ถ้าคุณต้องการรู้จักนิสัยของตลาดให้มากที่สุด ให้เดินไปที่ชายหาด ก้าวลงไปในน้ำทะล

Image
ถ้าคุณต้องการรู้จักนิสัยของตลาดให้มากที่สุด ให้เดินไปที่ชายหาด ก้าวลงไปในน้ำทะล แล้วลองผลักน้ำจากฝั่ง ทำคลื่นดันกลับเข้าไปหาทะเล สร้างคลื่น สู้กับทะเล ลองทำดู ทั้งคลื่นลูกเล็ก และคลื่นลูกใหญ่ คุณจะพบว่า ไม่ว่าคุณจะสร้างคลื่นดันกลับไปในรูปแบบไหน คุณจะไม่มีทางชนะคลื่นจากทะเลได้เลย  ไม่มีทาง ความจริงที่คุณได้จากเรื่องนี้คือ "ตลาดจะถูกเสมอ" . Market Wizards ยอมรับตรงกันว่า "ตลาดจะทำในสิ่งที่มันอยากจะทำ" พวกเขาไม่เคยหัวเสียกับตลาด(เพราะเคยทำมาแล้วในตอนเป็นมือใหม่) พวกเขาไม่เคยโทษตลาด(เพราะเคยทำมาแล้วในตอนเป็นมือใหม่) . พวกเขาแค่ยอมรับว่าตลาดจะทำในสิ่งที่มันจะทำ พวกเขาแค่ยอมรับว่าเขาไม่สามารถเอาชนะตลาดได้ จากนั้นสิ่งที่พวกเขาทำก็คือ ๑) อ่านตลาด ๒) แยกแยะความเสี่ยงกับโอกาสให้ได้ ๓) หาโอกาสทำเงินเมื่อตลาดให้โอกาส และอยู่เฉย ๆ ถือเงินสดเมื่อตลาดเป็นความเสี่ยง ๔) คิดก่อนเสมอว่า "ถ้าตลาดไม่ให้เงิน(เทรดขาดทุน) ฉันจะยอมเสียกี่บาท" การเอาตัวรอด คือเป้าหมายแรกของยอดนักเทรด เพราะคิดแบบนี้...ไม่ว่าตลาดจะร้ายแค่ไหน ยอดนักเทรดก็จะรอดเสมอ #จิตวิทยาการเทรด #ปั้นพอร์ต #วินัยนัก

จุดเปลี่ยนที่ทำให้ผลการเทรดดีขึ้น คือเทรดให้เหมือนทำธุรกิจ


จุดเปลี่ยนที่ทำให้ผมมีผลประกอบการทางการเทรดดีขึ้น ไม่ใช่ความรู้ทางเทคนิคอลเพียงอย่างเดียว มันยังมี mindset อีกอย่างที่ผมจงใจใส่ไว้ในหนังสือ บทที่ 11 Stop loss ครับ

ต้องออกตัวก่อนเลยว่าตอนนี้พอร์ตหุ้นโดยรวมของผมยังอยู่ในภาวะขาดทุนอยู่เพราะ เงินต้น หายไปจากการขาดทุนหุ้นมากกว่า 50% ครับ โดย 4 ปี ก่อนหน้านี้ ผมประสบกับการขาดทุนมาโดยตลอด
กระทั่งปีที่แล้วนี่เองที่ผลสรุปยอดทั้งปีของผม กลับมาเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 5 ปี ผมสามารถกู้ความเสียหายของพอร์ตกบับมาได้แล้วร่วมๆ 30%

โดยส่วนหนึ่งก็ต้องยกผลประโยชน์ให้กับหนังสือเล่มนี้ที่มันเป็นเหมือนบันทึกสรุปแนวทางการเทรดที่ใช่สำหรับตัวเอง รวมถึงวิธีคิดที่ถูกต้องเกี่ยวกับการเทรดด้วย ซึ่งผมจงใจใส่มันไว้ในบทที่ว่านี้
มันเป็นคำคม ประโยคสั้นๆของเทรดเดอร์ หลายท่าน อาทิ

มาร์ตี้ ชวาทซ์ บอกว่า "แนวทางพลิกพอร์ตจากการเป็นเทรดเดอร์ที่ขาดทุน พอร์ตไม่โต จวนเจียนจะหมดตัว ไปเป็นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จ คือเปลี่ยนทัศนคติ จากที่เคย #ปรารถนาอยากเป็นผู้ชนะ เปลี่ยนมาเป็น #ปรารถนาที่จะเป็นฝ่ายถูก แทน" สองคำนี้ คนส่วนใหญ่ถ้าอ่านเผินๆ คงไม่ได้ใจความอะไร แต่สำหรับผมแล้ว มันโดนมากไป ครับ เพราะอะไร?

สาเหตุที่ผม ไม่กล้า stop loss หรือ cut loss หุ้นที่ขาดทุน ออกไปเสียที ปล่อยให้ความเสียหายลูกลามใหญ่โต ซ้ำร้ายยังหน้ามึน ซื้อถัวเฉลี่ยขาลงกับหุ้นตัวนั้นอีก แสดงว่าผม มีความปรารถนาที่จะเป็นฝ่ายถูก ตลาดผิด การไม่เชื่อการตัดสินของตลาด ผลก็คือยิ่งนานไปผมยิ่งขาดทุนมากขึ้น จนทนไม่ไหว ขายขาดทุนในตอนที่ราคาลงหนักมาก ในที่สุด แทนที่จะเสียเงินน้อยๆ กลายเป็นเสียยากไปซะนี่

ในทางกลับกัน ถ้าหากผม ปรารถนาที่จะเป็นผู้ชนะ ในเกม ซึ่งเป้าหมายก็คือ #เป็นคนรวยจากการเล่นหุ้น สิ่งที่ต้องทำคือ ให้ผลประกอบการเป็นบวก เทรดให้ได้กำไรมากกว่าขาดทุน ให้กำไรทบต้น จนเติบโตไปเรื่อยๆ นี่คือหัวใจและวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของการเป็นเทรดเดอร์ คำว่าเทรดเดอร์ คือ "นักซื้อมาขายไป" เราต้องการกำไรเพื่อความอยู่รอด ซึ่งวิธีการง่ายๆคือ เทรดให้ได้มากกว่าเสียแล้วทบต้นกำไรเท่านั้น ไม่มีหนทางอื่นที่สะดวกกว่านี้อีกแล้ว

ซึ่งหากเราต้องการจะอยู่รอด ก็ต้อง คิดให้มันเป็นเหมือนการทำธุรกิจ ให้ได้เท่านั้น

เสี่ยยักษ์ ท่านกล่าวไว้ว่า "ถ้าคุณคิดผิด(คือซื้อหุ้นแล้วขาดทุน)แล้วไม่กล้า cut loss แสดงว่าคุณไม่ใช่มืออาชีพ แต่ถ้ามานั่งเล่นหุ้นเป็นอาชีพ แสดงว่าวิธีคิดผิดแล้ว"

ผมจึงได้คิดว่า ผมจะไม่ยอมให้ผลประกอบการโดยสรุปของตัวเองต้อวขาดทุนอีก ซึ่งวิธีการง่ายๆก็คือ ตัดขาดทุนให้ไว




สนใจ เข้าไปซื้อได้ตามลิ้งค์นี้ครับ bit.ly/zyoebook3

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

วิธีการอ่านสัญญาณแท่งเทียน (Candlesticks Reading) สำหรับมือใหม่

อธิบาย Wyckoff Accumulation Phase แบบละเอียดยิบ

ดูยังไงว่าเป็น Cup with Handle pattern?

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ