Fed Pivot 2025 อาจเป็น จุดเปลี่ยนของตลาดหุ้นโลก

Image
Fed Pivot ครั้งประวัติศาสตร์: จุดเปลี่ยนของตลาดหุ้นโลก เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ตลาดการเงินทั่วโลกสั่นสะเทือนจากการประกาศท่าทีใหม่ของธนาคารกลางสหรัฐ (Federal Reserve) ซึ่งนักวิเคราะห์หลายคนมองว่านี่คือ "Fed Pivot" ครั้งสำคัญที่สุดในรอบหลายปี และ James Roppel (@Upticken) ถึงกับเปรียบเทียบเหตุการณ์นี้กับ "Christmas Eve Moment" ของปี 2018 ที่ทำให้ตลาดหมีหยุดลงทันที และเกิดการดีดตัวกว่า +58.9% ในเวลาต่อมา ย้อนรอยเหตุการณ์ปี 2018 ในคืนคริสต์มาสอีฟปี 2018 ตลาดหุ้นสหรัฐกำลังอยู่ในสภาวะตลาดหมี ดัชนีร่วงหนัก นักลงทุนเริ่มหวาดกลัวว่าจะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ แต่จากนั้น Steven Mnuchin อดีตรัฐมนตรีคลังสหรัฐ ได้ออกแถลงการณ์เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อตลาด และตามมาด้วยการผ่อนคลายนโยบายการเงินของ Fed ผลลัพธ์คือ ตลาดกลับตัวอย่างรุนแรง และเข้าสู่รอบกระทิงใหม่ที่กินเวลาหลายปี Fed Pivot 2025: ทำไมครั้งนี้จึงสำคัญ James Roppel ชี้ว่า สุนทรพจน์ของ Jerome Powell ในการประชุม Jackson Hole ครั้งล่าสุด "เต็มไปด้วยการเลือกใช้ถ้อยคำที่ทรงพลัง" และ ส่งสัญญาณชัดเจน ว่า Fed จะปรับลดอัตรา...

แนวทางหาหุ้นผู้นำ เมื่อตลาดเริ่มฟื้นจากขาลง

ถ้าคุณกำลังลำบากในการหาหุ้นดีๆ ช่วงตลาดหมีเพิ่งฟื้นตัว ลองพิจารณาไอเดียเหล่านี้ดู

(แปลและขยายความจากคำแนะนำของ Leif Soreide; แชมป์การลงทุนในสหรัฐฯ ปี 2019)


1. ในช่วงที่ตลาดผันผวนและไม่แน่นอน เม็ดเงินมักไหลเข้าสู่หุ้นที่ “ปลอดภัย” และ “สภาพคล่องสูง”

นักลงทุนจำนวนมากจะหลีกเลี่ยงความเสี่ยงโดยเลือกซื้อหุ้นใหญ่ หุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูง หรือที่เรียกว่า “หุ้นผู้นำ” เพราะสามารถเข้า-ออกได้ง่าย ไม่ติดดอยง่าย

.

ดังนั้น: เวลาตลาดยังไม่แน่นอน อย่าเพิ่งไปเสี่ยงกับหุ้นเล็กๆ ที่ดูเหมือนจะให้ผลตอบแทนสูง เพราะถ้าหลุดแนวรับหรือไม่มีแรงซื้อ คุณอาจขายออกไม่ได้ หรือขายแล้วขาดทุนหนัก การเลือกหุ้นที่ “คนอื่นก็สนใจ” หรือมี “กองทุนใหญ่เข้า” มักจะปลอดภัยกว่า

.

.

2. อย่าไปหลงกับหุ้นตัวเล็กที่ดูเหมือนตั้งท่าจะพุ่ง แม้จะมีรูปแบบกราฟ “สมบูรณ์แบบ” ก็ตาม

อย่าไว้ใจแค่เพียงกราฟดูสวย หรือมีสัญญาณเทคนิคดี หากหุ้นนั้นไม่มีสภาพคล่อง

.

ด้วยเหตุนี้: หุ้นบางตัวอาจจะดูเหมือนพร้อมจะพุ่งแรง เช่น เบรกขึ้นจากฐาน หรือทำ new high แต่ถ้าไม่มีปริมาณการซื้อขายรองรับ (volume บางๆ) หรือมันเป็นหุ้นที่สภาพคล่องต่ำ มันจะกลายเป็นกับดัก เพราะคุณเข้าไปแล้วไม่มีใครมาซื้อออกจากคุณ ถ้าหุ้นลง คุณจะติดดอยแบบไม่มีทางหนี

.

.

3. ถ้าคุณมีหุ้นที่กำไรแล้ว ให้คอยมองหาผู้นำใหม่ที่เริ่มเด่นขึ้นมา แล้ว “หมุนพอร์ต” เข้าไปหาตัวที่มีแนวโน้มดีกว่า

พอหุ้นที่ถือไว้เริ่มทำกำไรได้ ควรใช้โอกาสนี้เข้าไปหาหุ้นใหม่ที่กำลังกลายเป็น “ผู้นำหน้าใหม่”

.

หมายความว่า: ตลาดที่ฟื้นจากภาวะหมีมักจะมีผู้นำใหม่ ไม่ใช่หุ้นเดิมที่เคยดังตอนตลาดกระทิงรอบก่อน ถ้าเรารู้จัก “สลับตัว” จากหุ้นเก่าไปหุ้นใหม่ที่เริ่มแสดงพลัง เราจะสามารถรักษาผลกำไร และเพิ่มโอกาสทำกำไรต่อเนื่องได้ อย่ายึดติดกับหุ้นตัวเดิมเกินไป



4. ไม่เป็นไรถ้าจะถือหุ้นเพิ่มอีก 1-2 ตัว เพื่อยืนยันแนวโน้ม เพราะส่วนใหญ่จะวิ่งใกล้เคียงกันหลังตลาดหมีสิ้นสุด

การถือหุ้นหลายตัวในช่วงนี้อาจช่วยเพิ่มความมั่นใจ และหลายตัวก็มีแนวโน้มจะขึ้นคล้ายกัน


ดังนั้น: เมื่อตลาดเริ่มฟื้นจริงๆ หุ้นหลายตัวจะ “ตื่น” พร้อมกัน และมีโอกาสขึ้นไปด้วยกัน คุณสามารถถือหุ้นหลายตัวเพื่อจับโอกาสไว้ ไม่จำเป็นต้องเลือกแค่ตัวเดียว ขอแค่ไม่กระจายเกินไป และยังควบคุมความเสี่ยงได้


เคล็ดลึกเทรดหุ้น True Market Leader จำหน่ายที่

https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTk5MjQzNSI7czo3OiJib29rX2lkIjtpOjM2MTk3ODt9


สรุป

การเทรดหลังตลาดหมี (Bear Market) เป็นช่วงสำคัญที่หลายคนอาจ “พลาด” โอกาส เพราะกลัว หรือยังไม่มั่นใจ แต่ถ้าคุณวางแผนดี เลือกหุ้นที่ถูกต้อง และรู้จักปรับพอร์ตตามผู้นำตัวใหม่ คุณก็สามารถเปลี่ยนช่วงที่คนส่วนใหญ่ยังลังเล ให้กลายเป็น “จุดเริ่มต้นของกำไรระยะยาว” ได้


จำไว้ว่า: ช่วงเวลาที่คนส่วนใหญ่ยังกลัว อาจเป็นช่วงเวลาทองของคนที่ “กล้าพอที่จะเตรียมตัวและรับความเสี่ยง”

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

สรุปหนังสือ "หุ้นขาขึ้นรอบใหญ่"

ทำไมคุณเทรดมานาน…แต่ผลลัพธ์ยังไม่ต่างจากวันแรก?

สรุปรายบทในหนังสือหุ้นซิ่ง สวิงเทรด

อธิบาย Wyckoff Accumulation Phase แบบละเอียดยิบ