เขาฟลุกกำไรก้อนโตเพราะซื้อหุ้นที่จุดต่ำสุด 10 ปีจากนั้น เงินเก็บ 10 ปีเกลี้ยง ได้บทเรียน+จุดเปลี่ยน

Image
Trader’s Journey: กว่าจะสำเร็จ...นักเทรดต้องเจออะไรบ้าง? มีจำหน่ายเป็นอีบุ๊กที่  https://www.mebmarket.com/?action=book_details&book_id=270047 สรุปบทเรียนจาก “มหาปาฏิหาริย์” สู่ “น้ำตาแห่งการยอมแพ้” — เรื่องจริงของเทรดเดอร์คนหนึ่ง จุดเริ่มต้นของโชค: วันที่ทุกอย่าง “เป็นทอง” 17 สิงหาคม 2007 ดัชนี Hang Seng ร่วง -6.22% ภายในวัน ผู้เขียนลางานอยู่บ้าน และบังเอิญได้ดูตลาด เขา “ซื้อที่จุดต่ำสุด” โดยไม่ได้ตั้งใจ ดัชนีพลิกกลับ ปิดลงแค่ -1.38% วันนั้นถูกเรียกว่า “วันมหาปาฏิหาริย์” (大奇跡日) หลังจากนั้นอีก 49 วันทำการ → ตลาดพุ่งขึ้น +64.85% → เขารู้สึกว่า “ทุกสิ่งที่แตะกลายเป็นทองคำ” จุดพลาด: จากปาฏิหาริย์สู่ความล่มสลาย - ไม่มี stop loss เพราะ ไม่มีขาดทุน - คิดจะเปิดกองทุนให้แม่ยายลงทุน (แต่โชคดีที่ไม่ได้ทำ!) - แล้วก็เจอกับปี 2008 — ตลาดหมีมาเต็ม ๆ → ดัชนี Hang Seng ร่วง -66.59% ภายในปีเดียว - เขาไม่มีทั้ง ทักษะ และ ความกลัว → ผลคือ นั่งดูพอร์ตจากกำไรกลายเป็นขาดทุน ต่อหน้าต่อตา บทเรียนซ้ำในปี 2018: พอร์ตแตกจนต้อง “ยอมแพ้” ช่วงนั้นลงทุนหนักกับหุ้นเล็กที่มี “เรื่องราวชวนฝัน” ขาดการควบคุมความเ...

เคล็ดลึก การใช้เส้นค่าเฉลี่ยให้ได้ประโยชน์สูงสุด ที่มือใหม่ต้องรู้

แปลจาก https://x.com/wey_how12640/status/1928299095070032174?t=o4nIc2KWaiHlfLqtTHdTjQ&s=19

ก่อนอื่น เราต้องเข้าใจก่อนว่า MA คืออะไร และมันมีที่มาทางเทคนิคอย่างไร

Moving Average (MA) หรือ เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราดูแนวโน้มของราคาในตลาด มันเกิดจากการนำราคาย้อนหลังมาคำนวณเฉลี่ยในช่วงเวลาหนึ่ง เช่น ค่าเฉลี่ย 20 วัน, 50 วัน หรือ 200 วัน


แต่... แค่รู้ว่า MA คืออะไรยังไม่พอ

เราต้องรู้ด้วยว่า "เมื่อไร" และ "ทำไม" มันถึงมีประโยชน์ — และที่สำคัญคือ เมื่อไรที่มัน “ไม่ควรใช้”



---


MA จะมีประโยชน์จริง ก็ต่อเมื่อมีสองเงื่อนไขนี้:


1. ตลาดต้องมีเทรนด์ — ตลาดต้องกำลังขึ้นหรือลงอย่างชัดเจน


2. คนส่วนใหญ่ต้องดูสิ่งเดียวกัน — ถ้ามีเทรดเดอร์จำนวนมากใช้ MA แบบเดียวกัน มันก็ยิ่งมีพลัง เพราะราคาจะมีแนวโน้ม “ตอบสนอง” ตามจุดที่คนจำนวนมากจับตาดูอยู่ เหมือนกลายเป็น “คำทำนายที่กลายเป็นจริงด้วยตัวของมันเอง” (self-fulfilling prophecy)


ยกตัวอย่างง่าย ๆ จากตลาดฮ่องกง —

นักเทรดที่นั่นส่วนใหญ่นิยมดู Simple Moving Average (SMA) มากกว่า Exponential Moving Average (EMA)

แม้ EMA จะตอบสนองต่อราคาได้ไวกว่า แต่เพราะนักวิเคราะห์และข่าวต่าง ๆ พูดถึง SMA มากกว่า คนส่วนใหญ่ก็เลยใช้ SMA และมันเลย "ได้ผล" เพราะมีคนจำนวนมากตอบสนองต่อมัน


---


แต่ถ้าตลาด "ไม่มีเทรนด์" ล่ะ?

ตรงนี้แหละที่นักเทรดมือใหม่พลาดบ่อยที่สุด...


พลาดเพราะยังใช้ MA ทั้ง ๆ ที่มันไม่เหมาะ

MA เป็นเครื่องมือดู "แนวโน้ม"

แต่ถ้าตลาดกำลัง "แกว่งตัวไปมา ไม่มีทิศทางชัดเจน" หรือที่เรียกว่า Sideway หรือ Choppy — เส้น MA จะ “หลอก” คุณให้เข้าใจผิด

คุณจะเข้าเร็วเกินไป หรือออกช้าเกินไป เพราะ MA มัน "หน่วง" (lagging)


ในช่วงแบบนี้ เครื่องมือที่ควรใช้คือ

แนวรับแนวต้านในแนวนอน (horizontal pivots) และ การดูโซนราคา (zone to zone)

เพราะตลาดกำลังเล่นเกม “ตีไปตีมา” อยู่ในกรอบ ไม่ได้เดินหน้าไปทางใดทางหนึ่งอย่างชัดเจน



---


อีกจุดสำคัญ — ดูพฤติกรรมของราคา (Price Action)


ในตลาดที่ไม่ชัดเจน หรือช่วงกลับตัวจากเทรนด์เดิม

สิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่ MA แต่คือ “โครงสร้างราคา” และ “พฤติกรรมของแท่งเทียน” ในแต่ละวัน


เพราะ MA จะ "ช้า" และอาจทำให้คุณเข้าใจผิดว่าตลาดยังอยู่ในเทรนด์เดิม ทั้งที่จริงมันกำลังจะเปลี่ยน


ดูตัวอย่างช่วงปี 2024 —

มี 2 ครั้งที่ตลาดดิ่งลงอย่างแรง (2 dips) และตามด้วย “ภาวะตลาดหมี”

ใครที่ดูแต่ MA อย่างเดียว อาจพลาดสัญญาณเตือนล่วงหน้า เพราะ MA จะบอกคุณช้าเกินไป



---


สรุปง่าย ๆ สำหรับมือใหม่:


MA ดีมากในตลาดที่มีเทรนด์ และคนส่วนใหญ่ใช้


อย่าใช้ MA ในตลาดที่แกว่ง ไม่มีเทรนด์ — เพราะมันจะหลอกคุณ


ในช่วงตลาดนิ่งหรือกลับตัว ให้เน้นดูโซนราคา, แนวรับแนวต้าน, และพฤติกรรมของราคาแทน


อย่าพึ่งเครื่องมือใดเครื่องมือหนึ่งมากเกินไป — เข้าใจ “บริบท” ของตลาดก่อนเสมอ




---


ถ้าคุณเข้าใจสิ่งนี้ คุณจะเริ่มมองตลาดอย่างเป็นระบบ และไม่หลงทางตามเส้นกราฟอีกต่อไปครับ 

เทรดอย่างมีสติ เข้าใจบริบท แล้วคุณจะค่อย ๆ เห็นโอกาสที่คนอื่นมองไม่เห็น 


7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

สรุปหนังสือ "หุ้นขาขึ้นรอบใหญ่"

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

(มือใหม่เล่นหุ้น) แนวทางการซื้อหุ้นระหว่างขาขึ้น

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ

ทำไมคุณเทรดมานาน…แต่ผลลัพธ์ยังไม่ต่างจากวันแรก?

แนะวิธีดูกราฟหุ้นเบื้องต้น

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า