แนะนำ คอร์ส US Stock Masterclass by Zyo

Image
US Stock Masterclass by Zyo อยากเริ่มลงทุนในหุ้นอเมริกา แต่ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน? หรือเคยลองเทรดแล้วแต่ยังไม่มั่นใจ ไม่รู้จุดซื้อ–จุดขายที่ชัดเจน? คอร์สโค้ชชิ่งหุ้นอเมริกาแบบ Live 1:1 Coaching  ที่จะช่วยคุณเข้าใจทั้ง หุ้นรอบใหญ่ (Growth Trend)  และ หุ้นซิ่งสวิงเทรด (Swing Trade) พร้อมนำไปใช้ได้จริงทันที ใครที่อ่านหนังสือ "หุ้นขาขึ้นรอบใหญ่" กับ "หุ้นซิ่งสวิงเทรด" แล้วต่อยอดไม่ได้ แนะนำครับ ผมจะแชร์วิธีการนำไปใช้จริง ซิ่งเวิร์คมากกับตลาดหุ้นอเมริกา ติดต่อสมัครที่: คลิกที่นี่  https://m.me/zyoit (เฟสบุคส่วนตัวของผมครับ  ถ้าไม่ได้เป็นเพื่อน หรือไม่เคยคุยกัน จะเป็น spam ก่อนนะครับ เดี๋ยวผมจะเข้าไปดูแล้วติดต่อกลับนะ) ปล. Live 1:1 Coaching คืออะไร? → ไม่ได้แค่ “สอน” แต่ โค้ชแบบตัวต่อตัว → หมายถึงมีการ ถาม–ตอบ, ปรับตามพื้นฐานของผู้เรียน, ทำการบ้านหุ้น, วิเคราะห์พอร์ตจริง → ฟังดูเป็น Personalized Learning → ตรงจุดและ Exclusive กว่าคอร์สสอนทั่วไป รายละเอียดคอร์ส 🔥 สอนสด 1:1 ผ่าน Google Meet ⏰ เรียนตัวต่อตัว (3 Session × 2 ชม.) – เลือกเวลาที่สะดวกให้ตรงกัน 🎯 ปรับเนื้อหาตามพื้...

Drawdown กับ จุดประสงค์ของการลงทุนและการเทรด

จุดประสงค์ของการลงทุนและการเทรด ในมุมมองของปู่ปีเตอร์ แบรนดท์

"จุดประสงค์ของการลงทุนคือการสร้างความมั่งคั่ง

แต่จุดประสงค์ของการเทรดแบบแอคทีฟขึ้นไปอีกคือ (a) เพื่อสร้างความมั่งคั่ง และ (b) เพื่อสร้างรายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง

การขาดทุนหนัก (Drawdowns) บังคับให้นักเทรดต้องทำเงินก้อนเดิมซ้ำไปซ้ำมา - ซึ่งเป็นเรื่องไม่ฉลาดเลย  

ดังนั้นการจำกัดการขาดทุนหนักเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการเทรด"


การลงทุนและการเทรดอาจดูคล้ายกัน เพราะมีเป้าหมายหลักที่เหมือนกันคือ การสร้างความมั่งคั่ง แต่ในความเป็นจริงแล้ว แต่ละวิธีมีวัตถุประสงค์และวิธีการที่แตกต่างกันไป:


1. การลงทุน: การลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ เช่น หุ้น, กองทุนรวม หรืออสังหาริมทรัพย์ มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างความมั่งคั่งในระยะยาว เป็นการถือครองสินทรัพย์ไว้เพื่อให้มูลค่าเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป โดยที่นักลงทุนไม่จำเป็นต้องซื้อขายบ่อย ๆ


2. การเทรด: การเทรดเป็นการทำกำไรระยะสั้น โดยมีเป้าหมายหลักสองอย่างคือ 

   - สร้างความมั่งคั่ง ผ่านการทำกำไรในแต่ละการเทรด

   - สร้างกระแสรายได้ต่อเนื่อง จากการทำกำไรสม่ำเสมอในระยะสั้น


นักเทรดจะต้องทำการซื้อขายบ่อยครั้งเพื่อตอบสนองความต้องการนี้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อรักษาทุนและผลกำไรที่ทำได้ไว้ 


Drawdowns หรือการขาดทุนชั่วคราว

Drawdown หมายถึงการลดลงของมูลค่าพอร์ตการลงทุนหรือพอร์ตการเทรดจากระดับสูงสุด เช่น หากพอร์ตมีมูลค่าที่สูงสุดที่ 100,000 บาท และลดลงมาเหลือ 90,000 บาท นั่นคือการขาดทุนชั่วคราวหรือ Drawdown ที่ 10%


การขาดทุนชั่วคราวส่งผลให้เทรดเดอร์ต้องทำกำไรกลับมาเท่าจำนวนที่ขาดทุนไป ซึ่งในระยะยาวอาจจะทำให้เสียเวลาและเสียโอกาสในการทำกำไรใหม่ ๆ ทำให้นักเทรดหลายคนมองว่าเป็น “ความผิดพลาด” หรือ Foolish เพราะพอร์ตที่ขาดทุนย่อมต้องการกำไรที่สูงขึ้นเพื่อให้กลับมาที่จุดเดิม 


วิธีการจำกัด Drawdown เพื่อบรรลุเป้าหมายการเทรด

หากคุณต้องการบรรลุเป้าหมายการเทรด เช่น การสร้างกระแสรายได้ต่อเนื่องและความมั่งคั่งในระยะยาว การจำกัด Drawdown จึงเป็นสิ่งสำคัญ เทคนิคในการบริหารจัดการ Drawdown มีดังนี้:


1. กำหนดจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) – การตั้ง Stop Loss ช่วยจำกัดการขาดทุนให้ไม่เกินระดับที่คุณรับไหว นอกจากนี้ยังป้องกันไม่ให้พอร์ตได้รับผลกระทบจากการขาดทุนหนัก


2. อย่าใช้เลเวอเรจสูงเกินไป – การใช้เลเวอเรจทำให้คุณสามารถทำกำไรได้มากขึ้น แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงที่จะแพ้เช่นกัน ควรใช้เลเวอเรจในระดับที่เหมาะสมและอยู่ในขอบเขตที่คุณสามารถจัดการได้


3. กระจายความเสี่ยง – การกระจายพอร์ตการเทรดไปในสินทรัพย์ที่หลากหลายช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิด Drawdown หนักหากสินทรัพย์ตัวใดตัวหนึ่งมีปัญหา


4. ใช้กลยุทธ์การจัดการเงินทุน (Money Management) – ควรกำหนดขนาดการลงทุนในแต่ละการเทรดให้เหมาะสมกับขนาดของพอร์ต และไม่ควรเสี่ยงมากเกินไปในแต่ละคำสั่งซื้อขาย


การจำกัด Drawdown อย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้คุณสามารถรักษากำไรและรักษาพอร์ตของคุณในระยะยาว

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

สรุปหนังสือ "หุ้นขาขึ้นรอบใหญ่"

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

สรุปรายบทในหนังสือหุ้นซิ่ง สวิงเทรด

ทำไมคุณเทรดมานาน…แต่ผลลัพธ์ยังไม่ต่างจากวันแรก?

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ

(มือใหม่เล่นหุ้น) แนวทางการซื้อหุ้นระหว่างขาขึ้น