Positive Expectancy คือเบสิคที่สำคัญของการเทรด

Image
นักเทรดทุกคนสามารถหาผู้ชนะได้  แต่เหตุใดจึงมีเพียงไม่กี่รายที่ทำเงินได้ในระยะยาว?  (ส่วนใหญ่รู้วิธีทำเงินแล้ว แต่ทำไมปั้นพอร์ตไม่ได้เสียที?) เหตุผลหลักสำหรับผมคือ พวกเขาไม่มี Mindset ในการรักษาขนาดความสูญเสียให้น้อยกว่าขนาดของกำไรที่ได้มา  (นี่คือเรื่องของ Positive Expectancy) เมื่อเรามีปัญหาในการยอมรับเบสิคของการเทรด ..เราก็คิดผิดไปครึ่งหนึ่งแล้ว  อย่าทำให้เบสิคในการทำเงิน...ซับซ้อนเกินไป - Anthony Crudele Positive Expectancy คือเบสิคที่สำคัญของการเทรดครับ มันช่วยให้งานการเทรดของคุณง่ายขึ้น โดยเฉพาะ Mindset  (((เรื่องของ Positive Expectancy มีอยู่ในหนังสือ เทรดแบบทำธุรกิจ, จิตวิทยานักเทรด และ ปั้นพอร์ต)))

ทุน 1 ล้านบาท เล่นหุ้นเอากำไรเดือนละ 5% ไหวมั้ย?


ถามว่า มีเงินเก็บที่ตั้งใจจะเอามาเป็นต้นทุนเล่นหุ้น 1 ล้านบาท ต้องการเล่นหุ้นเอากำไรเดือนละ 5% (แค่นี้เอง)ไหวมั้ย?

คำตอบก็คือ ยากมากสำหรับมือใหม่ ยกเว้นว่าฟลุกจริง ๆ

เพราะอะไรถึงบอกแบบนี้...

การเทรด/เล่นหุ้นนั้น ผลลัพธ์ไม่แน่นอน

เหมือนเกมฟุตบอล มีปัจจัยทำให้ผิดพลาดได้ตลอดเวลา ความแน่นอนกว่าคือ ปันผล(แต่ก็อาจจะไม่แน่นอนได้ ถ้าความสามารถในการทำกำไรของบริษัทนั้นลดลง)

การเทรดนั้น ลงแรง 100 อาจเสีย 100 หรือไม่ได้อะไรเลย หรือ ได้ 1-1000 ได้หลายหน้า

มันคือความน่าจะเป็น

เป็นคำตอบที่ไม่อยากได้ยิน แต่เป็นความจริง

ตลาดหุ้น ไม่เหมือนทำธุรกิจอื่น ที่คาดเดาหรือควบคุมผลลัพธ์ได้ว่าลงเงินเท่านี้ แล้วได้ผลตอบแทนที่ fix ตามคำมั่นสัญญา

เปิดร้าน ซื้อของทุน 100 ขายได้ 150

แต่ตลาดหุ้น ไม่ใช่แบบนั้นเลย มันออกได้ทั้งขาดทุน เท่าทุน หรือกำไร

การทำธุรกิจ ธุรกิจอะไรที่ทำกำไรสม่ำเสมอ ปีละ 60%? ไม่ง่ายเหมือนกันนะ ต้องเป็น blue ocean จริง ๆ ตลาดหุ้นเป็น red ocean

ปีละ 5% ได้อยู่ จากปันผล เป็นไปได้

ถ้าจะเทรดเอากำไรเดือนละ 5% = ปีละ 5*12=60%

งานหินเลย ต้องมีความเชี่ยวชาญ หรือ ดวงดี ซื้อหุ้นปั่น(เติบโตเป็นเด้ง)ถูกตัว all in

นั่นเป็นการมองโลกในแง่ดี โดยลืมแง่ร้าย

คนที่มาตอบ ว่ายาก แสดงว่าเล่นมานานพอ จนรู้ไส้รู้พุงของตลาดหุ้นแล้ว

All in อาจพลาด กระจายก็ได้ไม่ถึง


ทำได้ ถ้าเชี่ยวชาญ

แต่ยิ่ง fix ผลลัพธ์มากเท่าไหร่ ความกดดันยิ่งมากตามเท่านั้น ก่อให้เกิดอารมณ์ overtrading ไป เทคนิคอลทำให้เราเห็นโอกาสทำเงินมากมาย แต่ก็ใช่ว่ามันจะตรงตามตำรา เพราะมันผันผวนลมเพลมพัดของมัน

ดูกราฟย้อนหลัง มันง่าย แม่นหมดแหละ แต่หน้างานจริง มันสุ่ม random แท้จริง

แต่สำหรับมือใหม่ ต้องอาจลูกฟลุกเท่านั้นเอง

รอจนได้ปันผล 5% ราคาลงแรงตามดัชนี ปีหนึ่งมีแค่ 1-2 ครั้งที่ได้จังหวะซื้อเสี่ยงต่ำจริงๆ


Trend following หรือ ซื้อถือเอาปันผล+ส่วนต่าง

อย่าเอาเงินล้านมาเทรด ถ้าคุณเป็นมือใหม่

ถ้าคาดหวังกำไรเดือนละ 5% แสดงว่าจะเดย์เทรด? บอกเลยว่าลงสนามผิด มีโอกาสเอาเงินล้านไปเผาเล่นสูง

อย่าเล่นหุ้นปั่น มันให้กำไรน่าตื่นเต้นจริง แต่พอลงเล่นจริง มักจะพลาด/วืด


สรุป ไม่ง่าย -- โคตรยากสำหรับมือใหม่ที่ไร้ประสบการณ์ - ผลลัพธ์เป็นแบบสุ่ม

ทำธุรกิจอื่น มีโอกาสได้กำไรสม่ำเสมอรายเดือนมากกว่า

ถ้าอยากเล่นหุ้นให้ได้กำไรเดือนละ 5% จริง ๆ ต้องเริ่มที่การฝึกฝนครับ แนะนำให้ไปสมัครเว็บเทรดที่เขามีเงินจำลองให้คุณเทรดเดโม ฝึกด้วยเงินจำลองไปก่อน หากลยุทธ์ที่ท่านชื่นชอบ ไปลองใช้เทรดดู ฝึกตั้งแต่การระบุจุดซื้อและขายตามสัญญาณซื้อและขายนั้น และที่สำคัณคือการแบ่งเงินซื้อให้เหมาะสม เพื่อความอยู่รอด เพื่อให้เกิดความเคยชินกับการเก็งกำไร เคยชินกับธรรสชาติตลาดเก็งกำไรนั้น ๆ ให้ได้ก่อน คิดว่าตัวเองเหมือนนักกีฬาครับ ต้องมีการซ้อมให้เข้าใจกระบวนการ เข้าใจเกม แล้วจากนั้นจึงลงสนามจริงเพื่อให้เกิดการปรับตัว เข้าใจสิ่งแวดล้อม/แรงกดดัน ปรับตัว/หาจุดยืน/ตำแหน่งของตัวเองให้เจอ จากนั้นจึงเริ่มทำเงินได้ครับ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ได้ใช้เวลาสั้น ๆ นะครับ หลายปีเลย ถ้าคุณคิดว่าการเทรดมันง่าย แค่เอาเงินมาลงแล้วสร้างรายได้ประจำได้ทันที บอกเลยว่าคุณคิดผิด และมีโอกาสเสียเงินทั้งก้อนเป็นล้านนั้นไปได้ในเวลาไม่ถึงปีด้วยซ้ำไปครับ




7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

อธิบาย Wyckoff Accumulation Phase แบบละเอียดยิบ

กว่าจะเป็น Dan Zanger นักสวิงเทรด ผู้ปั้นพอร์ตจาก $10,775 ไปเป็น $18,000,000

Positive Expectancy คือเบสิคที่สำคัญของการเทรด

ดูยังไงว่าเป็น Cup with Handle pattern?

มโน Darvas Box หน้าตาจะเป็นยังไง?