จังหวะพักตัว: พื้นที่แห่งโอกาสของนักสวิงเทรด

"จังหวะพักตัว: พื้นที่แห่งโอกาสของนักสวิงเทรด" สนับสนุนโดย อีบุ๊ค "เคล็ดลึก สวิงเทรด ให้ได้กำไรสม่ำเสมอ"   https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTk5MjQzNSI7czo3OiJib29rX2lkIjtpOjMzNjYyMjt9 ในโลกของการเทรด การเคลื่อนไหวของตลาดไม่ได้มีแต่เส้นทางที่ราบรื่น หลังจากราคาขึ้นอย่างต่อเนื่อง (leg up) ตลาดมักจะเข้าสู่ช่วงพักตัว (pullback) หรือการแกว่งตัวแบบไร้ทิศทางชัดเจน (chop and slop) ซึ่งแม้ว่าจะดูเหมือนช่วงเวลาที่ตลาดไม่มีความแน่นอน แต่นี่คือพื้นที่ที่เต็มไปด้วยโอกาสสำหรับนักเทรดสายสวิงที่มีสายตาแหลมคม จังหวะพักตัวคือช่วงเวลาที่ตลาดปรับสมดุล ทดสอบแรงสนับสนุนและแรงต้าน การสังเกตจังหวะนี้อย่างใกล้ชิดช่วยให้นักเทรดมองเห็นรูปแบบที่สามารถนำไปสู่โอกาสการเทรดที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อราคาหุ้นหรือสินทรัพย์เคลื่อนไหวสอดคล้องกับดัชนี (index) และอาจนำหน้าดัชนีในบางจุด เคล็ดลับจากยอดนักสวิงเทรดการมองรอบราคาตลาด 1. ดูรอบของดัชนีตลาด (Price Cycle): การทำความเข้าใจว่าดัชนีอยู่ในช่วงไหนของวัฏจักรราคา เช่น ช่วงขาขึ้น ช่วงพักตั...

สรุป Trading in The Zone แบบเจาะประเด็นเข้มข้น


วันหยุดล่าสุด
เกิดความตั้งใจอ่านหนังสือ Trading in The Zone แบบเจาะประเด็นอีกครั้ง
โดยโฟกัสที่....
"อะไรที่ทำให้ นักเทรดสักคน กลายเป็นผู้ชนะระยะยาวได้?"

ก็ได้ใจความที่คัดออกมาได้ดังนี้
ยาวมากนะครับ บอกไว้ก่อน


ในตลาดหุ้น มีเทรดเดอร์ 3 ประเภท
กลุ่มเล็กที่สุดมีน้อยกว่า 10% 
คือเป็นนักเทรดที่ชนะอย่างสม่ำเสมอ เขามีเส้นกราฟเงินทุนที่เชิดหัวสูงขึ้นอย่างมั่นคง แม้จะมีการขาดทุนอยู่บ้างแต่ก็เป็นการขาดทุนตามปกติที่จะต้องเกิดขึ้นในกระบวนการ

กลุ่มที่สอง มีอยู่ประมาณ 30 ถึง 40 เปอร์เซ็นต์
คือเทรดเดอร์ที่ขาดทุนอย่างต่อเนื่องรับเงินทุนของเขาจะวิ่งตรงกันข้ามกับทนักเทรดที่ชนะอย่างต่อเนื่องคือปักหัวลงอย่างต่อเนื่อง

กลุ่มสุดท้ายมีขนาดใหญ่ที่สุดคือนักเทรดที่เหลืออยู่ 40 ถึง 50 เปอร์เซ็นต์
พวกเขาอยู่ในกลุ่มที่เฟื่องฟูและตกต่ำคือสามารถรู้วิธีในการหาเงินแล้ว แต่ยังไม่รู้จักวิธีการปกป้องเงินกำไรที่ได้มา ทำให้กราฟเงินทุนของพวกเขาสวิงขึ้นลงเหมือนการขึ้นรถไฟเหาะ คือมีช่วงที่วิ่งสูงชันขึ้นอย่างต่อเนื่อง แล้วก็ตกลงมาอย่างรวดเร็ว
จากนั้นก็สวิงกลับขึ้นไปใหม่แล้วก็หักลงมาอีกครั้งหนึ่ง
สาเหตุที่ผลประกอบการของพวกเขาสวิงขึ้นลงอย่างหนักแบบนั้น มักจะเกิดจากภาวะเคลิบเคลิ้ม หรือไม่ก็ทำลายตัวเอง คือพอชนะติดต่อกันก็เกิดความรู้สึกมั่นใจในตัวเองมากเกินไป จึงมีการทุ่มเงินซื้อหุ้นตัวเดียวจำนวนเงินมากเกินไป และนั่นเองที่เป็นสาเหตุทำให้เขาขาดทุนหนัก

พูดง่ายๆคือ "ชนะแล้วเหลิง ทุ่มเกินตัว พอเจ็บหนักก็หวาดกลัว ไม่มั่นใจในตัวเอง"

ดังนั้น หน้าที่ของเล่มนี้คือสาธยายว่า 
"ทำยังไงให้นักเทรดที่ผลประกอบการสวิงขึ้นลง 
มีผลงานที่สม่ำเสมอและเติบโตยั่งยืนแบบกลุ่มแรก?"





วิธีการแก้ไขสำหรับนักเทรดที่มีผลประกอบการสวิงขึ้นลง
ให้เริ่มต้นที่การแสดงความรับผิดชอบและหยุดคาดหวังให้ตลาดมอบอะไร
หรือทำอะไรให้กับคุณ
ถ้าคุณเริ่มแก้ปัญหาจากจุดนี้ไปจนสำเร็จด้วยตัวคุณเองทั้งหมด
ตลาดก็ไม่สามารถที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของคุณได้อีกต่อไป
ถ้าคุณหยุดต่อสู้กับตลาดมันก็หมายถึงว่าคุณหยุดต่อสู้กับตัวเองด้วย
และจากนั้นคุณก็จะแปลกใจว่าทำไมคุณสามารถเรียนรู้ได้รวดเร็วขึ้นไม่น่าเชื่อ


"นักเทรดที่ประสบความสำเร็จเขามีวิธีการเทรดยังไงให้ได้ผลงานอย่างสม่ำเสมอ
ไม่สวิงขึ้นสวิงลงเหมือนที่นักเทรดทั่วไปที่ยังล้มเหลวทำกันอยู่
เขามีวิธีคิดมีความเชื่อแบบไหนและทำยังไงถึงให้ได้ผลแบบนั้น?

Mark Douglas บอกว่าความต่างของนักเทรดที่ร่ำรวยกับนักเทรดทั่วไปก็คือ
"วิธีคิด ทัศนคติเกี่ยวกับความกลัว" 
คือ นักเทรดที่ประสบความสำเร็จไม่มีความกลัวต่อความผิดพลาด และความเสี่ยง 
จึงทำให้พวกเขามีจิตใจที่นี่และลงมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จสามารถ "กำจัดผลกระทบจากความกลัว และความประมาท"
ออกไปจากการเทรดของพวกเขาได้

เมื่อมีลักษณะเฉพาะพื้นฐานนี้ ก็คือเทรดได้โดยปราศจากความกลัว
และสามารถป้องกันตัวเองจากความรู้สึกประมาทและความผิดพลาดที่มีจากความกลัวได้
มันจะทำให้พวกเขาสามารถบรรลุถึงการมีผลลัพธ์ที่สม่ำเสมอได้

นอกจากการกำจัดความกลัวออกไปแล้ว คุณจำเป็นต้องพัฒนาความยับยั้งชั่งใจขึ้นมาให้ได้
โดยเฉพาะในช่วงที่เกิดภาวะเคลิบเคลิ้มหรือมั่นใจสูงเกินไปจากชัยชนะในการเทรดอย่างต่อเนื่อง
เขาต้องเรียนรู้วิธีเฝ้าติดตามและควบคุมตัวเอง



ความสม่ำเสมอคือหัวใจ
ความสม่ำเสมอที่นักเทรดต้องให้ความสำคัญมากที่สุดอยู่ในจิตใจของพวกเขา ไม่ใช่ในตลาด
มันคือทัศนคติและความเชื่อเกี่ยวกับการเป็นคนผิดและการสูญเสียเงิน
และความโน้มเอียงที่จะประมาทในตอนที่คุณกำลังรู้สึกดี
คือพัฒนาวินัยในการควบคุมจิตใจตัวเอง ไม่ใช่พัฒนาเทคนิคหรือความรู้เกี่ยวกับตลาดแต่อย่างใด


ความสม่ำเสมอ ไม่ใช่เทคนิคการเทรด
แต่เป็นการควบคุมสภาพจิตของตัวเองไม่ให้แกว่ง


"โซน" คือ หัวใจของการเป็นนักเทรดที่ประสบความสำเร็จ
เขาบอกว่านักเทรดที่ประสบความสำเร็จจะมีสิ่งที่เรียกว่า "โซน"
คือภาวะจิตใจที่ปลอดโปร่ง ซึ่งคล้ายกับภาวะจิตใจในแบบที่นักกีฬาผู้ยิ่งใหญ่เข้าถึง
มันเป็นภาวะจิตใจที่ปราศจากความกลัวอย่างสิ้นเชิง
เป็นการลงมือทำและตอบสนองด้วยสัญชาตญาณ ไม่คิดถึงผลที่จะเกิดขึ้นตามมาจากนั้น หรือสงสัยในตัวเองคุณจะอยู่ในชั่วขณะของการคิดเพียง "ก็แค่ทำมันให้ดีที่สุด"

สิ่งที่แยกระหว่างนักเทรดทั่วไปกับนักเทรดที่สำเร็จระดับสูง
ก็คือเม่าไม่สามารถก้าวข้ามผ่านความกลัวที่จะทำความผิดพลาดไปได้เลย
เพราะเม่าจะคิดวนเวียนเกี่ยวกับการกระทำของตัวเองในระดับของการใช้เหตุผลหรือระดับจิตสำนึก
มันทำให้พวกเขาหลุดออกจาก zone ที่คนประสบความสำเร็จเขาเข้าถึงได้

การเทรดที่ชนะต่อเนื่อง คือปัจจัยสำคัญที่จะทำให้นักเทรดเข้าไปอยู่ในภาวะ "โซน"
ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่จำเป็นสำหรับความสำเร็จอย่างแท้จริง

เพราะเมื่อคุณรู้สึกมีความมั่นใจและไม่ถูกปิดกั้นด้วยความกลัวและความวิตกกังวล
การที่จะเทรดให้ชนะอย่างต่อเนื่องนั้นมันไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

อย่างที่เสี่ยยักษ์ท่านบอกว่า
"ขอให้คุณชนะครั้งใหญ่สักครั้งหนึ่งให้ได้ จากนั้นมันก็ไม่มีอะไรยากอีกต่อไป"

ความรู้สึกมั่นใจในชัยชนะ ทำให้คุณไม่มีความกลัว
จึงสามารถเข้าไปทำการเทรดได้โดยไม่มีการโต้แย้งหรือขัดแย้งจากภายใน



ทุกขลาภของนักเทรดหน้าใหม่ (Beginner's Luck)
นักเทรดมือใหม่ที่เพิ่งเข้ามาเทรดสดๆร้อนๆ สามารถเทรดชนะนักวิเคราะห์ที่มีทักษะผู้คร่ำหวอดได้ ถ้าเขามีทัศนคติแห่งชัยชนะ โดยทัศนคติแห่งชัยชนะเกิดมาจากความรู้สึกที่ว่าเขาไม่กลัว

เขาจะมีความรู้สึกแบบเดียวกับนักเทรดที่ประสบความสำเร็จไปจนกระทั่งเขาแพ้
เมื่อขาดทุนให้กับตลาดมุมมองเขาจะเปลี่ยนไป
กลายเป็นเกิดความรู้สึกเจ็บปวดรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนผิด
และมองตลาดในด้านลบ
นั่นเองจะส่งให้เกิดผลกระทบต่อภาวะจิตใจที่เคยปลอดโปร่งของเขา

ทำให้นึกถึง สภาพของพี่แดน แซงเจอร์ ที่เข้ามาเทรดช่วงแรง พอร์ตโต 3 เด้ง
จากนั้น พอตลาดพักฐานแรง ก็ขาดทุนกำไรกลับไปให้ตลาดซะแทบหมด

จากนั้นก็พยายามเอาคืน แต่ยิ่งพยายามยิ่งขาดทุน
ในที่สุดก็หมดตัว

เป็นไปได้ว่า การเทรดเพื่อเอาคืน มันเต็มไปด้วยประจุลบ
ไม่อยู่ในโซน แบบที่เคยชนะมาอย่างต่อเนื่อง
พอภาวะจิตใจไม่นิ่ง ผลการเทรดก็เลยออกมาแพ้อย่างยับเยิน

พี่ไรอันก็เช่นกัน
แกบอกว่า กว่าจะปรับใจตัวเองให้อยู่ในร่องรอยของนักเทรดที่ดี
ต้องใช้เวลาถึง 2 ปีเลยทีเดียว



วิธีการแก้ไข 
ก็คือแทนที่จะโทษตลาด ต่อสู้กับตลาด
ก็เปลี่ยนเป็นแสดงความรับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเองอย่างสมบูรณ์
ไม่ว่าจะเป็นทั้งความสำเร็จหรือความล้มเหลวของคุณในฐานะนักเทรด
คือให้ยอมรับว่า จุดประสงค์ของตลาดก็คือทำให้ท่านขาดทุน
แต่ในระหว่างการแกว่งของราคานั้น มันก็ยังมอบกระแสแห่งโอกาสให้คุณทำกำไรจากมันได้ไม่น้อยเช่นกัน

เมื่อเราแสดงความรับผิดชอบ
หมายความว่า เรามีความเชื่อว่าผลลัพธ์ทั้งหมดที่เกิดกับตัวเรานั้นเป็นสิ่งที่สร้างมันขึ้นมาเอง
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเราขึ้นอยู่กับการแปลความหมายข้อมูลของตลาด
และที่สำคัญคือมันเป็นผลจากการตัดสินใจ การลงมือทำของเราทั้งสิ้น ไม่ใช่ของตลาด
เพราะตลาดก็เคลื่อนไหวไปตามธรรมชาติของ demand supply อย่างนั้นเอง

เมื่อคุณกล้ายอมรับการตัดสินใจของตัวเอง
และรับรู้ว่าตลาดให้โอกาสไม่มีวันสิ้นสุด
คุณจะเริ่มมีทัศนคติที่โล่งโปร่งมากขึ้น จะมองการเทรดผ่านมุมมองที่ปราศจากการตำหนิตัวเอง และความเสียใจ และเมื่อคุณคิดได้แบบนั้นแล้วคุณก็จะอยู่ในกรอบของจิตใจที่ดีที่สุด ในการเทรดเพื่อผลประโยชน์ที่ดีที่สุดของตัวเอง และยังสามารถเรียนรู้จากประสบการณ์ของตนเองได้อย่างทรงประสิทธิภาพ

เมื่อมีความพร้อมที่จะรับผิดชอบต่อตัวเองอย่างสมบูรณ์
และมองว่าตลาดให้โอกาสในการทำเงินแก่เราอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
คุณจะรู้สึกว่าตัวเองต้องเข้าไปอยู่ในกระแสของตลาดให้ได้
ยิ่งถ้าจิตใจของคุณปราศจากความกลัว ความโกรธ ความเสียใจ
ความรู้สึกโดนหักหลัง ความสิ้นหวัง และความผิดหวังแล้วด้วย
คุณจะมองเห็นโอกาสที่ตลาดมอบให้อย่างมากมาย ไม่มีที่สิ้นสุด

เหมือนกับที่พี่โจบอกเอาไว้ว่า
ในช่วงที่ตลาดขึ้นมาจนถึง 1,600
มันก็ยังมีหุ้นที่ต่ำกว่ามูลค่า สามารถทำกำไรได้อย่างมากมาย
ปัญหาเดียวก็คือเขาไม่มีเงินซื้อแค่นั้นแหละ
นี่คือวิธีคิดและมุมองของมืออาชีพที่มีสภาพจิตใจอยู่ในโซน



การยอมรับความเสี่ยง คือตัวแยกแยะ
สิ่งที่แยกแยะนักเทรดมืออาชีพออกจากคนทั่วไปที่เหลืออย่างแท้จริงก็คือ "การยอมรับความเสี่ยง"
เมื่อคุณยอมรับความเสี่ยงได้ คุณจะไม่รับรู้อะไรก็ตามที่ตลาดทำว่าเป็นการคุกคาม
ถ้าไม่มีสิ่งใดที่เป็นการคุกคาม มันก็ไม่มีอะไรที่ต้องกลัว
ถ้าคุณไม่กลัว คุณก็ไม่ต้องการความกล้าหาญ
ถ้าไม่รู้สึกกดดัน คุณก็ไม่ต้องการประสาทที่แข็งเป็นเหล็ก
ที่คุณไม่กลัวโอกาสที่คุณจะประมาทเลินเล่อ เพราะคุณมีกลไกในการเฝ้าติดตามที่เหมาะสมวางเอาไว้อยู่แล้ว

เทรดเดอร์ที่สามารถยอมรับความเสี่ยงได้เขามีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จได้ในที่สุด


อธิบายความหมายของคำว่า "โซน" แบบรากหญ้า
การเข้าสู่โซน ทางการเทรดอธิบายยาก
ต้องเอาทางการกีฬามาช่วย ถึงจะเห็นภาพ
ผมว่ามันคล้ายภาวะ "เข้าฝัก"

นึกถึงดาวซัลโวฟุตบอล อย่าง เมสซี หรือ โรนัลโด
หรือใครก็ตามที่เป็นดาวยิงทีมที่ท่านชอบ
ยิงได้ทุกนัด หรือไม่ค่าเฉลี่ยต่อนัดก็สูงลิ่ว

สมมุติของผมคือ อองรี กับ เบิร์กแคมป์
ถ้าดูไฮไลท์การยิงประตูทั้งหมดที่ทำให้อาร์เซน่อล
ท่านจะเห็น "ลูกเก่ง" ของเขา ไม่กี่ท่า
อย่าให้พลิกเข้าจังหวะนั้นได้นะ ยิงยังไงก็เป็นเข้า
อองรี ยิงเสียบมุม หนีมือประตู


เบิร์กแคมป์ ยิงย้อยๆ หนีมือประตูเข้าเสียบมุม

มันดูง่าย แต่ได้ผลตลอด

ถ้าเขารักษาความมั่นใจได้อย่างต่อเนื่อง
การยิงให้ได้ฤดูกาลละ 20 ลูกขึ้น ถือเป็นเรื่องปกติไปเลย
แฮรี่ เคน ก็ใช่ โม ซาล่าห์ ก็ใช่
ทุกคนล้วน อยู่ในสภาวะ "โซน" ด้วยกันทั้งสิ้น

เมื่อใดก็ตามที่พวกเขา เริ่มปืนฝืด
ก็จะเริ่มขาดความมั่นใจ
และจากนั้น ถ้าไม่สามารถเรียกความมั่นใจกลับมาได้
ก็ฟอร์มตก และจบรอบความเป็นดาวซัลโวไปเลย

นึกถึง "เอดูอาร์โด้ ดา ซิลวา" หรือ "ดูดู้" ไว้เลยครับ
เข้ามาแรกๆอย่างคม ทรงแบบ โม ซาล่าห์ นี่เลย
แต่พอโดน มาร์ติน เทย์เลอร์ ยันขาหักครึ่งท่อนเท่านั้นแหละ
แม้จะรักษาจนหาย ก็เสียความมั่นใจไปสิ้น
เพราะตอนนี้ "ความกลัว" เข้าไปครอบงำจิตใจเขาไปสิ้น

นี่แหละครับ ถ้าผมจะอธิบายความเป็น "โซน" ที่เข้าใจมาง่ายๆ
"โซน" คือ "โมเมนตัมของความรู้สึกว่าเป็นผู้ชนะ" นั่นเอง


ธรรมชาติของการเทรดที่ประสบความสำเร็จมีอยู่ 4 ขั้นตอน
1 เทรดโดยปราศจากความกลัวหรือความมั่นใจที่มากเกินไป
ถ้ามองในมุมของกองหน้าก็คือมีความมั่นใจในศักยภาพของตัวเองว่าสามารถที่จะทำประตูได้

2 รับรู้ในสิ่งที่ตลาดกำลังเสนอจากมุมมองของมัน
ถ้ามองในมุมของกองหน้าก็คือเข้าใจเกมของคู่แข่งว่าเขาเล่นแบบไหนเน้นตั้งรับหรือตั้งหน้าตั้งตาบุกแหลกโอกาสชนะง่ายหรือยาก

3 คงความมุ่งเน้นอย่างสมบูรณ์ให้ได้ในกระแสโอกาสชั่วขณะนี้
ในมุมมองของกองหน้าก็คือรอจังหวะหรือสร้างโอกาสที่จะทำประตูให้ได้ คือจะไม่พยายามฝืนเกมแต่พยายามใช้หรือหาจังหวะช่องว่างของเกมให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากมันให้ได้

4 ก็ไปในโซนได้อย่างเป็นธรรมชาติในมุมของนักกีฬา
ก็คือการพาตัวเข้าไปอยู่ในโซนของการทำประตูนั่นคือพาบอลหรือพาตะเวนเข้าไปอยู่ในโซนที่มีโอกาสยิงประตูแล้วเป็นประตูสูงไม่ว่าจะเข้าไปในช่องที่ตัวเองชอบหรือล็อคบอลให้เข้ามาอยู่ในข้างที่ยิงถนัดและยิงแล้วมีโอกาสเป็นประตูสูง

นักเทรดที่ประสบความสำเร็จเขาจะเรียนรู้การเตรียมตัวเองให้พร้อมที่จะใช้ความได้เปรียบจากโอกาสใดๆก็ตามที่ตลาดจะนำเสนอมาให้ในช่วงขณะใดขณะหนึ่ง

เหมือนกับสิ่งที่พี่มาร์คพยายามบอกในเรื่องของการเตรียมตัว การทำการบ้าน เพื่อรอโอกาส หรือรถไฟที่จะมาตรงตามเวลาที่คาดไว้

เมื่อคุณเตรียมตัวให้พร้อมแล้ว คุณจะรู้ว่าความได้เปรียบที่จะทำให้มีโอกาสประสบความสำเร็จมันจะมาหาคุณตอนไหน แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับอย่างเต็มใจด้วยว่าคุณไม่รู้ว่าเมื่อซื้อไปแล้วผลมันจะออกมาอย่างไร เมื่อไม่รู้เพราะไม่สามารถบังคับผลของมันได้ คุณจะต้องเตรียมตัววางแผนเพื่อรับมือกับสิ่งที่น่าจะเกิดขึ้น โดยเฉพาะความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น ว่ามันจะเป็นอย่างไร
ถ้าคุณรู้คำตอบในการรับมือไว้เรียบร้อยแล้ว จิตใจของคุณจะเป็นอิสระต่อการเกิดคำถามหรือแรงต้านจากภายในขณะที่เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น

นี่ก็สนับสนุนสิ่งที่พี่มาร์คได้บอกเอาไว้ ในเรื่องของการวางแผนดักหน้าดักหลังเอาไว้
ถ้าเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ชอบมาพากลหรือเหตุการณ์ที่ทำให้รู้สึกได้ดั่งใจ
เขาจะไม่ต้องไปกังวลหน้างานอีกแค่ทำตามระบบที่วางไว้เท่านั้น

และมันก็สนับสนุนคำแนะนำอีกอย่างของพี่แดน
ว่าด้วยการขยันทำการบ้านยิ่งคุณฝึกยิ่งคุณขยันทำการบ้านมากเท่าไหร่ โอกาสก็จะมาหาคุณมากขึ้นเท่านั้น คุณก็จะมีโอกาสทำเงินสร้างเงินได้มากตาม
https://www.zyo71.com/2018/04/dan-zanger.html

ดังนั้นแก่นแท้ของโซน
ก็คือการเข้าไปร่วมหรือไปเป็นส่วนหนึ่งของกระแสตลาดได้อย่างสนิท แนบแน่น นั่นเอง
ซึ่งมันก็มาจากการทำการบ้าน ยิ่งมีประสบการณ์ร่วมกับเหตุการณ์นั้นมาก่อนยิ่งรู้สึกนิ่งมากขึ้น
รวมถึงการวางแผนเพื่อรองรับเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นไว้อย่างรัดกุม และมีความเด็ดขาดในการลงมือทำตามแผนนั้นอย่างไม่บิดพริ้ว

เมื่อคุณมีการวางแผนทุกอย่างไว้เรียบร้อย
สภาพจิตของคุณก็จะมีความนิ่งความสงบ ซึ่งเป็นลักษณะของมืออาชีพที่ประสบความสำเร็จเขาทำกันได้อย่างเป็นปกติ



เฉพาะเทรดเดอร์ที่เก่งที่สุดเท่านั้น ที่จะกำหนดความเสี่ยงของพวกเขาไว้ล่วงหน้า ก่อนที่จะเข้าไปทำการเทรดเสมอ
เฉพาะเทรดเดอร์ที่เก่งที่สุดเท่านั้น ที่ตัดการขาดทุนของพวกเขา โดยปราศจากข้อแม้หรือการลังเลในเวลาที่ตลาดบอกว่าพวกเขาว่าการเทรดนั้นใช้ไม่ได้ผล
และเฉพาะเทรดเดอร์ที่เก่งที่สุดเท่านั้น ที่มีกฎเกณฑ์ในการบริหารเงินอย่างเป็นระบบสำหรับการขายทำกำไรในตอนที่ตลาดวิ่งไปในทิศทางเดียวกันกับการเทรดของพวกเขา

เฉพาะเทรดเดอร์ที่เก่งที่สุดเท่านั้น ที่สามารถกำจัดความผิดพลาดที่เกิดจากการ
- ไม่กำหนดความเสี่ยงไว้ล่วงหน้า
- ไม่ตัดขาดทุน
- หรือไม่มีหลักการทำกำไรอย่างเป็นระบบ
เพราะพวกเขาได้เรียนรู้ที่จะเชื่อโดยปราศจากข้อสงสัยใดๆว่าอะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้และทำให้เขาต้องคำนวณถึงสิ่งที่พวกเขาไม่รู้ด้วยทุกครั้งสำหรับเรื่องที่คาดไม่ถึง

เมื่อเขาเชื่อว่าอะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้
มันก็ไม่มีอะไรสำหรับจิตใจของเขาที่จะต้องไปหลีกเลี่ยง
เพราะคำว่าอะไรที่ว่านั้นรวมไปถึงทุกๆอย่าง
ความเชื่อนี้จะทำหน้าที่เป็นแรงที่ขยายตัวถึงส่งผลต่อการรับรู้ของเขาในตลาดในแบบที่จะทำให้เขาสามารถรับรู้ข้อมูลที่จะไม่สามารถมองเห็นได้หากปราศจากความเชื่อนี้

ประเด็นสำคัญคือเขาจะทำให้ตัวเองพร้อมก็คือเปิดใจ ที่จะรับรู้ถึงความเป็นไปได้ต่างๆที่มากขึ้นกว่าเดิมซึ่งมองในมุมเดียวกับตลาด
การมองว่าอะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้ ทำให้มุมมองของเขาเป็นไปในรูปแบบของความน่าจะเป็น
นี่คือหลักการที่สำคัญที่สุดและทำยากที่สุดสำหรับคนทั่วไป



"แนวทางการเทรดของมืออาชีพก็คือ
เขาต้องทำให้ความได้เปรียบอยู่ด้านเดียวกับพวกเขา
และมีกลุ่มตัวอย่างที่มากพอเพื่อที่จะให้ความได้เปรียบของพวกเขามีโอกาสสูงที่จะใช้ได้ผล" 
มันคืออะไร?

การทำให้ความได้เปรียบอยู่ฝั่งเดียวกับพวกเขาคืออะไร?
มันก็คือรูปแบบราคาที่เขามีความเชื่อมั่นว่าโอกาสที่มันจะวิ่งทำกำไรให้เขาทันที
มันคือรูปแบบลักษณะของพื้นฐานของกิจการ ที่มันบ่งบอกว่ามีนักลงทุนหลายประเภทชอบ และอยากให้ราคาหุ้นนั้นวิ่ง นั่นคือนักเล่นหุ้นสายพื้นฐานหรือสถาบันเขาจะชอบบริษัทที่มีผลประกอบการกำไรที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด เป็นหุ้นประเภทเติบโตหรือหุ้นพลิกฟื้นนั่นเอง

ซึ่งมันเป็นวิธีการหาหุ้นของนักลงทุนสายพื้นฐานหรือวีไอนั่นเอง
ก็คือพวกเขาชอบหุ้นที่มี EPS เติบโต
ซึ่งถ้าหากเราสามารถรู้ได้ว่าหุ้นตัวไหนจะมีผลประกอบการเติบโตอย่างน่าประทับใจ ที่มันสามารถดึงดูดให้นักลงทุนสายพื้นฐานเข้ามาซื้อได้ และเราสามารถซื้อในจังหวะที่ราคาหุ้นพร้อมวิ่งขึ้น
แม้ว่าเราจะไม่ได้ซื้อที่ราคาต่ำสุดแต่ได้ซื้อในราคาที่พร้อมวิ่งขึ้นทันที และขายก่อน
แม้ว่ามันจะไม่ใช่จุดสูงสุดก็ตาม แต่มันก็ทำให้เราได้กำไรอย่างน่าพอใจ

ซึ่งถ้าเอาวิธีการนี้ไปใช้ซ้ำกับหุ้นตัวใหม่ที่มีลักษณะเหมือนกัน
นั่นก็คือพื้นฐานการเติบโตที่ดีดึงดูดให้กับนักลงทุนสายวีไอเข้ามาซื้อ
แล้วเราก็รอซื้อในตอนที่ราคาหุ้นทะลุฐานพร้อมวิ่งขึ้นทันที
ขายในระดับกำไรที่ได้อย่างน้อย 10 % ทำแบบนี้ซ้ำๆไปเรื่อยๆมันก็ทำให้กำไรทบต้นเติบโตได้

ซึ่งแนวคิดแบบนี้มันก็คือแนวคิดของนักธุรกิจ หรือเจ้าของคาสิโนนั่นเอง


เขาบอกว่า "เมื่อผมเข้าไปเปิดการเทรด
ทั้งหมดที่ผมคาดหวังมันก็คือจะมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น
ไม่ว่าผมจะคิดว่าความได้เปรียบของผมนั้นดีเพียงใดก็ตาม
แต่ผมก็ไม่ได้คาดหวังอะไรไปมากกว่าให้ตลาดเคลื่อนไหวหรือแสดงตัวตนมันออกมาในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งเท่านั้น

อย่างไรก็ดี มันมีอะไรบางอย่างที่ผมรู้แน่นอน
ก็คือผมรู้ว่าเมื่อดูจากพฤติกรรมของตลาดในอดีตมันมีโอกาสที่ดีที่มันจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันกับการเทรดของผม อย่างน้อยก็สัมพันธ์กับจำนวนเงินที่ผมเต็มใจจะจ่ายในการค้นหาว่ามันจะทำเช่นนั้นหรือไม่"



วิธีคิดแบบนี้มันก็เหมือนกับการเล่นเกม
โดยเป็นเกมการจำรูปแบบของพฤติกรรมราคาในอดีต
เคยเห็นว่ามันเกิดฐานราคาแบบนี้ แล้วต่อไปมันมีโอกาสจะวิ่งแบบนี้ ถ้ามันทะลุแนวต้านขึ้นไปได้

นักเทรดที่ประสบความสำเร็จ เขาจะมีความจำรูปแบบราคาที่เขาคิดว่ามันมีโอกาสประสบความสำเร็จสูงสุดถ้ามันทะลุขึ้นไปได้
จึงให้ความสำคัญกับการทำการบ้าน
เพื่อหารูปแบบราคาเหล่านั้นให้เจอ แล้วก็ทำเก็บเป็นประวัติเอาไว้
เพื่อเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของวันต่อไป

เมื่อราคาแสดงออกว่ามันทะลุ
เขาก็วางเงินเข้าไปซื้อในจำนวนหนึ่ง ที่เขามองว่าถ้ามันล้มเหลวเขาจะเสียหายเท่าไหร่
ในระดับราคาที่เขายอมได้

โดยเขามองว่าราคามีโอกาสวิ่งไปตามสูตรที่เคยเกิดขึ้นในอดีต
แต่ก็พร้อมยอมรับว่ามันอาจจะไม่วิ่งตามที่เคยเป็นก็ได้
คือมีโอกาสทั้งสำเร็จและล้มเหลว

แต่ในเมื่อเขาไม่รู้ว่ามันจะสำเร็จหรือล้มเหลว
เขาจึงเลือกที่จะวางแผนเผื่อในทางล้มเหลวไว้ก่อน

ในเมื่อเขาวางแผนไว้แล้ว
การเทรดในครั้งนั้นจึงสามารถขจัดความรู้สึกโน้มเอียงออกไปได้
ก็คือว่าในเมื่อมันเป็นเรื่องของความน่าจะเป็น
ถ้าทำให้เขากำไรก็ดีไป
แต่ถ้าไม่กำไรเขาก็พร้อมที่จะตัดขาดทุน เมื่อราคาแสดงออกว่าไม่ใช่

การคิดแบบนี้แหละที่ทำให้เขารู้สึกถึงอารมณ์ผ่อนคลายก็คือโซนของเทรดเดอร์นั่นเอง

เมื่อเทรดเดอร์ที่เก่งที่สุดอยู่ในสภาวะของโซน
พวกเขาจะไม่มีความเครียด เพราะว่าเขาได้วางแผนแล้วถ้าเกิดความเสี่ยง เขาก็พร้อมเต็มใจที่จะจ่ายเป็นค่าเสียหายในการเทรดครั้งนั้น

เขาไม่พยายามที่จะต่อต้านการเคลื่อนไหวเพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองเป็นคนถูก
หรือแก้ไขตัวเองเพื่อหลีกเลี่ยงที่จะเป็นคนผิด

เขาปล่อยให้ตลาดเป็นคนเฉลย
เมื่อใดก็ตามที่ตลาดบอกว่าสิ่งที่เขามองว่ามันได้เปรียบนั้นมันไม่ใช่
เขาก็พร้อมที่จะตัดใจออกไปจากตลาดนั้น

หรือแม้กระทั่งตลาดเฉลยว่าเขาคิดถูกและวิ่งขึ้นไปจนถึงเปอร์เซ็นที่เขาคิดว่าควรจะขายทำกำไร
เขาก็พร้อมที่จะขาย

นี่คือการยอมรับอย่างสมบูรณ์ในสิ่งที่ตลาดแสดงออก
มันทำให้เขามีความใจเย็นและยอมรับมัน
เมื่อไม่ใช่ก็ตัดใจและรอโอกาสที่ตลาดนําเสนอออกมาว่ามันน่าจะทำให้เขาได้เปรียบในครั้งต่อไป

สิ่งที่แยกแยะระหว่างนักกีฬาและนักแสดงที่ยิ่งใหญ่อย่างสม่ำเสมอ
ออกจากคนอื่นๆที่เหลือ ก็คือการที่พวกเขาไม่กลัวที่จะทำความผิดพลาด

เหตุผลที่พวกเขาไม่กลัว
ก็คือพวกเขาไม่มีเหตุผลที่จะต้องดูถูกตัวเองในตอนที่พวกเขาทำความผิดพลาด
ซึ่งก็หมายความว่าพวกเขาไม่มีแหล่งสะสมของพลังงานประจุลบ
ที่รอคอยกระโจนเข้าสู่กระบวนการคิดในระดับจิตสำนึกของพวกเขาอย่างรวดเร็ว
เหมือนกับสิงโตที่รอจังหวะเวลาที่เหมาะสมที่จะไปจู่โจมเข้าหาเหยื่อที่มันหมายตาเอาไว้



การมีวินัยในตนเอง
เป็นเทคนิคทางจิตใจในการจัดเรียง(อย่างดีที่สุดที่เราสามารถทำได้)ความมุ่งเน้นของเราไปยังสิ่งที่เป็นเป้าหมายหรือความปรารถนาของเรา ในขณะที่เป้าหมายหรือความปรารถนานั้นขัดแย้งกับองค์ประกอบอื่นบางอย่าง(ความเชื่อ)ในสภาวะแวดล้อมในจิตใจของเรา

การมีวินัยในตนเองนั้นคือเทคนิคในการสร้างกรอบของจิตใจแบบใหม่ขึ้นมา
มันไม่ใช่บุคลิกลักษณะเฉพาะตัว
ผู้คนไม่ได้เกิดมาพร้อมกับการมีวินัยในตัวเอง
เพราะมันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่จะตามใจตัวเอง
แต่ถ้าหากท่านต้องการเทคนิคในการเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็นคนที่ดีขึ้น
นั่นแหละมันต้องอาศัยวินัยในตนเอง

จุดประสงค์หลักๆของการเทรดตามระบบ
ก็คือการเปลี่ยนแปลงตัวคุณเองให้กลายเป็นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จอย่างสม่ำเสมอ
ถ้าหากมันมีสิ่งใดก็ตามในสภาวะแวดล้อมในจิตใจของคนที่มีความขัดแย้งกับหลักการในการสร้างความเชื่อที่ว่าฉันเป็นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จอย่างสม่ำเสมอ คุณก็จำเป็นต้องใช้เทคนิคในการมีวินัยในตัวเอง เพื่อที่จะนำเอาหลักการเหล่านี้เข้าไปรวมไว้ในส่วนหนึ่งที่ทำหน้าที่หลักของตัวคุณ

พูดง่ายๆก็คือว่าต้องไปหาหลักการที่นักเทรดประสบความสำเร็จส่วนใหญ่เขาทำแล้วสำเร็จ
แล้วพยายามทำตามแบบนั้นให้ได้
ถ้าพบว่าสิ่งที่เราทำอยู่มันสวนทางหรือผิดไปจากสิ่งที่รูปแบบผู้ประสบความสำเร็จก็ทำ
เราก็ต้องมีวินัยในตัวเองเพื่อที่จะดัดสันดานตัวเองให้อยู่ในรูปในรอยที่ควรจะเป็น



คุณต้องสร้างความเชื่อในความสม่ำเสมอ
คือบอกตัวเองว่าฉันเป็นผู้ชนะที่สม่ำเสมอ
โดยคุณต้องแยกออกมาเป็นส่วนย่อยแล้วเชื่อและทำตามมันให้ได้ซึ่งมันมี 7 ข้อดังนี้
1 ฉันระบุความได้เปรียบของฉันอย่างไม่มีอคติ
2 ชั้นกำหนดความเสี่ยงของทุกๆการเกิดไว้ล่วงหน้า
3 ฉันยอมรับความเสี่ยงได้อย่างสมบูรณ์ หรือฉันเต็มใจที่จะยอมออกมาจากการเทรดนั้น
4 ฉันจะทำตามความได้เปรียบของฉันเสมอโดยปราศจากข้อแม้หรือความลังเลใดๆ
5 ฉันจะจ่ายเงินให้ตัวเองเมื่อตลาดมอบเงินให้กับฉัน
6 ฉันเฝ้าติดตามอย่างต่อเนื่องถึงความเป็นไปได้ของฉันที่จะทำความผิดพลาด
7 ชั้นเข้าใจในความจำเป็นอย่างที่สุดของหลักการในการประสบความสำเร็จอย่างสม่ำเสมอเหล่านี้ และดังนั้นฉันจึงไม่เคยฝ่าฝืนมัน

ขั้นตอนแรกและขั้นตอนหลักของการมีความสม่ำเสมอ
นั่นคือการกำหนดความเสี่ยงของคุณไว้ล่วงหน้า




โอกาสที่ปราศจากความเสี่ยง
มันเป็นสิ่งที่จะไม่ทำให้คุณขาดทุนได้เลย
นอกเสียจากจะมีเหตุการณ์อะไรบางอย่างที่ไม่ปกติอย่างที่สุดเกิดขึ้น
ซึ่งคุณจะพบมันได้ด้วยภาวะจิตใจที่ผ่อนคลายและปลอดโปร่งอย่างแท้จริง

วิธีการก็คือ
เมื่อราคาหุ้นวิ่งทำกำไรให้คุณ
ถ้าเป็นคนทั่วไปจะไม่รีบขายเพราะมีความรู้สึก
และอยากให้ราคาหุ้นวิ่งต่อไปให้เขาได้กำไรมากขึ้นเรื่อยๆ

แต่ส่วนใหญ่มักจะพบว่าแทนที่มันจะวิ่งไปมากกว่าเดิม
ราคาหุ้นกลับวิ่งย้อนกลับไปจนถึงหรือใกล้จุดต้นทุน
ทำให้เกิดความรู้สึกตื่นตระหนกและขายออกมา
เนื่องจากไม่อยากปล่อยให้กำไรกลายเป็นขาดทุน

วิธีแก้ก็คือ
คุณต้องมีการทยอยขายออกมาเพื่อล็อกกำไรบางส่วนไว้
แล้วทำให้ตัวเองอยู่ในสถานการณ์ที่มีแต่โอกาสปราศจากความเสี่ยง
เมื่อคุณมีสถานะที่ปราศจากความเสี่ยงแล้ว
คุณก็จะไม่มีอาการตื่นตระหนกหรือเกิดความเครียดกังวลต่อการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นนั้นอีกต่อไป

วิธีคิดนี้ก็เหมือนกับของพี่มาร์คหรือเหล่าโมเมนตัมมาสเตอร์เลย
พวกเขาใช้วิธีคิดแบบ swing trade ก็คือไม่คาดหวังกับการรันเทรนระดับยาว
แต่ต้องการกำไรที่สมเหตุสมผลด้วยการล็อคกำไรขึ้นไปเรื่อยๆ

บางคนถึงขั้นเมื่อราคาวิ่งผ่านระดับที่กี่เท่าของความเสี่ยง
เขาจะมีการขายออกครึ่งนึงแล้วปล่อยให้ที่เหลือมันวิ่งไปตามโมเมนตัมที่ตลาดมีให้
วิธีคิดแบบนี้แหละคือการเทรดแบบไร้ความเสี่ยงที่มืออาชีพเขาทำกัน



อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน
ก็คือมูลค่าเงินเป็นดอลล่าของความเสี่ยงที่คุณต้องรับ
เมื่อเปรียบเทียบกับศักยภาพของกำไร

ตามทฤษฎีแล้วอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนของคุณนั้น
ควรจะเท่ากับ 3 ต่อ 1 เป็นอย่างน้อย

นั่นหมายถึงคุณกำลังเสี่ยงเพียงแค่ 1 ดอลลาร์ต่อทุกๆ 3 ดอลลาร์ของกำไรที่มีโอกาสได้รับมา
ถ้าความได้เปรียบของคุณและวิธีที่คุณทยอยขายทำกำไรออกมาจากการเทรดของคุณทำให้คุณมีอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนที่ 3 ต่อ 1
อัตราส่วนของไทยชนะในการเทรดของคุณสามารถต่ำกว่า 50 เปอร์เซ็นต์
โดยที่คุณยังคงทำเงินได้อย่างสม่ำเสมอ


การเลือกใช้สูตรความเสี่ยงกับผลตอบแทน 3 ต่อ 1 นั้นรวมถึงการทยอยขายเมื่อราคาวิ่งไปได้ 3 เท่าของความเสี่ยง มันเป็นการสร้างเสริมกำลังใจให้คุณว่าตลาดมอบเงินให้กับคุณ และนอกจากนั้นมันยังสนับสนุนความเชื่อของคุณที่ว่าคุณเป็นผู้ชนะที่สม่ำเสมอด้วย

เมื่อคุณทำได้อย่างนี้เป็นประจำตัวเลขต่างๆก็จะออกมาดีขึ้น
และมันจะสร้างฐานความรู้สึกของการเป็นผู้ชนะอย่างสม่ำเสมอให้แข็งแกร่งขึ้น



สรุปสั้นๆ
อยากเป็นเทรดเดอร์ผู้ชนะที่มีผลกำไรเติบโตอย่างสม่ำเสมอ
๑) คุณต้องตัดความกลัวออกไปให้หมด
๒) ด้วยการวางแผน รองรับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น
๓) วางแผนรองรับการ take profit
๔) ทำให้ตัวเองอยู่ในสถานะผู้ชนะอย่างต่อเนื่อง นั่นก็คืออยู่ใน "โซน"
๕) ยอมรับว่าการเทรดมีทั้งแพ้และชนะ ถ้าแพ้ก็ยอมรับ และสู้ใหม่
๖) หากชนะบ่อยก็ระมัดระวังไม่ให้ชนะแล้วเหลิง ด้วยการมองว่าการเทรดแต่ละครั้งไม่เหมือนกัน
๗) พูดง่ายๆคือ ทำยังไงก็ได้ให้รู้สึกว่าเป็นผู้ชนะ เมื่อชนะแล้วผ่อนคลาย เกิดการเข้าฝัก ถ้าไม่เหลิง มีการทำการบ้าน และวางแผน ทำตามแผน เทรดชนะบ่อย กำไรทบต้น เดี๋ยวก็รวยเอง

ทำให้เป็นรู้สึกว่าเป็นผู้ชนะ - ไม่กลัวความผิดพลาด - วางแผน - ยอมรับความเสี่ยง - ยอมรับการตัดสินของตลาด - เทรดด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย - ชนะ - ทำซ้ำ - ยอมรับผลที่เกิดขึ้น - ทำซ้ำ



(แนะนำเพิ่มเติม ความรู้การเทรดหุ้นของฟรี)
หากต้องการศึกษาวิธีเล่นหุ้น แนะนำให้ไปอ่านบทความฟรี คลิปฟรีที่นี่ก่อนก็ได้
เรียนเล่นหุ้น เรียนเทรด forex จิตวิทยาการเทรด มือใหม่เล่นหุ้น
คลิกลิ้งนี้ครับ https://www.zyo71.com/p/index.html เป็นสารบัญเว็บ zyo71.com นี้แหละครับ


ส่วนนี่เป็น ช่องยูทูป ของผมเอง ดูฟรีเช่นกันครับ
เข้าไปชม คลิกที่ลิ้งนี้ www.youtube.com/channel/UCTDoP5zRI4hRETT_2SSlPag/videos

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

VCP (Volatility Contraction Pattern) และรูปแบบที่คล้ายกัน

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

อธิบาย Wyckoff Accumulation Phase แบบละเอียดยิบ

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

ทฤษฏีวัฏจักรตลาดหุ้น (Market Cycle)