สาเหตุที่ทำให้นักเทรดส่วนใหญ่ ต้องขาดทุนซ้ำซาก หรือ ไม่สามารถทำกำไรได้สม่ำเสมอ

Image
สาเหตุที่ทำให้นักเทรดส่วนใหญ่ ต้องขาดทุนซ้ำซาก หรือ ไม่สามารถทำกำไรได้สม่ำเสมอ ๑) เทรดแบบงานอดิเรก - มาทรงนี้ จะไปไวมาก เพราะงานอดิเรกมีแต่จ่าย และจ่าย // อีกกลุ่มใหญ่ไม่แพ้กันคือ เทรดแบบการพนัน เล่นหุ้นเสี่ยงสูงทั้งๆ ที่ตนเองความรู้แทบไม่มี จำคำพูดเซียนมาใช้เป็นกลยุทธ์ ๒) ถึงแม้จะตั้งใจศึกษาเล่าเรียน หาความรู้และฝึกฝนอย่างหนัก ก็ยังคงมีโอกาสขาดทุนหนักอยู่ เพราะ - ไปได้ข้อมูล แนวทางที่ผิด โดยเฉพาะการโฟกัสที่ผลลัพธ์ที่แม่นยำสูง + เทรดโดยไม่มีการบริหารความเสี่ยง - แต่แม้จะได้ข้อมูลที่ดี ก็ยังมีโอกาสขาดทุนยับอยู่ ถ้าคุณมีความเชื่อที่ตรงข้ามกับกลยุทธ์/กระบวนการและกฎการเทรดที่ทำเงิน -- แบบนี้เรียกว่าความขัดแย้งจากภายใน ตัวอย่างที่ชัดมากคือ กลยุทธ์ให้คุณตัดขาดทุน แต่ถ้าภายในใจของคุณไม่เชื่อ คุณก็ทำตามไม่ได้ // กลยุทธ์ให้คุณบริหารความเสี่ยง แต่ถ้าคุณอยากรวยเร็ว คุณก็ไม่ยอมทำตาม ๓) ประสบการณ์ คือ ตัวแปรสำคัญ ของการเทรดที่ได้กำไรสม่ำเสมอ ถ้าคุณมีประสบการณ์มากพอ คุณผ่านเกมมากพอ คุณจะเข้าใจหลายเรื่อง ที่มันขัดกับความเชื่อทั่วไปของมนุษย์ได้ เพราะหลายเรื่องของเกมการเทรดนั้น ไม่ได้มีไว้เพื่อเอาชนะ -

เรียนอะไรไม่ตกงาน เงินดี เป็นเศรษฐีเงินล้าน 2019?


เรียนอะไรไม่ตกงาน เงินดี? 
เป็นคำถามจากออนไลน์ ที่รุ่นพี่ ไม่สิ คนรุ่นลุงอยากบอกน้องๆ หลานๆ ให้รู้กัน

ถ้าให้ผมแนะนำนะ คือ "เรียนภาษาอังกฤษ"

ทำไมต้องเป็นภาษาอังกฤษ?
เพราะคุณจะมีนายจ้างและลูกค้าทั่วโลกไงครับ
เนื่องจากตอนนี้โลกอยู่ในช่วงไร้รอยต่อไปแล้ว คนจากอีกมุมหนึ่งของโลก สามารถสื่อสารถึงกันได้ในเสี้ยววินาที
เรียกได้ว่าเป็นยุคที่ "ไกลแค่ไหนก็ไกล้กัน" ไปแล้วสมัยนี้

เดี๋ยวเรามาแจงในเรื่องของการได้งานต่ออีกสักนิด
การได้งานมีอยู่ ๒ แบบ คือ
๑) เป็นลูกจ้าง
๒) เป็นนายตัวเอง

ถ้าเป็นข้อแรก ผมไม่ค่อยถนัดนะ เพราะไม่เคยเป็นลูกจ้างฝรั่ง
แต่จะว่าไป การเป็นลูกจ้าง ไม่ใช่เรื่องดี เป็นประโยชน์อะไรมากนัก
เมื่อเทียบกับการเป็นนายตัวเอง (นี่เป็นความเห็นส่วนตัว)

ผมมองว่า ถ้าคุณเก่งอังกฤษได้นะ
คุณสามารถเป็นนายจ้างตัวเองได้เลย
ไม่ต้องไปของานใครด้วย

เพราะถ้าคุณรู้จักพูด รู้จักเขียน
แค่สองอย่างนี้ ท่านจะมีลูกค้าเป็นร้อยล้าน รอซื้อของ หรือสนับสนุนท่านอยู่
เพราะภาษาอังกฤษเป็นภาษาสากลไง

อย่าไปเชื่อใครที่บอกคุณว่าภาษาจีน ญี่ปุ่น จะมา
ถ้าเป็นมุมของการเรียนเพื่อเป็นลูกจ้างน่ะใช่
แต่ถ้าเรียนเพื่อเป็นนายตัวเอง ยังไงซะภาษาอังกฤษก็ยังชนะขาด

เป็นนายตัวเองแบบไหน?
โอ้โห...บานเบอะเลยครับ เดี๋ยวผมจะลิสต์ให้ดู

๑) หาเงินจากการทำช่องยูทูป youtube.com
ขอให้ท่านรู้จักถ้าวิดีโอ กล้าพูดนำเสนอ หรือเขียนบรรยายเป็นภาษาอังกฤษได้ แค่นี้ คลิปของคุณก็สามารถดึงดูดคนทั้งโลกให้มาดูแล้วครับ

๒) หาเงินจากการเขียน
ถ้าเขียนเป็น มีความคิดสร้างสรรค์ คุณทำอีบุ๊คขาย ลง amazon kindle ลูกค้าก็มีรอเป็นร้อยล้านอีกแล้วครับ ไม่ใช่แค่หลักแสนอย่างภาษาไทยด้วย

๓) หาเงินด้วยการทำ affiliate 
ก็คือเป็นนายหน้าออนไลน์ แนะนำสินค้าให้บริษัทที่เขาต้องการให้คนช่วยขาย อย่าง amazon.com, cj.com, clickbank.com, peerfly.com, linkshare.com ฯลฯ ก็แน่นอนครับ ลูกค้าทั่วโลกเช่นกัน ขอแค่ให้คุณเขียนเป็น พูดเป็น ซึ่งพวกนี้คุณสามารถทำผ่านเว็บฟรีได้ทั้งหมดเลย ที่เด็ดก็คือ youtube นี่ไงครับ เรียกว่าจับเสือมือเปล่า ไม่ต้องลงทุน ขอแค่มีความคิดสร้างสรรค์เท่านั้นพอ

๔) ขายคอร์สออนไลน์ 
ถ้าหากท่านพูดภาษาอังกฤษได้ ท่านสามารถเปิดคอร์สสอนคนทั่วโลกออนไลน์ได้ แค่อัดคลิปแล้วลงเว็บ udemy.com เรียกว่าสอนตั้งแต่เรื่องขี้ประติ๋วจนถึงระดับปรัชญาได้เลย

๕) เป็นฟรีแลนซ์ออนไลน์ 
เว็บ fiverr.com เป็นแหล่งรวมฟรีแลนซ์ที่ใหญ่ที่สุดครับ ที่นี่ท่านสามารถจ้างคนให้ทำอะไรก็ได้ ด้วยเงินแค่ 5 ดอลล่าร์สหรัฐ และแน่นอนว่าท่านสามารถเข้าไปสมัครเป็นคนรับจ้างก็ได้เช่นกัน ซึ่งการมีทักษาะภาษาอังกฤษมันช่วยให้ท่านมีลูกค้าเป็นล้านๆคน

แค่ ๕ อาชีพนี่ก็เหลือเฟือแล้วครับ
งานมีเยอะแยะครับ ขอแค่ท่านไม่เลือกและทำมันไปเรื่อยๆ ค่อยๆสะสมทักษะของมัน
ซึ่งข่าวดีก็คือ "งานพวกนี้มันไม่ต้องอาศัยใบปริญญา"
คุณกำลังเรียนมัธยม หรือเรียนมหาวิทยาลัยก็ทำได้
คุณสามารถหาเงินระหว่างเรียนได้ โดยไม่เสียการเรียน
หนำซ้ำถ้าทำได้ดี มีความคิดสร้างสรรค์นะ ดีกว่าเงินเดือนเด็กจบใหม่ รุ่นพี่คุณเสียอีก

อย่ามองขั้นตอนในการได้เงิน แค่ "เรียนจบ-เอาไบปริญญาไปแลกเงินเดือน" เลยครับ
มันเป็นเรื่องล้าสมัยไปแล้ว
นั่นมันเป็นเรื่องของ 30 - 50 ปีที่แล้ว ยุคหลังสงครามโลก
ตอนนั้น เรายังใช้เกวียนกันอยู่เลยนะ
ระยะทางร้อยกิโล เดินทางหากันใช้เวลาหลายวัน
ติดต่อกันทีต้องใช้โทรเลข

แต่ตอนนี้ เรามีรถไฟฟ้า มีเครื่องบินโลว์คอส
ระยะทางหลายร้อยกิโล เดินทางไม่กี่ชั่วโมงก็ถึงกัน
แถมคนอีซีกโลกหนึ่ง สามารถติดต่อกันคุยกันได้เหมือนอยู่ต่อหน้ากันแล้ว
เพราะมันมีอินเตอร์เน็ทครับ

อินเตอร์เน็ทนี่แหละคือตัวเปลี่ยนโลกอย่างแท้จริง

โลกเปลี่ยน คุณต้องกล้าเปลี่ยนครับ
อย่าไปยึดใบปริญญาให้มากไป เพราะมันเป็นความเชื่อของคนล้าหลัง

เพราะยุคนี้ การจะทำเงินล้านได้ ไม่ต้องมีใบปริญญาก็หาได้
ที่สำคัญคือ คนมีใบปริญญาทั้งชีวิตไม่สามารถทำเงินล้านได้มีมากมาย

ซึ่งแนวทางการหาเงินล้านแบบง่ายๆ
ก็คือ คุณต้องเรียนภาษาอังกฤษ ให้เก่ง
ไม่ต้องเทพก็ได้ แค่อ่านออก เขียนเป็น และพูดสื่อสารแบบพื้นๆ ก็ทำเงินได้แล้ว

ผมว่าเราไม่ต้องเก่งทุกเรื่องหรอก ถ้าอยากจะเป็นนายตัวเอง
คุณแค่เก่งในเรื่องที่สามารถทำเงินได้ก็พอ
นั่นคือเก่งภาษาอังกฤษให้ได้

ลงคอร์สเรียนได้มั้ย มีเงินก็ลง
แต่ถ้าไม่มีเงินล่ะทำไง?
youtube ไงครับ ท่านใช้เน็ททุกวันเพื่อดูคลิป ฟังเพลง ดูละครอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ
งั้นเรียนรู้แบบเด็กๆ คือการ "อยูู่กับภาษอังกฤษทั้งวัน"
ฟัง หรือดู รายการ คลิปภาษาอังกฤษที่ท่านชอบ ดารา หรือนักร้องที่ท่านชอบ
ฟังแล้วพูดเลียนแบบ พยายามแปลสิ่งที่เขาพูด
ซื้อดิกชันนารีสักเล่มมาเปิดอ่านท่องไปทุกวัน
รับรองครับ 3 เดือน สมองคุณจะปรับให้มีคลื่นสมองที่สอดคล้องกับภาษาอังกฤษ
แล้วจากนั้นท่านจะเข้าใจมันมากขึ้น
และถ้ามีการฝึกเขียน ฝึกพูดด้วย ท่านยิ่งก้าวหน้าได้ไว

พูดง่ายๆคือ ท่านสามารถเรียนอังกฤษได้ทั้งแบบเสียเงินและเรียนฟรี
ซึ่งมันอยู่หน้าจมูกของท่านแล้วในตอนนี้
ขึ้นอยู่กับท่านว่าจะเริ่มทำหรือเปล่า

อย่ารอให้คนอื่นชี้นำว่าต้องทำอย่างโน้นอย่างนี้ครับ
อย่ารอให้คนอื่นมาหยิบยื่นโอกาสให้ เพราะนั่นเป็นความคิดของคนล้าหลัง
คนยุคใหม่ต้องสร้างโอกาสได้เองครับ
เริ่มต้นจากการเรียรภาษาอังกฤษนี่แหละคือทางลัดที่ไวที่สุด
3 เดือน ถึง 1 ปีครับ ยอมสละเวลาเพื่อเรียนรู้มัน
เมื่อท่านได้ทักษะทางภาษานี้แล้ว โอกาสจะมารอท่านมากมายเลย
ไม่ต้องไปรอ เร่ขอสมัครงานจากใคร
เพราะตอนนี้ท่านสามารถเป็นนายตัวเองได้แล้ว

เรียนอะไรไม่ตกงาน เงินดี?
ภาษาอังกฤษ คือคำตอบสุดท้ายครับ

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

อธิบาย Wyckoff Accumulation Phase แบบละเอียดยิบ

VCP (Volatility Contraction Pattern) และรูปแบบที่คล้ายกัน

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ

วิธีการอ่านสัญญาณแท่งเทียน (Candlesticks Reading) สำหรับมือใหม่

แท่งเทียนกลับตัว - Reversal Candlesticks