กำไรก้อนใหญ่ไม่ได้มาจาก “จุดเข้า(entry)” อย่างเดียว แต่มาจากการscale out

Image
กำไรก้อนใหญ่ไม่ได้มาจาก “จุดเข้า” อย่างเดียว แต่มาจาก “การจัดการ” หลังจากเข้าไปแล้วต่างหาก  แปลจาก  https://x.com/BlogJulianKomar/status/1967566327830192513 นี่คือกระบวนการที่ผมใช้ในการ Scale Out  1. Partial Profits (ขายบางส่วน): เมื่อหุ้นวิ่งได้กำไร +10% ผมจะทยอยขายออก 10–20% โดยเฉพาะหุ้นโมเมนตัม มันช่วยล็อกกำไร และลดความกดดันทางอารมณ์ 2. Cushion Effect (สร้างกันชน): เมื่อราคาวิ่งไป +20% ผมจะขยับจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) ขึ้นมาไว้ที่จุดคุ้มทุน เพื่อปกป้องเงินต้น โดยไม่ต้องขายเร็วเกินไป 3. Trailing with EMAs (ตามรอยเส้นค่าเฉลี่ย): ถ้าราคายืนเหนือ EMA8 และ EMA21 ได้นานเกิน 7 สัปดาห์ ผมจะไล่ตามด้วย EMA8 เพราะโครงสร้างราคาเป็นตัวบอก ไม่ใช่อารมณ์ 4. Parabolic Moves (การขึ้นแบบพาราโบลา): ถ้าราคาขึ้นพุ่งแรงแบบ “แทงทะลุฟ้า” ผมจะทยอยขายใส่แรงซื้อทันที เพราะจุดสูงสุดชัดเจนก็ตอน “มองย้อนกลับไป” และพาราโบลาไม่เคยยั่งยืน 5. Earnings Protection (ปกป้องก่อนงบ): ถ้าเข้าใกล้วันประกาศงบ แต่ยังไม่มีกำไรเป็นกันชน ผมจะเลือก “ลด” หรือ “ออก” เพราะการถือข้ามงบโดยไม่ป้องกัน ไม่ใช่กลยุทธ์ แต่มันคื...

นี่คือเส้นทางที่จะร่ำรวยได้เร็วที่สุด (แต่ก็เป็นเส้นทางที่โหด-ผ่านยากเช่นกัน)


นี่คือเส้นทางที่จะร่ำรวยได้เร็วที่สุด (แต่ก็เป็นเส้นทางที่โหด-ผ่านยากเช่นกัน)

นี่เป็นเส้นทางที่เร็วที่สุดในการเป็นเศรษฐี 

แต่ก็เป็นเส้นทางที่ยากที่สุดเช่นกัน ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินกล่าว

เส้นทางสู่ความร่ำรวย ๔ เส้นทาง

๑ เส้นทางนักประหยัด-นักลงทุนระยะยาว

๒ เส้นทางผู้บริหารสูงของบริษัทใหญ่

๓ เส้นทางของคนเก่ง แพทย์ ทนายความ

๔ เส้นทางนักล่าฝัน: การเริ่มต้นธุรกิจของตนเอง การเป็นนักแสดง นักดนตรี หรือนักเขียนหนังสือขายดีที่ประสบความสำเร็จ คนช่างฝันรักในสิ่งที่พวกเขาทำเพื่อหาเลี้ยงชีพ และความหลงใหลของพวกเขาจะกลายเป็นเงินก้อนโตเข้าบัญชีของพวกขา

ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า “เส้นทางนักฝัน” คือ คือเส้นทางสู่ความมั่งคั่งที่เร็วและคุ้มค่าที่สุด — และยังเป็นเส้นทางที่รับประกันเงินได้มากที่สุดอีกด้วย ลองดูรายชื่อ Forbes 400 ประจำปีนี้ ดูให้ดีครับ มหาเศรษฐี 7 ใน 10 คนที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ตั้งแต่ Jeff Bezos, Bill Gates, Mark Zuckerberg และ Michael Bloomberg ล้วนเป็น “นักล่าฝัน” ที่ร่ำรวยจากการเริ่มต้นบริษัทของตัวเอง


อย่างไรก็ตาม เส้นทางนักล่าฝันยังเป็นเส้นทางที่ยากที่สุด เสี่ยงที่สุด และเครียดที่สุดอีกด้วย “ที่แย่ที่สุด มันเหมือนกับการเดินผ่านนรกทุกวัน” นักล่าฝันคนหนึ่งบอก “มันเต็มไปด้วยอุปสรรค การผิดหวัง ความผิดพลาด ความผิดหวัง การถูกปฏิเสธ และการดิ้นรนทางการเงิน”


ทำไมเส้นทางของนักล่าฝัน ถึงได้ยาก-โหด-หิน?

๑ ชั่วโมงการทำงานที่ยาวนาน: นักฝันทำงานที่ไหนก็ได้ตั้งแต่ 65 ถึง 75 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ก่อนที่จะบรรลุความฝันในที่สุด

๒ วิถีชีวิตที่ตึงเครียด: จนกว่า "ความฝัน" จะเริ่มผลิดอกออกผล ระหว่างทางมักจะทำให้เกิดความเครียดทางการเงินจนแทบจะทนไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีครอบครัวที่ต้องเลี้ยงดู

๓ ความเสี่ยงสูง: โดยธรรมชาติแล้วคนช่างฝันเป็นนักพนัน พวกเขาเต็มใจที่จะทุ่มทุกอย่างที่ตัวเองมี ไม่ว่าจะเป็นบ้าน รถ เงินออมของพวกเขา นอกจากนี้ยังไม่มีการรับประกันความสำเร็จอย่างแน่นอน ในความเป็นจริง มากกว่าครึ่งของนักฝันต้องเจอความล้มเหลวหลายครั้ง และความล้มเหลวมักจะนำไปสู่การล้มละลายได้ในที่สุด

๔ การถอดใจ: เนื่องจากนักล่าฝันมีเป้าหมายที่ทะเยอทะยานสูง ซึ่งหลายๆ เป้าหมายอาจดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ที่จะบรรลุ จึงมักจะมีเพื่อนฝูงญาติพี่น้องออกมาแนะนำว่าให้เลิกฝันเสียเถอะมันเป็นไปได้ยากเกินความสามารถ และพยายามบอกให้พวกเขาเดินไปตามเส้นทางอื่น นักล่าฝันยังได้ยินคำว่า "อย่าเลย" “คุณทำไม่ได้หรอก” บ่อยมาก มีหลายครั้งที่พวกเขาคิดที่จะยอมแพ้โดยสิ้นเชิงเมื่อเจอการสะดุด/อุปสรรคครั้งใหญ่

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ

อธิบาย Wyckoff Accumulation Phase แบบละเอียดยิบ

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

สรุปหนังสือ "หุ้นขาขึ้นรอบใหญ่"

แนะนำ คอร์ส US Stock Masterclass by Zyo