เหตุใดเราจึงควรใส่ใจเกี่ยวกับแง่มุมทางจิตของการเทรด?

Image
เหตุใดเราจึงควรใส่ใจเกี่ยวกับแง่มุมทางจิตของการเทรด?  Dr. Van K. Tharp พูดเสมอว่า “นักเทรดไม่เทรดตามที่ตลาดเป็นหรอก  แต่พวกเขาเทรดตามความเชื่อของพวกเขา”   เรื่องนี้ผมเห็นด้วยอย่างสมบูรณ์   ความเชื่อของผมมีดังนี้:  1) นักเทรดที่ประสบความสำเร็จมีกลไกการซื้อ/ขายที่สมเหตุสมผลและช่วยให้เขาลงมือตามสัญญาณได้ทันที   2) นักเทรดที่ประสบความสำเร็จมีแนวทางที่สมเหตุสมผลในการกำหนด Position Size ของเขาอย่างเป็นระบบ ซึ่งช่วยลดความน่าจะเป็นที่จะถูกทำลาย   3) นักเทรดที่ประสบความสำเร็จมีกลยุทธ์ที่ช่วยลด Drawdown ของ Equity Curve เพื่อทำให้เขาเครียดน้อยลง   4) ตลาดจะเปลี่ยนแปลงเสมอ มันจะขึ้น, ลง, และไซด์เวย์ 5) การลอกกลยุทธ์คนอื่นมาใช้ทั้งดุ้น มักจะไม่เวิร์ค  การสร้างกลยุทธ์หรือพัฒนากลยุทธ์ที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณคือแนวทางที่มีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่า 6) ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบในการเทรด   7) ตลาดจะทำในสิ่งที่มันอยากจะทำ - Tom Basso จากหนังสือ The All-Weather Trader

(มือใหม่เล่นหุ้น) P/BV น้อยกว่า 1 แบบไหนถึงจะเวิร์ค

โดย เซียว จับอิดนึ้ง : faceboook.com/zyoit


"สอยด่วน! 9 หุ้น PBV ต่ำเกินเหตุ!!
ช็อป 30 หุ้นดี-ราคาถูก ชู P/E-P/BV ต่ำเกินเหตุ!!
เปิดโผ 20 หุ้นปลอดภัย P/E-P/BV ต่ำ รับมือตลาดฯ ผันผวน!!
ช๊อป 25 หุ้นถูกรับปีไก่ทอง ชู P/E-P/BV ต่ำกว่า 1 เท่า!!
เปิดโผ 24 หุ้นพื้นฐานแกร่ง ราคาต่ำกว่าบุ๊คแวลู!!"
ฯลฯ
ขอโทษนะครับ เนื้อหาในโพสต์นี้ไม่ได้ทำเพื่อเชียร์หุ้นครับ
แต่ตั้งใจจะทำเพื่อเตือนให้ท่านระวังสารเหล่านี้เอาไว้ให้จงหนัก
อย่าเชื่อคำโฆษณาจาหนังสือพิมพ์แบบง่ายๆ
ตลาดหุ้น ไม่มีอะไรง่ายหรอกครับ

หลายปีก่อน ผมเคยคลั่งหุ้นที่ P/BV น้อยกว่า 1 เอามากๆ
เคยคิดว่ามันคือขุมทรัพย์ ถ้าเจอนะ หุ้นตัวนั้นจะเป็นหุ้นเด้งของตัวเองในอนาคต
คิดแบบมักง่ายขนาดนั้นเลย

ก็ได้ความรู้จากตำราบางเล่มแหละครับ
ตอนนั้นเป็นเทรดเดอร์ตาบอดตาใสน่ะครับ
โหยหา "สูตรลัดรวยด่วน" เอามากๆ
ใครชี้เป้าน่าสนใจหน่อย ก็คิดเป็นตุเป็นตะไปหมด

ผลของความเชื่อแบบงมงาย คิดเองไม่เป็น
คุณก็น่าจะเดาได้ไม่ยาก

ขาดทุนเละสิครับ

เพราะผมมุ่งเน้นไปเล่นหุ้นเน่าเอาน่ะสิ
ประเภท P/BV<1 และกิจการประสบกับความย่อยยับ เลวร้ายลงทุกปี
ซื้อดักไว้ เผื่อเขาจะมีการล้างขาดทุน
แล้วกลับมาปันผลครั้งแรก

ก็ได้เจอหุ้นหลายตัวนะ
ผู้บริหารออกมาแถลงข่าว สตอรี่นี้เลย
เหมือนกับถ้ายเอกสารกันมาเลยทีเดียว

แต่ก็ไม่เห็นมีหน้าไหนมันจะทำได้จริงสักราย
ออกข่าวให้เม่าเข้าซื้อ
จากนั้นก็ SP
เรือเม่าหายกันไปหลายลำเลย

มาตอนนี้ เป็นช่วงที่ SET ลงแรงบัดซบมาก
ผมก็เลยนึกถึงไอเดียทำลายพอร์ตนี้ขึ้นมาอย่างบังเอิญ

เมื่อหุ้นส่วนใหญ่ในตลาดมันร่วงแรงประหนึ่งธุรกิจจะเจ๊งแบบนี้ 
มันต้องมีบางตัว panic จนเกินเหตบ้างล่ะน่า
ไม่แน่ว่า มันอาจจะมีหุ้นพื้นฐานน่าสนใจ ราคาลงหนักจนมีมูลค่าและ upside สูงก็ได้

แต่อย่ากระนั้นเลย
ก่อนไปถึงรายชื่อหุ้น
เรามาดูความหมายของ P/BV กันก่อนดีกว่า
หาจุดอ่อน จุดแข็ง
เพื่อรู้ว่าโอกาสอยู่ตรงไหน ความเสี่ยงมันคืออะไร
จะได้รู้ทางหนีทีไล่

P คือ ราคาหุ้นในขณะนี้
BV คือ book value หรือ มูลค่าทางบัญชีของกิจการ
โดยมูลค่าตามบัญชีต่อหุ้น คำนวณมาจาก ส่วนของผู้ถือหุ้น/จำนวนหุ้นทั้งหมด

ซึ่งค่าที่นักลงทุนต้องการก็คือหุ้นที่มี P/BV น้อยกว่า 1
เพราะเชื่อว่า ราคาในขณะนี้ต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี

พระเจ้าจอร์จ ราคาถูกมาก!!

ดังนั้นจึงไม่แปลกที่หนังสือพิมพ์เชียร์หุ้นถึงต้องพาดหัวข่าวตัวโตว่า "สอยด่วนหุ้น P/BV <1"
เพราะรู้ว่ามีเม่าจำนวนมากพร้อมหลงเข้ามาติดกับดักนี้ได้ตลอด

ทั้งที่จริงแล้ว การที่หุ้น P/BV น้อยกว่า 1 ไม่ได้หมายว่าหุ้นตัวนั้น "ราคาถูก" เสมอไป

มาดูตารางหุ้นที่มี P/BV<1 อันดับแรกๆ ที่เว็บ siamchart ทำไว้ให้ครับ


จะเห็นว่าหุ้นแต่ละตัว พื้นฐานดูไม่จืดเลย
ไม่ต่ำบาท ก็เป็นธุรกิจตะวันตกดิน
(อาจจะมีตัวดีๆซ่อนอยู่ก็ได้นะ ผมก็ไม่ได้ทำการบ้านกับมันเลย)

แต่ประเด็นของผมคือว่า การดูแค่ P/BV น้อยกว่า 1 มันไม่พอครับ
คุณต้องดูคุณภาพของธุรกิจนั้นด้วย ความสามารถในการทำกำไร สร้างกระแสเงินสด รวมไปถึงความสามารถของผู้บริหาร 

หุ้นจะวิ่งขึ้นได้ ไม่ใช่เพราะ P/BV น้อยกว่า 1 
แต่มันต้องเกิดจากความตื่นเต้นของความสามารถในการทำกำไรครับ
ไอ้สตอรี่ล้างขาดทุนสะสมแล้วปันผลเป็นครั้งแรกน่ะ 
มันถูกสร้างมาเพื่อหลอกเม่าครับ
Smart Money ไม่เชื่อหรอก มีแต่เม่าเท่านั้นที่งมงาย

ดังนั้น ถ้าจะเอา P/BV น้อยกว่า 1 มาช่วยหาหุ้น
ควรมีขั้นตอนการคัดกรองดังนี้ครับ

๑) อย่าเชื่อสตอรี่จากผู้บริหาร
โดยเฉพาะหุ้นเน่า ผลประกอบการขาดทุนต่อเนื่อง ตัวเองทำผิดพลาดแท้ๆ ไม่ยอมปรับปรุง วันๆ เอาแต่คอยออกข่าวล้างขาดทุนสะสม เพื่อจ่ายปันผล พวกนี้เชื่อไม่ได้

๒) รอกราฟก่อน
หุ้นจะขึ้น ต้องมี demand หรือความต้องการซื้อเข้าครับ
ถ้าราคายังนอนก้นอยู่ หรือยังเป็นขาลงอย่างรุนแรง อย่าไปรีบซื้อมัน
เพราะคนทั้งตลาดเขาตั้งหน้าตั้งตาขายอยู่ จะไปรับมีดทำซากอะไร
รีบซื้อไป เดี๋ยวพอมันลงต่อก็ต้องขายหนีตายอยู่ดี
ซื้อแพงหน่อย แต่ราคาขึ้นเลย เพราะบรรยากาศมันส่งเสริม ดีกว่าเป็นไหนๆ

ขอแนะนำทรงกราฟหน้าตาแบบนี้

แนวทาง สามารถอ่านได้ตามโพสต์เหล่านี้ครับ
หุ้นใหม่เข้าตลาด 5 Class และแนวทางการเทรด
Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ
เมื่อ SET ยืนยันการกลับตัว ควรทำไงต่อ?
วอลุ่มและการยืนยันขาขึ้น

๓) อย่าเชื่ออาจารย์ หรือหนังสือพิมพ์
พวกนี้แหละตัวดีนัก บางรายย้ำทุกวัน วันนี้ตัวโน้น วันนั้นตัวนี้
แหม..มันทำให้ผมแอบคิดไปไม่ได้ว่า
มันเล่นหุ้นจริงป่าววะ
มองโลกในแง่ดีเกินไป เกินกว่าที่คนเล่นหุ้นด้วยเงินจริงจะกล้าคิดได้แบบนี้

อย่าลืมนะครับ
เม่าเป็นสัตว์โลกที่ "โลภเกินความรู้" อยากรวยเร็วแบบง่ายๆ
อะไรที่เขาได้อ่าน ได้ยินมา แล้วคิดว่ามันจะทำให้เขาได้กำไรมาแบบง่ายๆ
มันเชื่อหมดแหละ
เชื่ออย่างสุดจิตสุดใจด้วย

ดังนั้น อย่าให้หุ้นมันเลยครับ
สอนให้มันหาปลาเอง 
ในขณะเดียวกันก็บอกความเสี่ยง ความเลวร้ายของความล้มเหลวด้วย

ให้มันรู้ว่าถ้าขาดทุนแล้วทำยังไงต่อ ต้องขายออกทันที อย่าเก็บไว้
มันจะได้ไม่หมดตัว
ทำแค่นี้เองครับ ท่านสามารถช่วยชีวิตเม่าได้หลายพันคนต่อปีเลยทีเดียว
ถือว่านี่เป็นการทำบุญก็แล้วกันครับ


อ่านเพิ่มเติม
๑) ทำไมการดูหุ้นแต่ PBV ถึงอันตราย? 


๒) ทำไม P/BV จึงอาจสะท้อนมูลค่าได้ดีกว่า P/E?

๓) P/BV (พี-บุ๊ก) ซุกอะไรอยู่?

-------------------------
-------------------------
 -----(เซียว จับอิดนึ้ง ภูมิใจนำเสนอ) -----
หนังสือผลงานของผู้เขียนเองครับ
มีสองเล่ม พี่น้อง ดำ - เขียว
ถ้าท่านชอบบทความที่ผมเขียน อยากมีหนังสืออ้างอิงเก็บไว้
อยากอ่านเนื้อหา+เคส เพิ่มเติม เพื่อทำความเข้าใจมากขึ้น


"หุ้นขาขึ้นรอบใหญ่" (เล่มดำ) แนะแนวทางการเทรดหุ้นแนวโน้มขาขึ้น ด้วย กราฟวีค ก็จะเน้นการดูแนวโน้มขาขึ้นด้วย price pattern จากนั้นก็รันเทรนด์ด้วยเส้นค่าเฉลี่ย จบลงที่การขายด้วย price pattern เรียกว่าครบวงจรตั้งแต่ซื้อยันขายเลยครับ อ่านเล่มเดียวจบ
อ่านสรุปหนังสือ หุ้นขาขึ้นรอบใหญ่ที่นี่

ส่วน "หุ้นซิ่ง สวิงเทรด" (เล่มเขียว) แนะแนวทางการเทรดหุ้นแนวโน้มขาขึ้นด้วยกราฟรายวัน เล่มนี้จะเน้นการดูแท่งเทียน เอามาใช้ในการหาสัญญาณต้นเทรนด์ของขาขึ้น ซื้อหุ้นแบบ buying strength, buy weakness รันเทรนด์ด้วยเส้นค่าเฉลี่ย 10,20,50, 100, 200 วัน ขายหุ้นออกด้วย selling into strength, selling weakness ครบวงจรเช่นกัน
อ่านสรุปหนังสือ หุ้นซิ่งสวิงเทรด ที่นี่

ถ้าให้เทียบความต่างของทั้งสองเล่มนะ
เล่มดำเป็นการเขียนถึงภาพรวม ภาคทฤษฎี
ส่วนเล่มเขียว เป็นการเจาะลึก เน้นเคส เป็นภาคปฏิบัติ

อ่านจบสองเล่ม ท่านสามารถเดาใจผมได้หมด ว่าเทรดยังไง
เพราะมันเป็นการกลั่นออกมาจากประสบการณ์และมุมมองของผมเอง

สนใจติดต่อสั่งซื้อหนังสือหุ้นทั้งสองเล่ม
ส่งข้อความไปที่เพจ Zyo Books : facebook.com/zyoboooks


ส่วน eBook มีขายที่เว็บ mebmarket.com เท่านั้นครับ
รายละเอียด คลิกที่ชื่อหนังสือเลยครับ
หุ้นขาขึ้นรอบใหญ่

------(ขอบคุณครับ)-----

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

เพื่อที่จะประสบความสำเร็จในการเทรดหุ้น คุณไม่ต้องรอบรู้ไม่ต้องเก่งทุกเรื่องและทุกอย่างหรอก ทำแค่ 7 เรื่องนี้ให้ได้ก็พอ....

ดูยังไงว่าเป็น Cup with Handle pattern?

อธิบาย Wyckoff Accumulation Phase แบบละเอียดยิบ

ศาสตร์และศิลปะของการปั้นพอร์ต ให้เติบโตสม่ำเสมอ Art & Science of Trading