หลักการแบ่งขายกำไร Partial profit

Image
สนับสนุนโดย  คอร์ส เทรดหุ้นอเมริกา ติดต่อสมัครที่:   https://m.me/zyoit ทำไมการขายบางส่วนที่ 2R ถึงสำคัญ การขาย ⅓ ของพอร์ตเมื่อราคาไปถึง 2R จะได้กำไร +0.67R ถ้าภายหลังราคากลับลงมาโดนจุดตัดขาดทุนเดิม ส่วนที่เหลืออีก ⅔ จะขาดทุน –0.67R → สรุปแล้ว แทบจะไม่ขาดทุน (ใกล้เคียง breakeven) วิธีนี้ช่วย ลดความเสี่ยง, ลดความเครียด และทำให้สามารถถือข้ามแรงเหวี่ยงระยะสั้นได้ เพื่อไปลุ้นกำไรจากแนวโน้มใหญ่หลายเดือน --- วินัยและระบบอัตโนมัติ การตั้งเป้าหมายเป็น “R” ช่วยให้สามารถตั้ง คำสั่งล่วงหน้ากับโบรกเกอร์ (Limit Order/OCO) ได้ เช่น ขาย ⅓ ที่ 2R ขายอีก ⅓ ที่ 5R วิธีนี้ทำให้กระบวนการขายเป็นระบบที่ชัดเจนและ ไม่ต้องตัดสินใจซ้ำๆ เวลาตลาดเคลื่อนไหว --- หมายเหตุการเข้าออก (Execution Notes) ตัดสินใจเรื่อง Stop/โครงสร้างตลาด ตอนสิ้นวัน เว้นแต่มีความเคลื่อนไหวผิดปกติ เช่น Gap ใหญ่เกินเป้าหมาย หรือหลุดแนวโครงสร้างชัดเจน ถ้าราคาเปิดกระโดดผ่าน 2R หรือ 5R ก็ขายที่ราคาที่ทำได้ดีที่สุด และถือว่าการเทรดนั้น ลดความเสี่ยงแล้ว จากนั้นย้าย Stop ไปตามค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 10 สัปดาห์ (10-WMA) สรุป: ใช้ระบบขายบ...

Win rate แค่ 25% กำไรเฉลี่ย +6% ต่อเดือน ปั้นพอร์ตเกิน 100% ในปีเดียว

คณิตศาสตร์ง่าย ๆ ของการปั้นพอร์ต ถ้าคุณทำกำไรเฉลี่ย +6% ต่อเดือนแบบทบต้น
จะทำให้ผลตอบแทนรายปีเกิน 100%++

แต่มีน้อยคนนักที่จะเจาะลึกลงไปว่า “+6% ต่อเดือน” แบบนั้น
จริง ๆ แล้วต้องใช้ทักษะการเทรดระดับไหนถึงจะทำได้

แปลจาก https://x.com/jfsrevg/status/1795402485823352987

ลองมาดูตัวอย่างสถานการณ์ที่ค่อนข้างอนุรักษ์นิยม (เน้นความเป็นไปได้จริงมากกว่าความเพ้อฝัน):

ตั้งสมมติฐานว่าคุณมีอัตราชนะ (win rate) แค่ 25%

แต่คุณควบคุมการขาดทุนได้ดี และวางแผนการเทรดอย่างมีวินัย


สนับสนุนโดย อีบุ๊ค "เคล็ดลึก สวิงเทรด ให้ได้กำไรสม่ำเสมอ"  https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTk5MjQzNSI7czo3OiJib29rX2lkIjtpOjMzNjYyMjt9


รายละเอียดมีดังนี้:

1) ความเสี่ยงต่อการเทรดแต่ละครั้ง: ใช้ความเสี่ยงเพียง 0.17% ของเงินทุนทั้งหมดในการเทรดแต่ละครั้ง (หมายถึงถ้าแพ้หนึ่งครั้ง จะเสียเพียง 0.17% ของพอร์ต)

2) จำนวนครั้งที่เทรดต่อเดือน: เทรดทั้งหมด 64 ครั้ง ชนะ 16 ครั้ง แพ้ 48 ครั้ง

3) อัตราชนะ(win rate): เพียง 25% เท่านั้น

4) ผลตอบแทนจากการชนะ: เทรดที่ชนะได้กำไรเฉลี่ย 4.3R (ถือไม่นาน ไม่เกิน 15 วัน)

5) ขาดทุนเฉลี่ย: เทรดที่แพ้จะเสียเฉลี่ยแค่ -0.7R (ถือสั้น ไม่เกิน 4 วัน)

6) Profit Factor: อยู่ที่ 6.14 (หมายถึงทุก ๆ 1 หน่วยของความเสี่ยง คุณสามารถทำกำไรได้ 6.14 หน่วย)

7) Gain to Pain Ratio: 2.1 (สะท้อนว่ากำไรมากกว่าความเจ็บปวดจากการขาดทุน 2 เท่า)


ข้อคิดสำคัญ:

หากคุณใช้โมเดลนี้เป็น “เกณฑ์มาตรฐาน” แล้วค่อย ๆ พัฒนาตัวเลขต่าง ๆ ให้ดีขึ้น
โดยเฉพาะ การควบคุมการขาดทุนให้อยู่ในขอบเขตที่คุมได้

คุณมีโอกาสสูงที่จะทำกำไรรวม +100% ต่อปี แม้ว่าจะมีบางเดือนที่ขาดทุนอยู่บ้างก็ตาม


จำไว้ว่า... คุณไม่จำเป็นต้อง “ถูกเสมอ” เพื่อทำกำไรเยอะ ๆ

แค่ จัดการความเสี่ยงให้เก่งพอ

ชนะให้น้อยแต่ได้หนัก, แพ้ให้บ่อยแต่เจ็บน้อย

นี่แหละคือวิถีของเทรดเดอร์มืออาชีพตัวจริง!

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

อธิบาย Wyckoff Accumulation Phase แบบละเอียดยิบ

กราฟหุ้น GFPT ล่าสุด

หนังสือกราฟแท่งเทียน