เหตุใดเราจึงควรใส่ใจเกี่ยวกับแง่มุมทางจิตของการเทรด?

Image
เหตุใดเราจึงควรใส่ใจเกี่ยวกับแง่มุมทางจิตของการเทรด?  Dr. Van K. Tharp พูดเสมอว่า “นักเทรดไม่เทรดตามที่ตลาดเป็นหรอก  แต่พวกเขาเทรดตามความเชื่อของพวกเขา”   เรื่องนี้ผมเห็นด้วยอย่างสมบูรณ์   ความเชื่อของผมมีดังนี้:  1) นักเทรดที่ประสบความสำเร็จมีกลไกการซื้อ/ขายที่สมเหตุสมผลและช่วยให้เขาลงมือตามสัญญาณได้ทันที   2) นักเทรดที่ประสบความสำเร็จมีแนวทางที่สมเหตุสมผลในการกำหนด Position Size ของเขาอย่างเป็นระบบ ซึ่งช่วยลดความน่าจะเป็นที่จะถูกทำลาย   3) นักเทรดที่ประสบความสำเร็จมีกลยุทธ์ที่ช่วยลด Drawdown ของ Equity Curve เพื่อทำให้เขาเครียดน้อยลง   4) ตลาดจะเปลี่ยนแปลงเสมอ มันจะขึ้น, ลง, และไซด์เวย์ 5) การลอกกลยุทธ์คนอื่นมาใช้ทั้งดุ้น มักจะไม่เวิร์ค  การสร้างกลยุทธ์หรือพัฒนากลยุทธ์ที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณคือแนวทางที่มีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่า 6) ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบในการเทรด   7) ตลาดจะทำในสิ่งที่มันอยากจะทำ - Tom Basso จากหนังสือ The All-Weather Trader

รวมเทคนิคการใช้ RSI Overbought ให้ได้หุ้นซิ่ง

รวมเทคนิคการใช้
RSI Overbought
ให้ได้หุ้นซิ่ง


ช่วงหนึ่งในอดีตเคยเขียนบทความเกี่ยวกับ RSI เอาไว้ ที่มาก็คืออยากหาต้นเทรนด์ของหุ้นซิ่งนั่นแหละ โดยช่วงแรกๆ ผมไปเน้นที่อินดิเคเตอร์เสียทั้งหมด ผลคือ "ดูย้อนหลัง ชี้ตรงไหนก็ถูก" พอไปเทรดจริง ก็ เจ็บหนัก เพราะ follow buy ที่ปลายดอยเกือบทุกครั้ง จากนั้นจึงให้ความสนใจเรื่อง "ฐานราคา" มากกว่าครับ

แต่ไหนๆก็ทำไว้แล้ว จึงเอามารวบรวมให้ท่านอ่านกันอีกครั้ง
ก็แนะให้อ่านเพลินๆ ฆ่าเวลาไป อย่าไปจริงจังมาก
แต่ถ้าจะเอาจริง ต้องไปสร้างกฎเพิ่มด้วยนะครับ โดยเฉพาะ stop loss



RSI กับการ Breakout(ของฝรั่ง)
RSI กับการพยายามทะลุกรอบ sideway
ที่มา tradeology.com/rsimethod.html
ถ้า RSI ทะลุ 70 ขึ้นไปได้ แต่ราคาไม่สามารถทะลุแนวต้านขึ้นไปได้ ราคาก็จะถูกตบลงกลับไปวิ่งในกรอบเดิม

แต่หาก RSI ทะลุ 70 ขึ้นไปได้ และราคาก็ทะลุแนวต้านขึ้นไปทำนิวไฮได้ จะเป็นการเริ่มเทรนด์ที่แข็งแกร่ง

เมื่อราคาพักตัว RSI ลงไปจนหลุด 30 แต่ว่าราคาไม่หลุดโลว์เดิมที่ทำไว้ แสดงว่าราคาจะยังคงวิ่งต่อไปในแนวโน้มขาขึ้นนั้นต่อไป

ต่อมาเมื่อราคาวิ่งกลับขึ้นไปจนสามารถทำระดับสูงกว่ายอดล่าสุดได้+ราคาทะลุแนวต้านขึ้นไปทำนิวไฮได้ เป็นการยืนยันว่าเทรนด์ขาขึ้นยังไปต่อ



RSI ทะลุ 70 ได้ เป็นตัวยืนยันการ breakout
ที่มา dailyfx.com/
เมื่อราคาเบรคแนวต้านขึ้นไปทำนิวไฮได้ RSI มักจะขึ้นไปทะลุ 70 ได้ เป็นการสื่อว่าโมเมนตัมเพิ่มขึ้น


การจับจุดให้ได้ว่าแบบไหน breakout จริง แบบไหนหลอก
ที่มา tradersnest.com/blog/breakout-fakeout-spot-difference/
1) ดูแท่งเทียน ถ้าราคาปิดเหนือระดับแนวต้านได้ ก็น่าตาม แต่ก็ยังไม่น่าเชื่อถือสักเท่าไหร่หรอกนะ

2) เมื่อราคาขึ้นไปเล่นเหนือต้านได้แล้ว รอดูตอนมันพักตัว มันต้องทำตามสูตรคือ ราคาไม่หลุดต้านที่มันเพิ่งผ่านมาได้ เจอแล้วต้องเด้ง

3) มองหาแท่งเทียนเขียวยาว เพราะมันแสดงถึงโมเมนตัมที่มีพลังอยู่เบื้องหลังการ breakout
จากนั้นให้ดู RSI ถ้าราคาวิ่งขึ้น RSI ก็วิ่งขึ้นไปในทิศทางเดียวกัน ถือว่าใช่



วิธีวัดความแกร่งของการ breakout
ที่มา babypips.com
เมื่อราคาวิ่งมาได้สักระยะหนึ่งมันก็พักตัว สิ่งที่เราคาดเดาเกี่ยวกับอนาคตของมันคือ วิ่งขึ้นต่อต้วยการ breakout ทำนิวไฮ หรือ วิ่งกลับทิศเป็นลง


จะมีเครื่องมือที่ช่วยคอนเฟิร์มการ breakout ที่แจ่มๆ บ้างมั้ย?
ความจริงแล้ว มันก็มีสองวิธีนะ คือ
1) ใช้ MACD histogram ยิ่งเนินสูงใหญ่เท่าไหร่แสดงว่าโมเมนตัมยิ่งแรง
ตัวนี้ใช้จับสัญญาณการกลับตัวได้ โดยดูที่ยอด histogram ถ้าราคาทำนิวไฮแต่ histogram เตี้ยกว่าเดิม แสดงว่ามีโอกาสสูง เพราโมเมนตัมอ่อนลงกว่าเดิมทั้งๆที่ราคาวิ่งไปสูงกว่าเดิม

2) ดู RSI ก็ใช้หลักการเดียวกันกับ MACD histogram นั่นแหละ เมื่อราคาทำนิวไฮขึ้นไปแต่ยอด RSI กลับเตี้ยลง ก็ให้ระวัง




ซื้อแพง overbought(RSI>70) ไปขายตอนหมดโมเมนตัม(RSI<50) 
กับซื้อถูก oversold(RSI<30) ไปขายแพง overbought(RSI>70)  แบบไหนกำไรกว่า?
ที่มา http://mangmaoclub.com/buy-strengt/

ช่วงที่หาข้อมูล buy on dip อยู่ก็ไปเจอบทความนี้ ซึ่งให้ข้อมูลได้น่าสนใจมาก เรื่องนี้ถือเป็นจุดแข็งของ mangmaoclub เลย คือ การเอาความเชื่อทางเทคนิคอลต่างๆนาๆมาทำ back test ให้เราได้เห็นว่าอะไรเป็นอะไร

บทความนี้ถือเป็นการ debate กันระหว่าง ซื้อแพงไปขายที่แพงกว่า กับซื้อถูกเพื่อไปขายแพง กันแบบกลายๆ
แน่นอนว่า คนส่วนใหญ่กลัวแบบแรก กล้าแบบหลัง
ชอบถัวขาลง มากกว่า follow buy เพราะมองว่าได้ทุนถูก เดี๋ยวพอมันเด้งกลับขึ้นไปที่ราคาเดิมนะ ฉันกำไรบานเบอะ รวยเละ

แต่จากข้อมูลในบทความนี้เขาได้ข้อสรุปว่า
คนส่วนใหญ่คิดผิด
เพราะ แม้ซื้อราคาถูก มี Winning Percentage ที่สูงถึง 64% แต่กลับ เกิดการขาดทุนสุทธิถึง -653 Pts ซึ่ง Reward to Risk Ratio โดยเฉลี่ยในแต่ละครั้งจะเท่ากับประมาณ -0.33

ส่วนแนวคิดซื้อแพง มี  Winning Percentage ที่สูงกว่าเล็กน้อยที่ 73% มิหนำยังมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1555.3 Points ซึ่ง Reward to Risk Ratio โดยเฉลี่ยในแต่ละครั้งจะเท่ากับประมาณ 2.03



ทำไมถึงเป็นแบบนี้?
การซื้อ oversold ไปขาย overbought นั้น โอเค...คุณได้ทุนถูกจริง แต่พอราคาถึงจุดได้เสีย คุณขายออกมาก่อนไง กำไรก็เลยน้อยกว่าที่ควรจะเป็น เพราะช่วงที่โมเมนตัมเข้านั้นน่ะ คุณไม่ได้เกาะไปกับมันไง
อีกอย่างคือ ใน oversold ก็ยังมี oversold กว่า ทำให้คุณต้องมีหุ้นส่วนหนึ่งของพอร์ตขาดทุนยับเยิน และยิ่งมาก็ยิ่งถ่วงพอร์ต ถ้าตลาดเน่าสนิท

นี่ยังไม่ได้นึกถึงอีตอนที่คุณอยากเอาคืนด้วยการถัวเฉลี่ยขาลงด้วยนะ โอ้โห..จะอี๊บอ๋ายได้ถึงขนาดไหน ไม่กล้าบรรยาย

แต่การซื้อที่ overbought(RSI>70) นั้น มันเป็นช่วงที่ราคาหุ้นมีโมเมนตัม พร้อมวิ่งแรงแล้วไงครับ คุณก็แค่ซื้อแล้วนั่งดูกำไรที่โตขึ้นไปเรื่อย กระทั่งมันแสดงท่าทีอ่อนแรง sideway ซึ่งจะแสดงออกผ่าน RSI ที่หักหัวลงไปหลุด 50 คุณก็ขายออก ไปเข้าตัวใหม่ที่เข้าสูตร
หมายคิดจะเอาแค่ช่วงนี้แหละ ง่ายๆ กลับมีผลตอบแทนที่ดีกว่า

----------------------------------------------------------

แจ่ม!!
หลัก Wyckoff Method 
การนับเวฟโดยการดู RSI
http://taipasaraporn.blogspot.com/2015/08/4-wyckoff-method.html





RSI กับหุ้นชุด D (หรือหุ้นซิ่ง)
โดยพี่เปี๊ยก แมงเม่าสำราญ



ปกติหุ้นชุด D นี้จะเล่นง่ายมากๆในช่วงเทศกาลของมันเท่านั้น ซึ่งในหนึ่งปีมีแค่ครั้งเดียว ถ้าไม่โลภ และรู้จักตั้ง stop loss ก็จะได้กำไรอย่างเป็นกอบเป็นกำ เพราะมันมีให้เล่นทุกวัน แต่พอหมดหน้าเทศกาลต้องเลิก เพราะราคาจะลงไปที่เดิมที่มันเคยมา

พี่เปี๊ยกบอกว่าหุ้นที่น่าสนใจมากคือตัวที่มี RSI>70 ขึ้นไป
โดย RSI 60 ไป 70 ใด้ผลตอบแทนประมาณ 3-5%
แต่ 70 ไป 80 ให้เอา 2 คูณไปเลย
80 ไป 90 ให้เอา 2 คูณช่วงที่ได้จาก 70 ไป 80
90 - 99 = Jackpot

หุ้นชุด D ตัวนำ RSI ระดับ 70, 80, 90 มักจะเกิดแรงขาย ถ้าเกิดสัญญาณขายทาง candlestick ก็ให้ขายตามไปเลย แต่ถ้าข้ามได้ในแต่ละระดับ ก็กำไรเยอะ ต้องลุ้นเอา

มีเคสที่น่าสนใจสุดๆคือ.....ตัวที่ RSI วิ่งไปเกิน 90 ได้ ตัวอย่างในคลิปนี้ มันวิ่งไปจนถึง 99 !! ซึ่งแต่ละปีจะมีแค่ตัวเดียว (ใครเจอก็ช่วยกระซิบบอกผมด้วยนะ) การเข้าซื้อในช่วงที่ RSI วิ่งจาก 90 ถึง 99 จะทำกำไรได้อย่างงาม เหมือนถูกแจ๊คพอต

มีข้อควรระวังพี่เปี๊ยกเน้นมากๆอีกข้อคือ ห้ามเล่นหุ้นชุด D ที่ RSI ต่ำๆ อย่าคิดว่าราคาถูกมากเกินไปแล้ว เพราะมันยังถูกได้อีก ได้ไม่คุ้มเสียหรอก


แถม....
The Ultimate Muathe Breakout For TIMING Powerful Stocks
สัญญาณหุ้นซิ่งแรงทะลุโลก



Eric Muathe เป็นนักเก็งกำไรที่ใช้ RSI เป็นเครื่องมือในการหาหุ้นแข็งแกร่งมาเล่น เขาชอบหุ้น Overbought ที่ RSI ทะลุ 69.10 ขึ้นไป
หุ้นที่เขาเอามาเป็นตัวอย่างมักจะวิ่งเป็นเด้งๆ

ผมว่าคนนี้แหละที่เป็นเทพในเรื่องของการใช้ RSI ที่เจอในโลกออนไลน์ วิธีคิดของเขาน่าสนใจมาก



วิธีการที่เขาบอกใน playlist นี้คือ ให้ใช้กราฟเดือนเป็นหลัก (หรือบางทีก็ใช้สัปดาห์ก็มี) สูตรที่เขากรองมีดังนี้
1. RSI นิวไฮ ในรอบ 3 ปี
2. การขึ้นของ RSI รอบนี้ทะลุ 69.10
3. ถ้า all time RSI high จะทรงพลังมากๆ
นอกจากนี้เขายังให้ดู MACD ประกอบด้วย ถ้ามันทำ new high ด้วยล่ะก็ หุ้นตัวนั้นจะวิ่งแรงหลุดโลกไปเลย


RSI Overbought จุดเปลี่ยนเทรนด์ สัญญาณแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง
(งานมโนของผมเอง ที่ backtest ด้วยอคติ เอาแต่เคสที่ชนะมานำเสนอครับ ทั้งๆที่เคสล้มเหลวมีมากมาย ดังนั้น อย่าเชื่อมาก)
จากการสังเกตหุ้นขาขึ้นที่ bullish มากๆ ส่วนใหญ่จะมีจุดเริ่มต้นที่ RSI ทะลุ 70 ขึ้นมาได้เสมอ ซึ่งการที่มันยืนเหนือ 70 ได้ ถ้าลองเช็คกราฟดูจะพบว่าวันนั้น ราคาจะทะลุจากฐานขึ้นมาทำนิวไฮในรอบนั้นๆของมัน หรือที่เขาบอกว่า flat base breakout และส่วนใหญ่ตอนที่มันทะลุขึ้น-วอลุ่มจะทะลักท่วมท้น แสดงถึงความแข็งแกร่งของการเบรค
(ถ้าใครเคยอ่านหนังสือของปู่โอนีล หรือ insider buy superstocks นี่คืออาการของหุ้นที่แสดงออกว่าจะเป็นผู้ชนะตลาด)

หุ้นผู้ชนะเหล่านี้ มักจะเคารพเส้นค่าเฉลี่ย คือ SMA หรือ EMA 10, 50 ถ้าลองเช็คดูในช่วงที่พักตัว ราคาจะลงมาแตะเส้นพวกนี้ก่อน ถ้า bullish มากๆ ก็ลงมาแตะ SMA10 ก็เด้งเลย
ตัวไหนที่

ถ้าลองสังเกตุให้ดีๆ RSI กับ SMA หรือ EMA จะมีความสัมพันธ์กัน จนบางทีสามารถใช้แทนกันได้เลย
(ในบางขณะ) ถ้าเป็นหุ้นที่ขึ้นแบบแกร่งๆโหดๆ RSI70 คือเส้น SMA10 ราคายืนเหนือ SMA10 = RSI อยู่เหนือ 70 ได้
หุ้นขาขึ้นแบบเรื่อยๆยาวๆ RSI มักจะไม่หลุด 50 หรือถ้ามีร่วงก็รีบเด้งขึ้นภายในวันสองวันเท่านั้น





เท่าที่เคยทำมาก็มีเท่านี้แหละครับ
ต้องย้ำส่งท้ายกันอีกครั้งว่า การลงทุนด้วยการใช้ RSI overbought มีความเสี่ยงมาก
อย่าไปไล่ราคาตอนที่แท่งเขียวยาวๆ เดี่ยวๆ โดยไม่ได้ breakout
ถ้ามันไม่ได้เพิ่งทะลุฐานราคาขึ้น ก็อย่าไปตามมัน เพราะเสี่ยง
ซื้อทุกครั้งต้องมี stop loss วางไว้ก่อนทุกครั้ง ว่าถ้าหากมันไม่ไปต่อจะหนีตรงไหน
ป้องกันเงินทุนของท่านไว้ก่อนครับ อย่ามองไปที่กำไร เพราะเราควบคุมมันไม่ได้
การตัดขาดทุนเมื่อเกิดความเสียหายต่างหากคืออำนาจสูงสุดของเรา

ด้วยความปรารถนาดีจากคนที่เคยผิดพลาดมาก่อน

(แนะนำ)
หากต้องการศึกษาวิธีเล่นหุ้น แนะนำให้ไปอ่านบทความฟรี คลิปฟรีที่นี่ก่อนก็ได้
เรียนเล่นหุ้น เรียนเทรด forex จิตวิทยาการเทรด มือใหม่เล่นหุ้น
คลิกลิ้งนี้ครับ https://www.zyo71.com/p/index.html เป็นสารบัญเว็บนี้ครับ







และ eBook มีขายที่เว็บ https://www.mebmarket.com/index.php?action=search_book&type=author_name&search=เซียว%20จับอิดนึ้ง&exact_keyword=1&page_no=1
แยกส่วนกันนะครับ ขายคนละเจ้า
ebook หนังสือสอนเล่นหุ้น

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

เพื่อที่จะประสบความสำเร็จในการเทรดหุ้น คุณไม่ต้องรอบรู้ไม่ต้องเก่งทุกเรื่องและทุกอย่างหรอก ทำแค่ 7 เรื่องนี้ให้ได้ก็พอ....

ดูยังไงว่าเป็น Cup with Handle pattern?

อธิบาย Wyckoff Accumulation Phase แบบละเอียดยิบ

ศาสตร์และศิลปะของการปั้นพอร์ต ให้เติบโตสม่ำเสมอ Art & Science of Trading