เคล็ดลึกแก้ไข คนที่ชอบเปลี่ยนกำไร กลายเป็นขาดทุน ให้ได้กำไรสม่ำเสมอ

เคล็ดลึก Let’s profit run: ทนรวยอย่างไร? ถือสั้น-ยาวแค่ไหน? ให้ได้กำไรคุ้มที่สุด https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTk5MjQzNSI7czo3OiJib29rX2lkIjtpOjM2NDk4MTt9
สูตรจัดพอร์ตที่ลงตัว:
Swing 60–70% + Position 30–40%
นี่คือสัดส่วนที่ผมใช้จริง และทดลองมานานจนรู้ว่า “มันเหมาะกับผมที่สุด”
Swing Trade = ใช้หมุนเงิน สร้างกำไรระยะสั้น
Position Trade = ถือยาวกับเทรนด์ที่ชัดเจน สะสมกำไรแบบยั่งยืน
ทำไมไม่ควรมี Position 100%?
หลายคนเข้าใจว่า “จะรวย ต้องถือยาว”
แต่ความจริงแล้ว…
การถือ Position ล้วน ๆ โดยไม่มี Swing เลย = รับความผันผวนแบบเต็ม ๆ
ลองนึกภาพดู…
คุณมีหุ้น 4 ตัวแบบถือยาวหมด
ตลาดย่อตัวแรง 1 สัปดาห์
พอร์ตคุณติดลบ 20–30% โดยที่ “ยังไม่มีแผนขาย”
แบบนี้ไม่ใช่การบริหารพอร์ต
แต่มันคือการ “ปล่อยพอร์ตให้ตลาดกำหนดชะตา”
Swing = เงินหมุนที่ทำให้พอร์ต “มีชีวิต”
Swing ไม่ได้แค่ช่วยให้พอร์ตโตเร็ว แต่มันคือ…
กระแสเงินสด: พอเทรดจบ → เงินคืนกลับบัญชี
ความยืดหยุ่น: ปรับตัวตามตลาดได้เร็ว
ความมั่นคงใจ: ได้กำไรเรื่อย ๆ ไม่ต้องรอเป็นเดือน
Swing Trade ทำหน้าที่เหมือน “รายได้ประจำ”
ส่วน Position เหมือน “ลงทุนระยะยาว”
ตัวอย่างการจัดพอร์ต (กรณีตลาดกำลังเป็นขาขึ้น)
ถือ Swing ประมาณ 4–5 ตัว
ถือ Position ยาว ๆ ประมาณ 2–3 ตัว
เมื่อ Swing บางตัวถึงเป้า → ขาย → เงินกลับมา
เงินที่ได้ → ใช้เข้า Swing ตัวใหม่ หรือรอจังหวะเติม Position ที่ดีขึ้น
แบบนี้พอร์ตจะมีทั้ง “ความนิ่ง” และ “ความไว”
และไม่ต้องรอแค่เทรนด์เดียว หรือหุ้นตัวเดียวทำให้รวย
จิตใจคุณก็จะ “นิ่ง” ตามพอร์ตที่สมดุล เพราะ…
คุณไม่ต้องเครียดกับการถือ Position ทั้งพอร์ต
คุณไม่ต้องวัดดวงทุกไม้ให้เป็นไม้ทอง
คุณไม่กลัวตลาดปรับฐาน เพราะคุณมี Swing คอยดึงเงินกลับมาเรื่อย ๆ
พอร์ตที่ดี = พอร์ตที่คุณใช้ชีวิตกับมันได้โดยไม่เครียดเกินไป