เล่นหุ้นตามฝูง ไม่รุ่ง มีแต่เจ๊ง?

Image
" การเล่นหุ้นตามฝูงชน " มักจะเป็นหนึ่งในสาเหตุที่จะทำให้นักเทรดขาดทุนยับเยิน ถ้าได้ไปอ่านเว็บต่างประเทศ ก็ไม่ว่าจากแหล่งไหน ก็บอกตรงกัน ยิ่งนักลงทุนสายวีไอ ยิ่งแล้วใหญ่ พวกเขาชอบใช้ความบ้าคลั่งของฝูงชนเป็น "อินดิเคเตอร์" ซื้อขาย "ซื้อเมื่อเลือดไหลนองวอลสตรีท" และ"ขายเมื่อฝูงชนบ้าคลั่ง" เขาพูดกันถึงขนาดนี้เลย บ้านเราก็มีกูรูเทพอย่างคุณวิชับ จาวลา เจ้าของ " ทฤษฎีผลประโยชน์ " ท่านบอกว่า " Mass ผิดเสมอ " คนส่วนมากมักขาดทุน มีแต่คนส่วนน้อยเท่านั้นที่กำไร ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น? มีตัวอย่างคลาสสิคหนึ่งที่ชี้ให้เห็นโทษ ท่านเคยได้ยินชื่อ " นิโคลาส ดาร์วาส " กันมั้ยครับ? เขาเป็นหนึ่งในตำนานนักเทรดที่ทำเงินมหาศาลจากตลาดหุ้น เจ้าของ "ทฤษฎีกล่อง" นั่นเองครับ ท่านสามารถอ่านได้จากบทความ  Nicolas Darvas Trading System  ครับ ก่อนที่ทวดดาร์วาส จะประสบความสำเร็จจากตลาดหุ้น ก็เจอพิษของการ " เล่นหุ้นตามผูงชน " มาอย่างน้อยสองครั้ง ครั้งแรก หลังจากที่ได้กำไรหุ้นอย่างฟลุคๆ ก็เข้ามาเล่นหุ้นในตลาด

หนังสือหุ้นที่ปล่อยของแบบไม่กั๊ก


ปล่อยของแบบไม่กั๊ก
ขอบคุณทุกคำชมหนังสือและคำฝากมาถึงผู้เขียนนะครับ
พอดีคุณแป๋มเธอบ้ายอมาก พอแฟนหนังสือคุยชมที่เพจ Zyo Books :  facebook.com/zyobooks หน่อยก็รีบแค็ปหน้าจอมาให้ผมทันที
ว่างๆก็เลยลองไล่เรียงอ่านรีวิวจากผู้อ่าน จึงไปสะดุดกับคำหนึงที่อยากเอามาอธิบายเหตุผลให้ทราบทั่วกัน
คือประโยคทำนองว่า "ปล่อยของแบบไม่กั๊กเลย"

เออนั่นสิ...ทำไมผมถึงไม่กั๊กความรู้กับท่าน?
๑) ผมคิดว่าท่านมีน้ำใจกับผมมากน่ะสิครับ
ท่านกล้าสั่งซื้อหนังสือออนไลน์ที่ facebook.com/zyobooks กับคนที่ท่านไม่รู้จัก หนังสือที่ท่านไม่เคยแม้แต่จะพลิกอ่าน แล้วยอมจ่ายเงินไปก่อน เพื่อรอลุ้นว่าของจะได้หรือเปล่า (แต่คุณแป๋มก็ทำหน้าที่ได้ดี เป็นมืออาชีพ ไม่มีตกบกพร่องเลยนะครับ ไว้ใจเธอได้)

แบบนี้ ผมว่าหัวจิตหัวใจของท่านยิ่งใหญ่มาก
ท่านคิดดู...คนติดตามเฟสผมเกือบสองหมื่น แต่ท่านเป็นคนส่วนน้อย ไม่ถึง 10% ที่ยอมเสียตังค์สนับสนุนผลงานของผมแบบไม่คิดมากเนี่ย น้ำใจท่านท่านสุดยอดมาก ขอกราบคารวะมา ณ ที่นี้

ด้วยเหตุนี้ผมจึงต้องตอบแทนท่านด้วยการแชร์ความรู้ทั้งหมดเท่าที่ผมทุ่มศึกษามาส่งต่อไปให้ท่านมากที่สุดเท่าที่จะสามารถให้ได้
จะกั๊กทำไมกับคนที่มีน้ำใจกับเราแบบนี้

ปล. แค่ท่านแวะเข้ามาชมเฟส อ่านบล็อก แชร์งาน ผมก็นึกนิยมท่านอยู่ในใจเช่นกันนะครับ ถ้าไม่มีท่านคอยสนับสนุน like share ผมก็คงไม่มีวันนี้เช่นกัน

๒) ผมเชื่อว่าในโลกของการเทรด มันไม่มีสูตรสำเร็จ หรือ holy grail
คือความรู้ที่ผมแชร์ไป ไม่ว่าจะผ่านหนังสือเล่ม หรือบทความออนไลน์ มันเป็นแค่ Data สำหรับท่านเท่านั้นเอง ซึ่งมันไม่มีทางเอาไปใส่ถ้วยเติมน้ำร้อนแล้วเทรดรวยเลยแบบบะหมี่กึงสำเร็จรูปหรอกนะ

ท่านยังต้องมีงาน ยังมีขั้นตอนที่คุณต้องเอาไปเวิร์คต่ออีกหลายสเต็ป
ดังนั้นเนื้อหาที่ผมเอาไปใส่ในหนังสือ จึงมีทั้งภาคที่เป็นทฤษฎี และเผื่อทางหนีให้ท่านด้วย(ซึ่งตรงนี้แหละที่ท่านบอกว่าผมไม่กั๊ก)
เพราะจากประสบการณ์เทรดจริงเจ็บจริงของผม มันไม่มีอะไรสำเร็จรูปจริงๆ ตอนนี้ผมเชื่อว่าการเทรดคือการบริหารจัดการกับ "#ความน่าจะเป็น" เราคาดอนาคตไม่ได้ ดังนั้นจึงต้องใช้อดีตมาเป็นข้อมูลอย่างมี bias ซึ่งอนาคตก็อาจจะไม่เป็นไปอย่างที่เราคิดก็ได้
ดังนั้นสิ่งที่เราควรทำก็คือ มี scenario ดักเอาไว้หลายๆทาง เพื่อที่เราจะได้ลงมือถูกต้องตามแผนเมื่อเหตุการณ์เลือกทางแล้ว

ดังนั้น ผมคิดว่าถ้าให้ต้องฟันธงว่าไอเดียผมมันเป๊ะสุดยอด ไม่ผิดเลย ไม่เผื่อทางหนีให้บ้าง ก็ถือว่าผมได้ทรยศตัวเอง และเอาเปรียบท่านอย่างแรง
ในหนังสือผมจะออกตัวเสมอว่า อย่าเชื่อผมมาก ท่านต้องคิดต่อนะ นี่เป็นแค่ไอเดีย อาจจะไม่เป็นไปในทางบวกก็ได้ ผิดทางก็หนีก่อน

ที่สำคัญเลย ผมต้องสารภาพกับท่านตรงๆเลยว่า การวิเคราะห์หลังเกมส์น่ะ จะลาก จะชี้ จะเฉลยอะไร มันก็ถูก มันเทพไปหมดแหละ
ซึ่งคนละเรื่องกับหน้างานเลย เพราะว่าท่านลงเงินจริงไปแล้ว ก็ต้องพะวงกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น ซึ่งเดาไม่ถูก
ตรงนี้แหละครับ ที่ scenario และ การมองเรื่องเทรดเป็นเกมความน่าจะเป็น จึงสำคัญกว่าการจำเพื่อนำไปใช้ทั้งดุ้น

๓) ผมก็เม่า
นี่สำคัญ หากท่านอ่านงานผม ก็น่าจะจับสังเกตได้ว่า มันอ่านง่าย เข้าใจง่าย เพราะผมเป็นเม่าไง ผมยังเดินดินกินข้าวแกงเหมือนๆท่าน ดังนั้นภาษาที่ผมใช้ มุมมองที่ผมฉาย มันก็เลยเป็นภาษาเดียวกับพวกท่าน ผมเจออะไรก็บอกท่านไปในภาษาที่ท่านไม่ต้องตีความมากมาย

เม่าคุยกับเม่า มันย่อมเข้าใจกันง่ายกว่ากูรูสอนเม่าอยู่แล้วครับ

แต่ก็นั่นแหละ จุดอ่อนของผมก็คือมี focus group ที่แน่นอนก็คือคนที่มีพื้นฐานเทคนิคอลมาบ้าง
ผิดกับกูรูที่เขาต้องหว่านให้ได้ทุกกลุ่ม ซึ่งก็อาจจะทำให้เขาต้องใช้ภาษาที่ไม่เหมือนเม่า(ผมคิดว่านะ) เพราะต้องรักษาภาพของตัวเองไว้

๔) เส้นทางต่อไปก็คือ mindset
หนังสือสองเล่มของผม มันเป็น method ล้วนๆเลยครับ ซึ่งผมคิดว่ามันยังไม่ครบองค์ประกอบของเส้นทางการเป็นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จ ยังมีอีกเรื่องที่ผมอยากเขียนมาก และกำลังรวบรวมอยู่อย่างกระตือรือร้น นั่นก็คือ mindset ครับ

ซึ่งนี่แหละที่ผมคิดว่าเป็นเรื่องใหญ่กว่ามาก และมันน่าจะเป็นการเปิดอีกมุมของการเทรดให้พวกเราได้รู้กัน ตั้งแต่เดือนที่แล้วเป็นต้นมา ท่านก็น่าจะผ่านตากับโพสต์ที่ไม่เกี่ยวกับเทคนิคอลมาหลายอัน ซึ่งยาวมาก นั่นแหละครับคือสิ่งที่ผมอยากจะนำเสนอ ก็ไม่สนนะว่าท่านจะอ่านหรือเปล่า แต่จากนี้ไปผมมีบทความส่วนนี้มาให้ท่านอ่านตาแฉะแน่นอน

ที่ผมเริ่มให้ความสนใจกับ mindset อย่างจริงจัง เพราะเริ่มคิดว่าแค่เทคนิคการอ่านตลาด(ภายนอก)ไม่พอ มันต้องรู้ใจ(ภายใน)ตัวเองด้วย ซึ่งในหนังสือเทรดส่วนใหญ่ไม่ค่อยให้ความสำคัญ หรือให้รายละเอียดกับมันน้อยไปหน่อย บางเล่มที่มีก็คัดลอกจากตำราเรียนหรืองานวิจัยไปเลย ซึ่งผมคิดว่าอ่านไม่เข้าใจแม้แต่นิด

ด้วยความอยากรู้ มันจึงนำพาผมไปเจอบทความต่างประเทศที่เขาให้ความสนใจและเจาะลึกในเรื่อง mindset ในหลายมิติอย่างจริงจัง ผมก็ได้ทยอยแปลเก็บไว้ และหาหนังสือแปลภาษไทยที่เกี่ยวข้องมาอ่านเพื่อเป็นข้อมูลเสริมด้วย เดี๋ยวจะทยอยเอามาลงให้ท่านอ่านไปเรื่อยๆ จนกว่าจะพอใจ(ของผม)กันเลยทีเดียว



ก็มีเรื่องจะโม้แค่นี้ครับ
ใครสนใจหนังสือ ก็ยังมีขายอยู่นะครับ ติดต่อไปที่เพจ Zyo Books : facebook.com/zyobooks ได้ครับ คุณแป๋มเธอ standby รอท่านตลอดเวลาทำการ
ขอบคุณทุกการสนับสนุนครับ ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อมก็ตาม


-------------------------------------------
----------------------
----------------------

ทำไมใครๆต่างบอกว่าหนังสือทั้งสองเล่มเป็นการปล่อยของแบบไม่กั๊ก?
สนใจติดต่อสั่งซื้อหนังสือทั้งสองเล่ม

"ส่งข้อความ" สั่งได้ที่เพจ zyobooks : facebook.com/zyobooks ครับ

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

อธิบาย Wyckoff Accumulation Phase แบบละเอียดยิบ

เล่นหุ้นตามฝูง ไม่รุ่ง มีแต่เจ๊ง?

กลยุทธ์ และสไตล์การเทรดของ ปู่ William O’Neil

วิธีการอ่านสัญญาณแท่งเทียน (Candlesticks Reading) สำหรับมือใหม่

เส้น EMA ที่เทรดเดอร์เทพนิยมใช้