เคล็ดลึกลด Overtrading สูตรแชมป์ USIC
- Get link
- X
- Other Apps
สนับสนุนโดย อีบุ๊ค "เคล็ดลึก สวิงเทรด ให้ได้กำไรสม่ำเสมอ" https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTk5MjQzNSI7czo3OiJib29rX2lkIjtpOjMzNjYyMjt9
แปลจาก https://x.com/Clement_Ang17/status/1925503872937890089?t=U5aX6qAvT-pP6knhX6a4Uw&s=19
ผมขอแชร์เรื่อง “Overtrading” หรือ “การเทรดมากเกินไป” ซึ่งเป็นปัญหาที่พบบ่อยมาก โดยเฉพาะในยุคที่การเข้าถึงตลาดเป็นเรื่องง่ายแค่ปลายนิ้ว จะซื้อจะขายเมื่อไหร่ก็ทำได้ทันที ยิ่งทำให้หลายคนเผลอกดปุ่มซื้อ-ขายเพื่อไล่ล่าความตื่นเต้น จนกลายเป็นความเคยชิน
ผมเองก็เคยเป็นหนึ่งในนั้น—“อดีตนักเทรดที่ติด Overtrade” และจากประสบการณ์ที่ผ่านมา ผมมักเห็นนักเทรดที่ติดกับดักนี้แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก ๆ พร้อมแนวทางแก้แบบตรงจุด ดังนี้ครับ:
---
กลุ่มที่ 1: เทรดทุกอย่างที่ขยับ
คุณอาจกำลังซื้อหรือขายหุ้นแค่เพราะมัน “วิ่ง” โดยไม่ได้มีแผนหรือเกณฑ์ชัดเจนว่าหุ้นแบบไหนถึงจะควรเข้า นี่เป็นสัญญาณว่า:
1) คุณยังไม่รู้ว่ากำลังมองหาอะไรจากการตั้งค่าเทรด (setup)
2) ไม่มีขั้นตอนที่ชัดเจนในการคัดเลือกหุ้นที่ควรโฟกัสในแต่ละวัน
แนวทางแก้:
1) สร้างกิจวัตรก่อนตลาดเปิด และทำอย่างสม่ำเสมอทุกวัน
2) วางระบบการ “คัดหุ้น” ที่มีโอกาสทำกำไรสูงที่สุดสำหรับสไตล์ของคุณ
3) เรียนรู้จุดสังเกตที่บอกความแตกต่างระหว่าง “A setup” (โอกาสดีมาก) กับ “C setup” (เสี่ยงสูง/ไม่น่าสนใจ)
4) เขียนแผนธุรกิจสำหรับการเทรดของคุณ—รวมถึงกฎการเข้าออกแต่ละสถานการณ์, วิธีเพิ่มหรือลดขนาดการถือครอง และเกณฑ์การเลือกหุ้นที่ชัดเจน
---
กลุ่มที่ 2: มีแผนแล้ว แต่ “ใจยังไม่ยอมรับความพ่ายแพ้”
บางคนมีระบบที่ดีแล้ว แต่พอเทรดแล้วเจอจุดตัดขาดทุน ก็ยังดื้อดึงเข้าอีกครั้ง... และอีกครั้ง... จนเสียหนัก เข้า “วังวนแห่งความพินาศ” แบบไม่รู้ตัว เหมือนพยายามจะเอาชนะตลาด ทั้งที่ควรฟังตลาดแทน
แนวทางแก้:
1. เข้าใจ “ความจริง” เบื้องหลังการเทรดของตัวเอง
จดบันทึกการเทรดอย่างละเอียด แล้วกลับมาทบทวนทุกวัน ลองย้อนดูการเทรดที่เข้าข่าย Overtrade เช่น คุณมักเข้าเทรดซ้ำหลังโดนตัดขาดทุนไหม? สัญญาณบนกราฟรายวันยังคงมีอยู่หรือหมดความน่าเชื่อถือไปแล้ว?
2. ตั้งกฎสำหรับการเข้าเทรดซ้ำ
หากจะเข้าอีกรอบ ต้องมี “เงื่อนไข” ชัดเจน และกำหนด “จำนวนครั้งสูงสุด” ที่จะเทรดหุ้นตัวเดิมในวันเดียวกัน เพื่อลดโอกาสหลุดวงจรเสียซ้ำ
3. เจาะลึกประวัติศาสตร์ตลาด
ศึกษาหุ้นที่เคยสร้างกำไรใหญ่ ๆ ดูพฤติกรรมของพวกมันในอดีต แล้วหาจุดร่วมว่า setup แบบไหนที่คุณสามารถใช้ประโยชน์ได้จริง วิธีนี้จะช่วยให้คุณ “มั่นใจในจุดแข็งของระบบตัวเอง” และกล้าจะรอเฉพาะเทรดที่คุ้มค่าเท่านั้น
---
สรุปส่งท้าย:
1) Overtrading ไม่ใช่เรื่องน่าอาย แต่มันคือบทเรียนที่ทุกคนต้องผ่าน หากคุณรู้ตัวเร็ว ปรับทัน และฝึกใจให้เทรดตามแผน ไม่ใช่อารมณ์ คุณจะกลายเป็นนักเทรดที่แกร่งและมีวินัยมากขึ้นในทุกวัน
2) คุณไม่จำเป็นต้องเทรดบ่อย แค่ต้องเทรดให้ถูกจังหวะ
3) ขอให้คุณชนะใจตัวเอง และอยู่รอดในตลาดได้อย่างยั่งยืนครับ!
- Get link
- X
- Other Apps