5 วิธีที่ “โรงงานซูเปอร์ AI” ของ Microsoft ขับเคลื่อนห่วงโซ่อุปทาน AI

Image
5 วิธีที่ “โรงงานซูเปอร์ AI” ของ Microsoft ขับเคลื่อนห่วงโซ่อุปทาน AI แปลจาก https://x.com/FuturumEquities/status/1990440398049972295 1. ฐานรากทั้งหมดคือ Nvidia ($NVDA) การขยายอาณาจักร AI ของ Microsoft เดินหน้าได้เร็วแค่ไหน ขึ้นอยู่กับว่า Nvidia ส่งมอบ GPU ได้เร็วเพียงใด และทีมของ Microsoft สามารถนำ GPU เหล่านั้นไปต่อเป็นคลัสเตอร์ใช้งานได้เร็วแค่ไหน 2. ผู้เล่นกลุ่ม Neocloud เช่น $NBIS, $IREN และ $CRWV คือด่านต้นน้ำ Microsoft ไม่สามารถหาที่ดิน ไฟฟ้า และกำลังระบบไฟฟ้าได้เร็วเท่ากับเส้นทางพัฒนารุ่นโมเดลที่วางไว้ จึงต้องพึ่งบริษัทที่ลงทุนสร้างโครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้มานานหลายปีแล้ว 3. บริษัทด้านเครือข่ายอย่าง $ANET, $CSCO, $AVGO และ $MRVL ถูกดึงเข้ามาเสริมทัพ เพราะทุกครั้งที่มี GPU รุ่นใหม่ปริมาณมหาศาล ความต้องการแบนด์วิดท์ก็พุ่งขึ้นทั้งระบบ ส่งผลให้โครงสร้างเครือข่ายต้องอัปเกรดตาม 4. กลุ่มผู้ให้บริการเชื่อมต่อความเร็วสูง เช่น $ALAB และ $CRDO สำคัญมาก การประมวลผลแบบ Hyperscale Inference ต้องอาศัยระบบออปติกที่มีความหน่วงต่ำ เพื่อให้กองทัพ GPU ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ไม่สะดุด 5. ผู้จัดหาพลัง...

Drawdown กับ จุดประสงค์ของการลงทุนและการเทรด

จุดประสงค์ของการลงทุนและการเทรด ในมุมมองของปู่ปีเตอร์ แบรนดท์

"จุดประสงค์ของการลงทุนคือการสร้างความมั่งคั่ง

แต่จุดประสงค์ของการเทรดแบบแอคทีฟขึ้นไปอีกคือ (a) เพื่อสร้างความมั่งคั่ง และ (b) เพื่อสร้างรายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง

การขาดทุนหนัก (Drawdowns) บังคับให้นักเทรดต้องทำเงินก้อนเดิมซ้ำไปซ้ำมา - ซึ่งเป็นเรื่องไม่ฉลาดเลย  

ดังนั้นการจำกัดการขาดทุนหนักเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการเทรด"


การลงทุนและการเทรดอาจดูคล้ายกัน เพราะมีเป้าหมายหลักที่เหมือนกันคือ การสร้างความมั่งคั่ง แต่ในความเป็นจริงแล้ว แต่ละวิธีมีวัตถุประสงค์และวิธีการที่แตกต่างกันไป:


1. การลงทุน: การลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ เช่น หุ้น, กองทุนรวม หรืออสังหาริมทรัพย์ มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างความมั่งคั่งในระยะยาว เป็นการถือครองสินทรัพย์ไว้เพื่อให้มูลค่าเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป โดยที่นักลงทุนไม่จำเป็นต้องซื้อขายบ่อย ๆ


2. การเทรด: การเทรดเป็นการทำกำไรระยะสั้น โดยมีเป้าหมายหลักสองอย่างคือ 

   - สร้างความมั่งคั่ง ผ่านการทำกำไรในแต่ละการเทรด

   - สร้างกระแสรายได้ต่อเนื่อง จากการทำกำไรสม่ำเสมอในระยะสั้น


นักเทรดจะต้องทำการซื้อขายบ่อยครั้งเพื่อตอบสนองความต้องการนี้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อรักษาทุนและผลกำไรที่ทำได้ไว้ 


Drawdowns หรือการขาดทุนชั่วคราว

Drawdown หมายถึงการลดลงของมูลค่าพอร์ตการลงทุนหรือพอร์ตการเทรดจากระดับสูงสุด เช่น หากพอร์ตมีมูลค่าที่สูงสุดที่ 100,000 บาท และลดลงมาเหลือ 90,000 บาท นั่นคือการขาดทุนชั่วคราวหรือ Drawdown ที่ 10%


การขาดทุนชั่วคราวส่งผลให้เทรดเดอร์ต้องทำกำไรกลับมาเท่าจำนวนที่ขาดทุนไป ซึ่งในระยะยาวอาจจะทำให้เสียเวลาและเสียโอกาสในการทำกำไรใหม่ ๆ ทำให้นักเทรดหลายคนมองว่าเป็น “ความผิดพลาด” หรือ Foolish เพราะพอร์ตที่ขาดทุนย่อมต้องการกำไรที่สูงขึ้นเพื่อให้กลับมาที่จุดเดิม 


วิธีการจำกัด Drawdown เพื่อบรรลุเป้าหมายการเทรด

หากคุณต้องการบรรลุเป้าหมายการเทรด เช่น การสร้างกระแสรายได้ต่อเนื่องและความมั่งคั่งในระยะยาว การจำกัด Drawdown จึงเป็นสิ่งสำคัญ เทคนิคในการบริหารจัดการ Drawdown มีดังนี้:


1. กำหนดจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) – การตั้ง Stop Loss ช่วยจำกัดการขาดทุนให้ไม่เกินระดับที่คุณรับไหว นอกจากนี้ยังป้องกันไม่ให้พอร์ตได้รับผลกระทบจากการขาดทุนหนัก


2. อย่าใช้เลเวอเรจสูงเกินไป – การใช้เลเวอเรจทำให้คุณสามารถทำกำไรได้มากขึ้น แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงที่จะแพ้เช่นกัน ควรใช้เลเวอเรจในระดับที่เหมาะสมและอยู่ในขอบเขตที่คุณสามารถจัดการได้


3. กระจายความเสี่ยง – การกระจายพอร์ตการเทรดไปในสินทรัพย์ที่หลากหลายช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิด Drawdown หนักหากสินทรัพย์ตัวใดตัวหนึ่งมีปัญหา


4. ใช้กลยุทธ์การจัดการเงินทุน (Money Management) – ควรกำหนดขนาดการลงทุนในแต่ละการเทรดให้เหมาะสมกับขนาดของพอร์ต และไม่ควรเสี่ยงมากเกินไปในแต่ละคำสั่งซื้อขาย


การจำกัด Drawdown อย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้คุณสามารถรักษากำไรและรักษาพอร์ตของคุณในระยะยาว

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

$BMNR ทำธุรกิจอะไร? จุดแข็ง/จุดอ่อน และตัวเร่ง

กราฟหุ้น GFPT ล่าสุด

ทฤษฏีวัฏจักรตลาดหุ้น (Market Cycle)

VCP (Volatility Contraction Pattern) และรูปแบบที่คล้ายกัน

แนะวิธีดูกราฟหุ้นเบื้องต้น