แนวทางค้นหา “หุ้น IPO เพชรในตม” ในตลาดหุ้นอเมริกา

Image
คุณกำลังมองหา “หุ้น IPO เพชรในตม” อยู่หรือเปล่า? นี่คือวิธีหาพวกมัน แปลจาก https://www.investors.com/news/finding-profitable-ipo-stocks-and-how-to-handle-them/ การล่าหาหุ้น IPO ที่เป็น “เพชรในตม” คุ้มค่ากับความพยายามอย่างมาก “คุณเคยถามฉันว่าทำไมต้องศึกษาหุ้น IPO” ดอนเนลลี (Kathy Donnelly) กล่าวในพอดแคสต์ Investing with IBD ของ Investor’s Business Daily “พอเราเจอคำตอบ เราก็รู้เลยว่า การตามหา ‘เพชรในตม’ นั้นคุ้มค่าที่จะทำ” ดอนเนลลีเริ่มต้นด้วยการรวบรวมหุ้นเด่น ๆ แล้วบันทึกไว้ในสมุดชาร์ต จากนั้นจัดเรียงตามสัญญาณซื้อหรือขาย โดยดูทั้งกราฟรายวันและรายสัปดาห์ --- จุดยาก: จะ “จับไว้” หรือ “ปล่อยไป” หลัง IPO ความท้าทายสำคัญคือการตัดสินใจว่า จะถือหุ้นต่อหรือขายทำกำไรหลัง IPO เธอยกตัวอย่าง 2 หุ้น “เพชรในตม” ให้ศึกษา เมื่อไหร่ควรขายทำกำไร ดอนเนลลีมองสัญญาณและรูปแบบกราฟ โดยให้ความสำคัญกับกราฟรายสัปดาห์ เพราะกราฟรายวันบางครั้งทำให้นักลงทุนตื่นตกใจและขายเร็วเกินไป ตัวอย่างเช่น CoreWeave (CRWV) หลัง IPO เดือนมีนาคมปีนี้ ดอนเนลลีเริ่มทยอยขายทำกำไรเมื่อราคาปิดของหุ้นขึ้นถึง 50% จากราคาวันเปิด IPO เมื่อว...

ทำไมทั้ง ๆ ที่ "การเทรดเป็นระบบ" เป็นเรื่องที่ดีต่อ "ความสำเร็จในการเทรด" แต่นักเทรด 90% ทำตามไม่ได้

"ระบบเทรดและการเทรดตามระบบ เบื้องต้นสำหรับมือใหม่" : Ebook ลดราคา 20% ครับ ที่แอพ MEB https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTk5MjQzNSI7czo3OiJib29rX2lkIjtpOjMzNDk4Njt9


การเทรดเป็นระบบ (Systematic Trading) เป็นพื้นฐานสำคัญของความสำเร็จในการเทรด เนื่องจากมันช่วยลดความไม่แน่นอนและอารมณ์ที่มักส่งผลเสียต่อการตัดสินใจ แต่ในความเป็นจริง นักเทรดจำนวนมากไม่สามารถทำตามระบบได้ หรือบางคนไม่มีระบบเลย สาเหตุของปัญหานี้และเหตุผลที่การเทรดเป็นระบบสำคัญ สามารถอธิบายได้ดังนี้:



ทำไมการเทรดเป็นระบบจึงดีต่อความสำเร็จ

1. ลดอารมณ์ในการตัดสินใจ  

   ระบบเทรดที่ดีจะมีกฎชัดเจนเกี่ยวกับการเข้า-ออกออเดอร์ การจัดการความเสี่ยง และการทำกำไร สิ่งนี้ช่วยลดความโลภและความกลัว ซึ่งเป็นอารมณ์ที่ทำลายการเทรด


2. สร้างความสม่ำเสมอ  

   การมีระบบทำให้คุณตัดสินใจบนพื้นฐานของข้อมูลและแผนที่วางไว้ แทนที่จะเปลี่ยนวิธีการเทรดทุกครั้งที่ตลาดเปลี่ยนแปลง


3. สามารถวัดผลและปรับปรุงได้  

   ระบบช่วยให้คุณสามารถบันทึกและวิเคราะห์ผลลัพธ์เพื่อพัฒนาการเทรดให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ


4. บริหารความเสี่ยงได้ดีขึ้น

   ระบบมักรวมถึงการกำหนด Stop Loss และ Take Profit ชัดเจน ซึ่งช่วยควบคุมการขาดทุนและปกป้องกำไร


5. เพิ่มโอกาสทำกำไรระยะยาว 

   แม้จะมีการขาดทุนบ้าง แต่การเทรดตามระบบที่ได้รับการทดสอบแล้วช่วยให้คุณมีกำไรที่มั่นคงในระยะยาว


ทำไมนักเทรด 90% ทำตามระบบไม่ได้

1. ขาดวินัย  

   การทำตามระบบต้องใช้วินัยอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง นักเทรดมักจะละเมิดกฎ เช่น ปรับ Stop Loss หรือออกจากออเดอร์ก่อนเวลาเพราะความกังวล


2. ไม่มีความเชื่อมั่นในระบบ  

   หลายคนสร้างระบบขึ้นมาแต่ไม่ได้ทดสอบ หรือฝึกฝนเพียงพอ จึงไม่มั่นใจว่าระบบจะทำงานได้จริงในสถานการณ์ที่ตลาดเปลี่ยนแปลง


3. อารมณ์มีบทบาทสำคัญเกินไป  

   เมื่อเผชิญกับการขาดทุนต่อเนื่องหรือกำไรที่ยังไม่ถึงเป้าหมาย นักเทรดมักปล่อยให้อารมณ์เข้ามาควบคุม เช่น การเพิ่มขนาดออเดอร์เพื่อ "เอาคืน" หรือหยุดเทรดเพราะความกลัว


4. ขาดการจัดการความเสี่ยง  

   นักเทรดบางคนไม่รวมเรื่องการบริหารเงิน เข้าไว้ในระบบ เช่น การกำหนดเปอร์เซ็นต์ความเสี่ยงต่อออเดอร์ ทำให้เมื่อเกิดการขาดทุน พอร์ตได้รับผลกระทบรุนแรงจนพวกเขาหยุดทำตามระบบ


5. คาดหวังผลลัพธ์เร็วเกินไป  

   นักเทรดส่วนใหญ่อยากเห็นกำไรทันที แต่ระบบเทรดมักต้องใช้เวลาในการแสดงผลในระยะยาว เมื่อไม่ได้ผลลัพธ์ทันใจ พวกเขามักจะละทิ้งระบบ


6. เปลี่ยนแปลงระบบบ่อยเกินไป  

   ความไม่อดทนทำให้นักเทรดเปลี่ยนระบบหลังจากเผชิญกับการขาดทุนเล็กน้อย ทั้งที่ในความจริง ระบบที่ดีต้องเผชิญกับการขาดทุนเป็นเรื่องปกติ


ตัวอย่างสถานการณ์: ทำไมระบบถูกละเลย

สถานการณ์: คุณสร้างระบบที่ให้สัญญาณซื้อขายชัดเจน แต่หลังจากการขาดทุน 3 ครั้งติดกัน คุณเริ่มสงสัยในระบบ และครั้งถัดมา เลือกไม่ทำตามสัญญาณระบบ ผลปรากฏว่าตลาดเคลื่อนไหวตามระบบที่คุณไม่ทำตาม และคุณเสียโอกาสทำกำไรใหญ่


นี่คือผลของการขาดวินัยและความเชื่อมั่นในระบบ ที่เกิดจากการไม่เข้าใจธรรมชาติของการขาดทุนในระบบที่ดี


วิธีแก้ไข: ทำให้การเทรดตามระบบเป็นนิสัย

1. ทดสอบระบบให้มั่นใจ  

   ใช้การ Backtest และ Forward Test เพื่อดูว่าสมรรถภาพของระบบในสถานการณ์ต่าง ๆ เป็นอย่างไร และมั่นใจว่าสอดคล้องกับเป้าหมายการเทรด


2. สร้างแผนการเทรด  

   เขียนแผนเทรดที่ระบุชัดเจนว่า:

   - คุณจะเข้าเทรดเมื่อไร

   - คุณจะจัดการความเสี่ยงอย่างไร

   - คุณจะออกจากออเดอร์เมื่อไร


3. ฝึกวินัยในการปฏิบัติตามระบบ  

   ใช้บัญชีทดลอง เพื่อฝึกทำตามระบบอย่างเคร่งครัดก่อนลงเงินจริง


4. ทำความเข้าใจกับการขาดทุน  

   การขาดทุนเป็นส่วนหนึ่งของการเทรด แม้ระบบที่ดีที่สุดก็ยังขาดทุนได้บ้าง การเข้าใจธรรมชาติของการขาดทุนจะช่วยลดความกังวลและไม่ละทิ้งระบบง่าย ๆ


5. ใช้บันทึกการเทรด  

   บันทึกทุกการเทรดเพื่อวิเคราะห์ว่าเมื่อไรคุณละเมิดระบบ และผลลัพธ์เป็นอย่างไร


6. ตั้งเป้าหมายระยะยาว  

   มองภาพใหญ่ของผลลัพธ์ระยะยาวแทนที่จะตัดสินระบบจากการเทรดไม่กี่ครั้ง


แรงบันดาลใจสำหรับนักเทรด

"ระบบที่ดีคือเครื่องมือของคุณ แต่วินัยคือพลังที่ขับเคลื่อนมัน"  

การเทรดตามระบบต้องอาศัยความอดทนและความเข้าใจในธรรมชาติของตลาด แต่หากคุณยึดมั่นและพัฒนาตัวเอง ระบบเทรดจะกลายเป็นพันธมิตรที่พาคุณไปสู่ความสำเร็จในระยะยาว


นักเทรด 90% อาจล้มเหลว แต่คุณสามารถเป็นส่วนหนึ่งของ 10% ที่ประสบความสำเร็จได้ เพียงแค่คุณเลือกที่จะปฏิบัติตามระบบด้วยความมุ่งมั่นและวินัยที่ไม่สั่นคลอน!

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

สรุปรายบทในหนังสือหุ้นซิ่ง สวิงเทรด

สรุปหนังสือ "หุ้นขาขึ้นรอบใหญ่"

ทำไมคุณเทรดมานาน…แต่ผลลัพธ์ยังไม่ต่างจากวันแรก?

อธิบาย Wyckoff Accumulation Phase แบบละเอียดยิบ