ทำไม PLTR มีศักยภาพที่จะเป็น true market leade

Image
เคล็ดลึกเทรดหุ้น True Market Leader จำหน่ายที่ https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTk5MjQzNSI7czo3OiJib29rX2lkIjtpOjM2MTk3ODt9 Randy Opper : “ผมยังเชื่อว่า PLTR เป็นผู้นำตลาดที่แท้จริง เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งรีบร้อนที่จะขายหุ้นตัวนี้ออกไป” สรุปและอธิบายแบบเข้าใจง่ายสำหรับนักเทรดมือใหม่: PLTR คืออะไร? เป็นชื่อย่อของหุ้นบริษัท Palantir ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ บริษัทนี้ทำงานเกี่ยวกับการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ซึ่งหลายองค์กรระดับโลกใช้งาน Randy กำลังบอกอะไร? เขากำลังเตือนนักลงทุนว่า อย่าเพิ่งตัดสินใจขายหุ้น PLTR แบบรีบร้อน เพราะเขายังเชื่อว่าบริษัทนี้ มีศักยภาพในระยะยาว และเป็น "ผู้นำตลาด" หรือ Market Leader ในกลุ่มของมัน สำหรับนักเทรดมือใหม่ควรคิดอย่างไร? ไม่ควรตัดสินใจจากแค่ราคาขึ้นหรือลงในระยะสั้น ควรศึกษาธุรกิจของบริษัทที่เราลงทุนให้ดีว่าเขามีศักยภาพระยะยาวไหม ฟังความคิดเห็นจากผู้มีประสบการณ์ เช่น Randy ได้ แต่อย่าลืมวิเคราะห์ด้วยตัวเองด้วยนะ ข้อคิดที่ได้: "การเทรดไม่ใช่...

เพิ่งซื้อหุ้นซิ่งไป ดีมากครับ อีกเล่มเนื้อหายังไงครับ?

นานๆจะมีคนชมหนังสือ ขอโพสต์อวดเสียหน่อย
ขออนุญาตคุณ Satit นะครับ
ท่านบอกว่า "เพิ่งซื้อหุ้นซิ่งไป ดีมากครับ อีกเล่มเนื้อหายังไงครับ?"


โดย "หุ้นซิ่ง" ที่ท่านว่าก็คือเล่มนี้ครับ

ท่านประทับใจมาก เลยอยากรู้เนื้อหาของอีกเล่ม
นั่นก็คือ เล่มแรกที่ผมเขียน "หุ้นขาขึ้นรอบใหญ่"

ผมก็ได้อธิบายไปอย่างคร่าวๆ แต่เร่าร้อนเพราะ mesenger มันจำกัด ดังนี้
ผมเขียนให้เห็นภาพใหญ่ครับ ตั้งแต่สาเหตุที่ทำให้หุ้นเป็นขาขึ้น โดย smart money, สภาพดัชนี, จากนั้นก็เป็นต้นเทรนด์ของขาขึ้นตั้งแต่ bottom pattern และ wyckoff accumulation จนถึงระดับ 52 week high - all time high จากนั้นเป็นจุดซื้อระหว่างขาขึ้น เป็น continuation pattern ต่างๆ แล้วก็เป็นเรื่องของการ stop loss ครับ สุดท้ายเป็นการ take profit แบบต่างๆครับ

ลายตามั้ย?
งั้นคัดแยกใหม่

Main idea ของเล่มนี้ ก็คือ "ซื้อแพงเพื่อไปขายในราคาที่แพงกว่า" หรือ "Buy High, Sell Higher" ครับ โดยจะเอาแนวคิดจากกราฟที่ว่านั้นไปรับใช้ไอเดียนี้

ที่มาของกราฟ, ก็ได้ใช้หลักคิดของสองไอดอลระดับตำนานมาเป็นกระดูกสันหลัง คือ
ปู่ Stan Weinstien กับ Richard D. Wyckoff

ทั้งคู่เขียนถึง "วงรอบหรือวัฎจักรของราคาหุ้น" เหมือนกัน
โดยผมชอบแนวคิด Wyckoff Logic ที่อธิบายเกี่ยวกับ demand/supply, การสะสมหุ้นและแจกจ่ายได้ดี
ส่วน Weinstien ก็ประทับใจการเอาเส้นค่าเฉลี่ยมาช่วยแยกระยะสะสม ขาขึ้น และ แจกจ่าย ให้เข้าใจง่ายขึ้น รวมทั้งมีการเอา price pattern มาช่วยระบุโซนต่ำสุดและสูงสุดได้ดี

เลยเอาความเด่นของทั้งสองฝ่ายมาใช้ร่วมกัน เพื่ออธิบายแนวทางการเล่น "หุ้นรอบใหญ่" ได้ดีขึ้น

ต่อมาก็จะเป็นสรุปทีละบทแบบสั้นๆ,
ทำไมต้องเล่นหุ้นขาขึ้นรอบใหญ่?
คำตอบง่ายๆคือ มันเป็นช่วงที่ราคาวิ่งขึ้นเร็วและแรง สร้างกำไรดี กว่าช่วงอื่นๆ
เรามาเล่นหุ้นเพื่อกำไรมิใช่เหรอ ถ้าอยากกำไรง่ายๆ ก็ต้องระบุช่วงขาขึ้นให้ได้ ซึ่งในเล่มนี้จะบอกว่าหน้าตาของหุ้นขาขึ้นเป็นยังไง, ใครเป็นเจ้าภาพทำให้เกิด, เพราะอะไร?

๑) ลักษณะของหุ้นขาขึ้น คือราคาวิ่งอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ยหรือ Magic line ที่ยกเฉียงขึ้น
๒) เจ้าภาพของการเป็นขาขึ้นคือ Smart money, ผู้ชื่นชอบการเติบโตของกำไรในอนาคต, รวมถึงสภาพตลาดที่เป็นขาขึ้น ทำให้นักลงทุนกล้าซื้อหุ้นตามสตอรี่เด็ด
๓) เหตุผลที่ Smart money สร้างแนวโน้มขาขึ้น ก็เพื่อจะไล่ราคาให้สูง จะได้ขายหุ้นในราคาแพงกว่าต้นทุนของเขามากๆ ซึ่งเขาต้องอาศัยสตอรี่กำไรโต เป็นข้อมูลสนับสนุนชักนำให้สาธารณชนเข้ามาช่วยรับหุ้นจากเขา เมื่อรู้ข่าวจากสื่อ

ทฤษฎีวัฏจักราคาหุ้น
นำเสนอแนวคิดของนักลงทุนที่มีต่อวงจรราคาหุ้นในแบบต่างๆ เพื่อให้เห็นภาพรวมของมันว่า หน้าตาหุ้นขาขึ้นเป็นยังไง ขาลงที่ไม่ควรเล่นเป็นยังไง จะได้เอาไว้กรองว่าตัวไหนน่าเล่น หรือไม่ควรแล นี่คือที่มาของภาพกราฟที่เป็นข้อสรุปนั่นแหละครับ

การอ่านกราฟเบื้องต้น
เป็นการปูพื้นให้กับมือใหม่ที่ยังไม่คุ้นเคยกับการอ่านกราฟ โดยคำถาม 14 ข้อพร้อมตำตอบที่เป็นตัวอย่าง น่าจะช่วยให้ท่านได้วิธีมองแบบง่ายๆได้ และเอาไปเป็นฐานในการทำความเข้าใจในบทต่อไปได้

จุดซื้อหุ้นที่ใช่
มีอยู่ ๒ จุดใหญ่ๆ คือ
๑) ช่วงที่ราคาเปลี่ยนเทรนด์จากสะสมเป็นขาขึ้น โดยดูการข้ามจุดสูงสุดในรอบ 200 วัน และรูปแบบ bottom pattern ที่น่าเชื่อถือ นั่นก็คือ Wyckoff accumulation, Head and shoulders bottom รวมถึง การข้ามเส้นค่าเฉลี่ย 30 สัปดาห์พร้อมวอลุ่มยืนยันขาขึ้น อีกทั้งการเกิด Breakaway gap ในช่วงต้นเทรนด์
๒) ช่วงกลางแนวโน้ม เมื่อหุ้นตั้งใจวิ่งรอบใหญ่ก็จะมีการพักเหนื่อยเป็นระยะๆเพื่อสะสมและปล่อยคนหมดใจให้ออกจากหุ้น มันจึงเกิดการ Re-accumulation ซึ่งมันก็คือการย่อเพื่อไปต่อ หรือที่เรารู้จักกันในรูปแบบ continuation pattern ไม่ว่าจะเป็นการย่อยแรงขาย, inverse head and shoulders ที่เป็นต้นตอของรูปแบบ cup with handle หรือแม้กระทั่ง breakaway gap

หุ้นซิ่ง
หุ้นที่จะวิ่งแรงๆรวดเดียวเป็นเด้ง มักจะมีการทำรูปแบบสะสมที่ยาวนาน ซึ่งมักจะมาในทรง parabolic curve หรือ base on base

The line of least resistance
เป็นการขยายความลักษณะของ "การย่อเพื่อไปต่อ" และ "การยืนยันขาขึ้น" ผ่านแนวคิดการย่อยแรงขาย ทำให้เราเห็นรูปแบบราคาที่ซ่อนอยู่ในนั้น จนเกิด pivot point ซึ่งเป็นจุดซื้อที่เสี่ยงต่ำในสายตาตำนานอย่าง Jessie Livermore และมันส่งต่อมาถึงวิลเลียม โอนีล และ มาร์ค มิเนอร์วินี ในที่สุด

การ Stop loss
เรื่องนี้ถือเป็นสิ่งที่เทรดเดอร์ทุกคนต้องรู้จัก แต่มือใหม่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับมันมากนัก เมื่อละเลย,จึงประสบกับการขาดทุนหนักกระทั่งเอาตัวไม่รอด บทนี้จึงพยายามโน้มน้าวให้ผู้อ่านเห็นความสำคัญของการรีบตัดขาดทุนให้ไว โดยเหตุผลหลักคือ ขาดทุนน้อย เอาคืนง่าย,
ถ้าอยากรวยหุ้นอย่างยั่งยืน-ต้องกำไรมากกว่าขาดทุน ควรตัดขาดทุนหุ้นที่อ่อนแอให้ไว และทนรวยกับหุ้นที่ผลงานดีเพื่อกินกำไรให้มากที่สุด

การทนรวย
เมื่อกล้า stop loss แล้ว จะรวยได้คุณต้องกล้าทนถือหุ้นให้กำไรเยอะๆ เพื่อให้เกิดกำไรสุทธิสูงๆต่อรอบ เมื่อกำไรทบต้นไปเรื่อยๆ ความมั่งคั่งก็บังเกิดในเวลาไม่นาน แนวคิดในการทนรวยก็คือการเอาหลักคิดเกี่ยวกับนิสัยของช่วงขาขึ้นมาใช้ นั่นคือ ตอนที่หุ้นเป็นขาขึ้น ราคาจะยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 30 สัปดาห์ หรือ Magic line ของมัน จนกว่าจะจบรอบ ก็คือตัดเส้นค่าเฉลี่ยนั้นลงไป เราจึงใช้เส้น Magic line นี้เพื่อเป็นไกด์ให้เราทนไปจนสิ้นแนวโน้ม ถ้าไม่หลุดก็ไม่ขาย

การ Take Profit
จุดขายที่ใช่นั้น, มีหลายรูปแบบ แน่นอน Wyckoff Distribution อธิบายได้ดีมาก อีกทั้งรูปแบบของ top pattern อย่าง Head and shoulders top, triple top, double top ก็ช่วยได้ หรือแม้กระทั่งคนที่ใจร้อนก็สามารถยึดเส้น trendline เพื่อช่วยให้ทำกำไรเฉพาะช่วงที่ราคาหุ้นมีโมเมนตัมดีที่สุด แต่ถ้าใครที่ใจเย็นก็สามารถใช้แนวทาง trailing stop มาช่วยก็ได้

เป็นสรุปที่ผมเอามาจากนี่ครับ https://www.zyo71.com/2017/09/blog-post_7.html


และนี่ก็เป็นรีวิวที่เว็บ investing.in.th ได้ทำไว้ให้ https://www.investing.in.th/content/16896/%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B8%AD-%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B9%88

ต้องบอกเลยว่า ท่านควรอ่านอย่างยิ่งครับ เพราะอารมณ์มันคล้ายกัน
เพียงแต่ว่า ผมได้อธิบายลงรายละเอียดภาพกว้างมากกว่า ครอบคลุมมากกว่า
ผมเทียบความต่างของสองเล่มไว้ว่า
เล่มดำ "หุ้นขาขึ้นรอบใหญ่" เป็นเหมือนภาคทฤษฎี
ส่วนเล่มเขียว "หุ้นซิ่ง สวิงเทรด" เป็นภาคปฏิบัติ นั่นเองครับ



ถ้าสนใจมาก นี่แหละคือสิ่งที่ฉันต้องการ ซื้อได้ที่ไหน?
ที่เดิมครับ ส่งข้อความไปที่เพจ Zyo Books : facebook.com/zyoboooks


ส่วน eBook มีขายที่เว็บ mebmarket.com เท่านั้นครับ
รายละเอียด คลิกที่ชื่อหนังสือเลยครับ
หุ้นขาขึ้นรอบใหญ่

------(ขอบคุณครับ)-----

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

เส้นทางการเทรดและวิธีเทรดปั้นพอร์ต 100% ++ ของ Leoš Mikulka

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

VCP (Volatility Contraction Pattern) และรูปแบบที่คล้ายกัน

รวมบทความที่เกี่ยวกับ Gap หุ้น & ทฤษฎี Gap หุ้น

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

วิธีการอ่านสัญญาณแท่งเทียน (Candlesticks Reading) สำหรับมือใหม่