10 หุ้นราคาต่ำกว่า 5 ดอลลาร์ที่อาจให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าในช่วงเดือนข้างหน้า

10 หุ้นราคาต่ำกว่า 5 ดอลลาร์ที่อาจให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าในช่วงเดือนข้างหน้า ที่มา https://x.com/InvestmentGuru_/status/1993146813356847210 $BITF – ธุรกิจขุดบิตคอยน์และโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่กำลังขยายการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ประสิทธิภาพการขุดดีขึ้น เหมาะกับวัฏจักรคริปโตที่ยังเดินหน้า $POET – บริษัทเซมิคอนดักเตอร์ที่พัฒนาเทคโนโลยี Optical Interposer แบบก้าวกระโดด รองรับการเชื่อมต่อยุคใหม่และเร่งสมรรถนะฮาร์ดแวร์ด้าน AI $RR – บริษัทหุ่นยนต์อัตโนมัติที่ได้แรงหนุนจากต้นทุนแรงงานที่เพิ่มขึ้น และการนำระบบอัตโนมัติไปใช้มากขึ้นทั้งในร้านอาหารและอุตสาหกรรม $EVTL – ผู้พัฒนาอากาศยานไฟฟ้าที่มุ่งสู่การบินยั่งยืน กำลังก้าวหน้าในด้านกฎระเบียบและมีพันธมิตรเชิงกลยุทธ์เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง $BB – เทคโนโลยีไซเบอร์ซีเคียวริตี้และ IoT ที่อยู่ในช่วงพลิกฟื้นธุรกิจ มุ่งสู่บริษัทซอฟต์แวร์เต็มตัว พร้อมพื้นฐานที่ค่อย ๆ ดีขึ้น $KRKNF – Kraken Robotics ผู้นำเทคโนโลยีใต้น้ำ หุ่นยนต์ใต้น้ำ และระบบโซนาร์ พร้อมสัญญาด้านกลาโหมมากมาย ถือเป็นหุ้นเชิงกลยุทธ์ด้านการป้องกันประเทศ $UROY – การลงทุนที่เปิดโอกาสรับประโยชน์จากราคาย...

วิธีการสแกนหาหุ้นดาวรุ่งแบบ Mark Minervini

 

1. สแกนกราฟหุ้น คัดเอาที่เป็นขาขึ้น(stage 2) เอาไว้ก่อน 

เก็บรายชื่อไว้ในลิสต์

2. เอารายชื่อหุ้นที่ได้ไปกรองหาตัวที่มีพื้นฐานดี โดยดูจากผลกำไร ยอดขาย และส่วนต่างกำไรที่เพิ่มขึ้น ความได้เปรียบในอุตสาหกรรมและความผันผวนของราคา

3. วิเคราะห์ด้วยตัวเอง โดยให้คะแนนว่าตัวไหนดีกว่ากัน ตามหัวข้อดังนี้

- ผลกำไรและยอดขายประกาศออกมาว่าใครดีกว่า

- ประวัติผลกำไรและยอดขายที่ทำให้ตลาดตื่นเต้น

- การเติบโตและอัตราเร่งของผลกำไรต่อหุ้น (EPS)

- การเติบโตและอัตราเร่งของยอดขาย

- การชี้นำของบริษัทที่พิมพ์(ให้ข่าว)ออกมา

- การปรับประมาณการณ์ผลกำไรของนักวิเคราะห์ที่ให้ราคาเหมาะสมเพิ่มขึ้น

- ส่วนต่างผลกำไร

- ตำแหน่งทางการตลาดและอุตสาหกรรม

- ตัวกระตุ้นที่อาจเกิดขึ้นได้ (ผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ หรือการเปลี่ยนแปลงเฉพาะบริษัท หรือเฉพาะอุตสาหกรรม)

- การดำเนินงานเปรียบเทียบกับหุ้นอื่นในหมวดเดียวกัน

- ราคาและวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย

- ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง




ต่อไปต้องพยายามหาเบาะแสเหล่านี้ให้พบ

1. ผลกำไรและยอดขายในอนาคตที่ทำให้ตลาดตื่นเต้น และการปรับประมาณการในทางบวก

2. มีปริมาณการซื้อขาย สนับสนุนจากนักลงทุนสถาบัน(มีความต้องการซื้อสูง)

3. ราคาปรับขึ้นเร็วจากความไม่สมดุลของ demand supply (แรงขายไม่มี เมื่อเทียบกับแรงซื้อ)

.

สุดท้ายคือการรอจังหวะซื้อที่ใช่ คือ VCP









7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

$BMNR ทำธุรกิจอะไร? จุดแข็ง/จุดอ่อน และตัวเร่ง

กราฟหุ้น GFPT ล่าสุด

แนะวิธีดูกราฟหุ้นเบื้องต้น

ทฤษฏีวัฏจักรตลาดหุ้น (Market Cycle)

VCP (Volatility Contraction Pattern) และรูปแบบที่คล้ายกัน