จังหวะพักตัว: พื้นที่แห่งโอกาสของนักสวิงเทรด

"จังหวะพักตัว: พื้นที่แห่งโอกาสของนักสวิงเทรด" สนับสนุนโดย อีบุ๊ค "เคล็ดลึก สวิงเทรด ให้ได้กำไรสม่ำเสมอ"   https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTk5MjQzNSI7czo3OiJib29rX2lkIjtpOjMzNjYyMjt9 ในโลกของการเทรด การเคลื่อนไหวของตลาดไม่ได้มีแต่เส้นทางที่ราบรื่น หลังจากราคาขึ้นอย่างต่อเนื่อง (leg up) ตลาดมักจะเข้าสู่ช่วงพักตัว (pullback) หรือการแกว่งตัวแบบไร้ทิศทางชัดเจน (chop and slop) ซึ่งแม้ว่าจะดูเหมือนช่วงเวลาที่ตลาดไม่มีความแน่นอน แต่นี่คือพื้นที่ที่เต็มไปด้วยโอกาสสำหรับนักเทรดสายสวิงที่มีสายตาแหลมคม จังหวะพักตัวคือช่วงเวลาที่ตลาดปรับสมดุล ทดสอบแรงสนับสนุนและแรงต้าน การสังเกตจังหวะนี้อย่างใกล้ชิดช่วยให้นักเทรดมองเห็นรูปแบบที่สามารถนำไปสู่โอกาสการเทรดที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อราคาหุ้นหรือสินทรัพย์เคลื่อนไหวสอดคล้องกับดัชนี (index) และอาจนำหน้าดัชนีในบางจุด เคล็ดลับจากยอดนักสวิงเทรดการมองรอบราคาตลาด 1. ดูรอบของดัชนีตลาด (Price Cycle): การทำความเข้าใจว่าดัชนีอยู่ในช่วงไหนของวัฏจักรราคา เช่น ช่วงขาขึ้น ช่วงพักตั...

เขาเทรดรวยด้วยกลยุทธ์จับจุดต่ำสุด ซื้อจุดต่ำสุด - ขายที่จุดสูงสุด

 เขาเทรดรวยด้วยกลยุทธ์จับจุดต่ำสุด ซื้อจุดต่ำสุด - ขายที่จุดสูงสุด


ผมเป็นสวิงเทรดเดอร์มาโดยตลอด หมายความว่าผมเชื่อว่าวิธีคิดทำเงินที่ดีที่สุดก็คือการทำที่จุดกลับตัวของตลาด ทุกๆ คนพูดว่า คุณตายแน่ถ้าคุณพยายามที่จับจังหวะสูงสุดหรือต่ำสุด และคุณจะทำเงินทั้งหมดได้ด้วยการจับในระหว่างกึ่งกลางของแนวโน้ม

.

เป็นเวลา 12 ปี ที่ผมมักจะพลาดการจับตลาดตรงกลางไปเสมอ แต่ผมสามารถที่จะจับจุดต่ำสุดหรือสูงสุดได้อย่างมากมาย

.

ถ้าคุณเป็นพวกตามแนวโน้มที่พยายามจะทำกำไรในช่วงกลางของการเคลื่อนไหว คุณก็จะต้องมีจุดตัดขาดทุนที่กว้างมาก ผมไม่สบายใจที่จะทำแบบนั้น และนอกจากนั้นแนวโน้มของตลาดก็เกิดขึ้นเพียง 15% ของช่วงเวลาทั้งหมด ในช่วงเวลาที่เหลือนั้นพวกมันจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบ

.

๑) ความสนุกของการอ่านหนังสือ Market Wizards คือการได้รู้ว่าจริงว่า ไม่ว่ากลยุทธ์ไหนก็ทำเงินได้ทั้งนั้น ไม่มีกลยุทธ์ไหนที่สุดยอดที่สุด มีแต่เหมาะสมกับจริต และความเชี่ยวชาญรู้ลึกรู้จริง รู้จุดอ่อนแล้วหาแนวทางไปปิดจุดบกพร่อมนั้น (เปิดโลกจากกะลาอย่างแท้จริง การบอกว่ากลยุทธ์นั้นกลยุทธ์นี้ดีที่สุดในโลก มันน่าอายและหน้าโง่มาก ๆ)

.

๒) Paul Tudor Jones และกลยุทธ์โมเมนตัม

หนึ่งในกลยุทธ์ที่โจนส์ใช้อย่างกว้างขวางคือกลยุทธ์การซื้อขายแบบโมเมนตัม

.

การเทรดแบบโมเมนตัมเป็นกลยุทธ์ที่เกี่ยวข้องกับการมองหาหุ้นที่เพิ่งประสบกับราคาที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างมาก จากนั้นทำการซื้อขายเพื่อใช้ประโยชน์จากโมเมนตัมของการเคลื่อนไหว โจนส์เชื่อว่าการใช้ประโยชน์จากโมเมนตัมเหล่านี้ทำให้เขาสามารถสร้างผลกำไรที่สม่ำเสมอเมื่อเวลาผ่านไป

.

เพื่อระบุการซื้อขายโมเมนตัม โจนส์จะวิเคราะห์ตัวบ่งชี้ต่างๆ ที่หลากหลาย เช่น โมเมนตัมราคา ปริมาณ ดัชนีความแข็งแกร่งสัมพัทธ์ (RSI) และค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่คอนเวอร์เจนซ์ไดเวอร์เจนซ์ (MACD) เขาจะดูข่าวและเหตุการณ์อื่น ๆ ที่อาจส่งผลต่อราคาหุ้น

.

เมื่อเขาระบุการซื้อขายโมเมนตัมได้แล้ว โจนส์จะเข้าสู่ตำแหน่งด้วยคำสั่งหยุดการขาดทุน คำสั่งนี้จะปกป้องเขาจากการขาดทุนจำนวนมากในการซื้อขายหากราคาหุ้นกลับตัวแน่นอน จากนั้นเขาจะมองหาการออกจากตำแหน่งที่มีกำไรเมื่อราคาหุ้นกลับสู่ระดับที่มีเสถียรภาพมากขึ้น

.

แนวทางของ Paul Tudor Jones ในการเทรดด้วยโมเมนตัมมีลักษณะเฉพาะคือวินัย การบริหารความเสี่ยง และความสามารถในการใช้ประโยชน์จากโอกาสในทุกสภาวะตลาด เขาเชื่อว่าการทำตามกลยุทธ์นี้ทำให้เขาสามารถสร้างผลกำไรที่สม่ำเสมอเมื่อเวลาผ่านไป

.

๓) กลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงของ Paul Tudor Jones

Paul Tudor Jones เป็นนักลงทุนในตำนานที่มีชื่อเสียงในด้านความสามารถในการสร้างผลกำไรที่สม่ำเสมอผ่านการผสมผสานกลยุทธ์การซื้อขายที่แตกต่างกัน หนึ่งในองค์ประกอบหลักของแนวทางการลงทุนของเขาคือการบริหารความเสี่ยง และเขาใช้กลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงที่หลากหลายเพื่อเพิ่มผลกำไรสูงสุดและลดการขาดทุนให้น้อยที่สุด

.

หนึ่งในกลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงหลักที่โจนส์ใช้คือการใช้คำสั่งหยุดการขาดทุน คำสั่งหยุดการขาดทุนคือคำสั่งขายหุ้นในราคาหนึ่งเพื่อจำกัดการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นจากการเทรด สิ่งนี้ทำให้โจนส์จำกัดการขาดทุนในกรณีที่ราคากลับตัว นอกจากนี้เขายังจะใช้คำสั่งหยุดการขาดทุนเพื่อปกป้องผลกำไรของเขาจากการค้าขาย

.

กลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงอีกอย่างหนึ่งที่โจนส์ใช้คือการใช้ทางเลือก ออปชันช่วยให้นักลงทุนซื้อสิทธิ์ในการซื้อหรือขายหุ้นในราคาที่กำหนดได้ในภายหลัง สิ่งนี้ทำให้โจนส์สามารถใช้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวของราคาระยะสั้นในตลาดในขณะที่จำกัดความเสี่ยงของเขา

.

โจนส์ยังเชื่อในการกระจายความเสี่ยงอย่างมาก เขาเชื่อว่าการกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์ประเภทต่างๆ ทำให้เขาสามารถจำกัดความเสี่ยงโดยรวมของเขาได้ เขาทำเช่นนี้โดยการลงทุนในหุ้น พันธบัตร สินค้าโภคภัณฑ์ อสังหาริมทรัพย์ และการลงทุนอื่นๆ

..

๔) Paul Tudor Jones ใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิค

การวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นวิธีการวิเคราะห์หุ้นโดยดูจากข้อมูลในอดีต เช่น ราคาและปริมาณในอดีต โจนส์ใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคเพื่อระบุรูปแบบในตลาดและมองหาโอกาสในการซื้อขายที่เป็นไปได้ เขายังใช้มันเพื่อระบุจุดเข้าและออกสำหรับการเทรดของเขา

.

โจนส์เชื่ออย่างมากในการใช้เครื่องมือสร้างกราฟ เช่น เส้นแนวโน้มและเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ นอกจากนี้ เขายังได้พิจารณาตัวบ่งชี้ทางเทคนิคที่หลากหลาย เช่น ดัชนีความแข็งแกร่งสัมพัทธ์ (RSI) และความแตกต่างของเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (MACD) ด้วยการวิเคราะห์เครื่องมือเหล่านี้ โจนส์สามารถมองหาโอกาสในการซื้อขายที่เป็นไปได้ในตลาด

.

โจนส์ยังใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคเพื่อจัดการความเสี่ยงของเขาอีกด้วย เขาจะใช้คำสั่งหยุดและคำสั่งจำกัดเพื่อปกป้องเงินทุนของเขาในกรณีที่ราคากลับตัว เขายังใช้ตัวเลือกเพื่อใช้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวของราคาระยะสั้นในตลาดในขณะที่จำกัดความเสี่ยงของเขา

.

แนวทางของ Paul Tudor Jones ในการวิเคราะห์ทางเทคนิคนั้นมีระเบียบวินัยและมุ่งเน้นไปที่การใช้ประโยชน์จากโอกาสในทุกสภาวะตลาด ด้วยการรวมการวิเคราะห์ทางเทคนิคเข้ากับกลยุทธ์อื่นๆ เช่น การเทรดแบบโมเมนตัม การติดตามแนวโน้ม และการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน ทำให้โจนส์สามารถสร้างผลกำไรที่สม่ำเสมอเมื่อเวลาผ่านไป

.

๕) สุดท้าย โจนส์เป็นผู้สนับสนุนการปรับขนาดตำแหน่งที่เหมาะสม เขาเชื่อว่าการควบคุมขนาดของแต่ละตำแหน่งทำให้เขาสามารถจำกัดความเสี่ยงได้ ด้วยการจำกัดขนาดของแต่ละตำแหน่ง โจนส์สามารถจำกัดการขาดทุนของเขาในกรณีที่เกิดการซื้อขายที่ไม่ดี

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

VCP (Volatility Contraction Pattern) และรูปแบบที่คล้ายกัน

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

อธิบาย Wyckoff Accumulation Phase แบบละเอียดยิบ

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

ทฤษฏีวัฏจักรตลาดหุ้น (Market Cycle)