร์ค คือ

1. อย่าถือขาดทุนไว้กับตัวนานเกินไป:  

   ความล้มเหลวของนักเทรดหลายคนมาจากการไม่ยอมขายตัดขาดทุน ควรตั้งจุดตัดขาดทุนที่ชัดเจนและทำตามอย่างเคร่งครัด

2. บริหารกำไรและขาดทุนอย่างสมดุล:  

   อย่าหวังว่าจะขายได้ที่จุดสูงสุดเสมอ และอย่ารอจนหุ้นราคาตกต่ำสุดก่อนจะยอมขาย

3. ความสำคัญของ "ระหว่างทาง":  

   การเทรดที่ดีไม่ใช่แค่การตัดสินใจซื้อ-ขาย แต่คือการบริหารจัดการระหว่างที่คุณยังถือหุ้นในพอร์ต

4. มีวินัยและความยืดหยุ่น:  

   การยอมรับความผิดพลาดและปรับกลยุทธ์ตามสถานการณ์คือกุญแจสำคัญ

---

แรงบันดาลใจจากคำพูดของพี่มาร์ค

คุณไม่จำเป็นต้องเป็นนักเทรดที่สมบูรณ์แบบ สิ่งสำคัญคือการเรียนรู้ที่จะบริหารความเสี่ยงและพัฒนาแนวทางของตัวเองอย่างต่อเนื่อง เพราะความสำเร็จในการเทรดไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าคุณซื้อหรือขายเมื่อไหร่ แต่ขึ้นอยู่กับ "สิ่งที่คุณอนุญาตให้เกิดขึ้นระหว่างนั้น"

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

$BMNR ทำธุรกิจอะไร? จุดแข็ง/จุดอ่อน และตัวเร่ง

กราฟหุ้น GFPT ล่าสุด

แนะวิธีดูกราฟหุ้นเบื้องต้น

ทฤษฏีวัฏจักรตลาดหุ้น (Market Cycle)

VCP (Volatility Contraction Pattern) และรูปแบบที่คล้ายกัน