ผมใช้เวลา 15 ปี กว่าจะกลายเป็นหนึ่งในเทรดเดอร์ระดับโลก และสร้างกำไรกว่า 100 ล้านดอลลาร์จากการเทรดได้
บทความนี้สรุปจากคลิป 15 Years of Trading Advice in 15 Minutes That Made Me $100M
โดย Lance Breitstein
ผมใช้เวลา 15 ปี กว่าจะกลายเป็นหนึ่งในเทรดเดอร์ระดับโลก และสร้างกำไรกว่า 100 ล้านดอลลาร์จากการเทรดได้ วันนี้ผมอยากมาช่วยคุณ “กดข้ามด่าน” เส้นทางการเรียนรู้ ด้วยการเล่า บทเรียนที่สำคัญที่สุด ของผมในแต่ละปี จากประสบการณ์ 15 ปีของการเทรด
สนับสนุนโดย อีบุ๊ก Growth Mindset สำหรับ นักเทรดผู้มุ่งมั่น
โปรโมชั่นพิเศษ ลดราคา 20% จากราคาปก จาก 120 เหลือ 96 บาท
เฉพาะ 15-17 สิงหาคมนี้ เท่านั้น
ผมชื่อ Lance Brightstein อดีตเทรดเดอร์อันดับต้น ๆ ของ Exillium และยังเป็นเมนเทอร์ให้กับเทรดเดอร์ที่ทำกำไรระดับเจ็ดถึงแปดหลักต่อปี และใช่ครับ...ตอนเริ่มแรก ผมก็แย่มากเหมือนกัน
ผมเริ่มเทรดในปี 2011 และบทเรียนแรกคือ คุณต้องเชื่อมั่นในกระบวนการ และโฟกัสที่การพัฒนาตัวเองทุกวัน ตอนนั้นผมเริ่มต้นได้แย่มาก การเทรดจริงมันเร็วมากจนผมทำผิดซ้ำ ๆ ไม่กล้าเข้าออเดอร์ ไล่ตามราคา และดันทุรังถือขาดทุนเกินจุดตัดขาดทุน แต่เมื่อผมถอยออกมาเพื่อสร้าง “กรอบการพัฒนา” ที่เป็นระบบ ผมถึงเริ่มเห็นความก้าวหน้า แม้ตอนนั้นยังไม่ได้กำไร แต่เปอร์เซ็นต์ชนะ และจำนวนวันที่ปิดบวก เริ่มดีขึ้น นั่นคือสัญญาณว่าผมเดินมาถูกทางแล้ว
---
---
ปีที่ 2 – 2012
ผมสร้างแนวคิด “เครื่องสล็อตเสีย” (Broken Slot Machine) นั่นคือ เลือกเทรดแค่หุ้นไม่กี่ตัวที่เด่นจริง ๆ เพราะผมเห็นว่า ส่วนใหญ่กำไรของบริษัท มาจากแค่ไม่กี่ดีลต่อวัน ในขณะที่เทรดเดอร์ส่วนใหญ่กลับเสียเงินไปกับหุ้นตัวอื่น ๆ ผมจึงโฟกัสเฉพาะ หุ้น In-Play — หุ้นที่มีกราฟโดดเด่น ปริมาณการซื้อขายสูง ความผันผวนแรง หรือมีข่าวสดใหม่ สิ่งนี้กลายเป็นหลักการที่ผมยังใช้มาจนถึงทุกวันนี้
---
Trader’s Journey: กว่าจะสำเร็จ...นักเทรดต้องเจออะไรบ้าง? มีจำหน่ายเป็นอีบุ๊กที่ https://www.mebmarket.com/?action=book_details&book_id=270047
---
ปีที่ 3 – 2013
นี่คือปีที่ผม “ทะลุเพดาน” ได้สำเร็จ ผมเริ่มสร้าง Playbook หรือ “สมุดเกมเทรด” ของตัวเอง โดยเลือกเพียง 2 กลยุทธ์ที่ง่ายและทำกำไรได้จริง กลยุทธ์แรกคือเล่นรีบาวด์ (Mean Reversion) กับหุ้นเทคโนโลยีที่เปิดตลาดแล้วแกว่งแรง อีกกลยุทธ์คือเล่นสวนเมื่อหุ้นขึ้นแรงหลายวันเกินไป ผมโฟกัสแค่สองอย่างนี้ ค่อย ๆ เพิ่มขนาดไม้ และที่สำคัญคือพยายามลดความผิดพลาดที่ไม่จำเป็น นี่แหละครับที่ทำให้ผมเริ่ม มีกำไรสม่ำเสมอ และเริ่มมี “เช็คเงินเดือน” จากการเทรด
---
ปีที่ 4 – 2014
คุณอาจคิดว่าพอเริ่มมีกำไรแล้ว ทุกอย่างจะราบรื่น แต่ต้นปีนั้น ผมเกือบพังทั้งอาชีพ เพราะขาดทุนเกิน $100,000 จากข่าวบริษัท Allergan ที่ประกาศหลังตลาดปิด ผมดันถือชอร์ตอยู่พอดี ช่วงเวลานี้สั่นคลอนความมั่นใจสุด ๆ แต่ผมก็สร้าง กฎการรับมือ Drawdown เช่น การตั้งลิมิตขาดทุนต่อวัน ต่อสัปดาห์ ต่อเดือน และบังคับหยุดทันทีหากเกิน นี่กลายเป็นเกราะป้องกันอาชีพของผม และช่วยลูกศิษย์ผมอีกหลายคนไม่ให้หมดอนาคตเช่นกัน
---
ปีที่ 5 – 2015
ผมได้แนวคิดใหม่ที่เรียกว่า “Bobblehead Concept” นั่นคือการโฟกัสที่ Expected Value หรือมูลค่าที่คาดหวังในการเทรดแต่ละวัน แทนที่จะยึดติดกับกำไรขาดทุน ผมถามตัวเองทุกวันว่า วันนี้ฉันเรียนรู้อะไรใหม่หรือเปล่า? ฉันพัฒนาขึ้นไหม? นี่(คือ Growth Mindset) ทำให้ผมมองการเทรดเหมือนการฝึกซ้อมระยะยาว แทนที่จะย่ำแย่เพราะวันแดง
---
ปีที่ 6 – 2016
ผมย้ายไปช่วยเปิดออฟฟิศใหม่ที่ชิคาโก และเรียนรู้ว่า สภาพแวดล้อมมีผลต่อความสำเร็จอย่างมาก การเทรดไม่ใช่กีฬาคนเดียวเสมอไป เมื่อคุณอยู่กับทีมที่เก่งและผลักดันกัน คุณจะเติบโตเร็วขึ้น ผมจึงแนะนำเทรดเดอร์ทุกคนให้เข้ามีทติ้งหรือกลุ่มคอมมูนิตี้ เพราะคุณจะเก่งขึ้นและไม่เหงา
---
ปีที่ 7 – 2017
ผมได้แนวคิด “Daily Report Card” จาก Dr. Christine Berger แห่ง SMB Capital คือการให้คะแนนตัวเองทุกวัน ไม่ใช่แค่คิดเอาเองว่าทำได้ดีหรือไม่ดี แต่เขียนลงไปเลยว่า “วันนี้ฉันทำอะไรดี อะไรพลาด พรุ่งนี้จะปรับยังไง” การทบทวนแบบนี้เปลี่ยนผมอย่างสิ้นเชิง และเป็นหนึ่งในกุญแจที่พาผมไปถึงกำไร $100 ล้าน
“Daily Report Card” คืออะไร?
“Daily Report Card” (หรือ DRC) คือ การบ้านประจำวันของนักเทรด ที่ให้คุณ สะท้อนผลการเทรดของตัวเองแบบมีระบบ ไม่ใช่แค่คิดเอาเองว่า “วันนี้โอเค” หรือ “วันนี้แย่” แต่เป็นการ ให้คะแนนตัวเองในหมวดหมู่สำคัญ ๆ เช่น
✅ การวางแผนก่อนเปิดตลาด (Preparation)
✅ การเข้าตามระบบ (Execution)
✅ การบริหารความเสี่ยง (Risk Management)
✅ การควบคุมอารมณ์ (Psychology/Discipline)
✅ การเรียนรู้และปรับปรุง (Review & Improvement)
คุณจะเขียนออกมาเลยว่า วันนี้ฉันทำอะไรดี, พลาดตรงไหน, และพรุ่งนี้จะปรับปรุงยังไง
🧠 ทำไมมันถึงสำคัญ?
การเทรดเหมือนกับการเป็น “นักกีฬาอาชีพ”
นักกีฬาทุกคนหลังแข่งต้องดูวิดีโอเกมย้อนหลัง → เพื่อหาจุดบกพร่อง
นักเทรดก็เช่นกัน → ถ้าไม่รีวิวการเล่นของตัวเอง คุณจะวนลูปผิดพลาดเดิม ๆ
Daily Report Card จะช่วย:
สร้าง Feedback Loop → คุณเรียนรู้เร็วขึ้นเพราะรู้จุดที่ต้องแก้ทันที
ทำให้โฟกัสที่กระบวนการ ไม่ใช่แค่ P&L → วันแดงก็ยังมีคุณค่าเพราะคุณได้เรียนรู้
ลดการหลอกตัวเอง → เพราะคุณต้องเขียนเป็นลายลักษณ์อักษร ไม่ใช่คิดลอย ๆ
สะสมความก้าวหน้าเล็ก ๆ ทุกวัน → สุดท้ายกลายเป็นการพัฒนายิ่งใหญ่
✍️ ตัวอย่างการเขียน Daily Report Card
หลังปิดตลาด คุณอาจเขียนแบบนี้ (สั้น ๆ ก็ได้):
วันนี้ (17 ส.ค. 2025):
✅ ดี: เตรียมแผนชัดเจน 3 ตัว, เข้าตามระบบ 2 เทรดแรก
❌ พลาด: ไล่ราคาใน AAPL เพราะกลัวตกรถ, ไม่กด Stop Loss ตามที่วางไว้
🎯 พรุ่งนี้: จะเตือนตัวเองด้วย Sticky Note บนหน้าจอว่า “ไม่ไล่ราคา” และจะซ้อมกด Stop ใน Replay ก่อนนอน
🔑 สรุป
“Daily Report Card” ไม่ใช่แค่สมุดบันทึก แต่คือ กระจกที่สะท้อนนักเทรดในตัวคุณ
ใครก็ตามที่ทำสิ่งนี้อย่างจริงจังทุกวัน จะเห็นพัฒนาการเร็วขึ้นแบบก้าวกระโดด
---
ปีที่ 8 – 2018
ผมเลิกพยายาม “จับมีดร่วง” (Catch Falling Knife) แล้วหันมาเล่นฝั่ง Right Side of the V คือรอให้หุ้นลงแรงจนหมดแรง แล้วค่อยเข้าเมื่อการกลับตัวเริ่มชัดเจน วิธีนี้ทำให้ความเสี่ยงลดลง Win Rate สูงขึ้น และผมเริ่มไต่อันดับขึ้นอย่างรวดเร็วใน Trillium
---
ปีที่ 9 – 2019
ปีนี้คือจุดเปลี่ยนใหญ่ เพราะผมได้อ่านหนังสือ Atomic Habits ของ James Clear และนำหลักการ พัฒนาขึ้นวันละ 1% (อ่าน Kaizen Trader) มาใช้กับการเทรด ช่วงเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่พัฒนาได้ทุกวัน พอสะสมต่อเนื่อง ก็นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
ทุกเช้าผมเริ่มต้นด้วยคำถามง่าย ๆ ว่า “วันนี้ฉันจะปรับอะไรให้การเทรดดีขึ้น 1% ได้บ้าง?” ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงด้านเทคโนโลยี เพิ่มแท็กใหม่ ๆ ในซอฟต์แวร์จดบันทึก คิดไอเดียเทรดใหม่ ๆ หรือหาข่าวปัจจัยกระตุ้น (Catalyst) เพิ่มเติม ทุกอย่างสะสมเป็นพลังทบต้น ผมไม่เคยออกจากออฟฟิศจนกว่าจะทำอะไรสักอย่างที่ทำให้ตัวเองเก่งขึ้น 1% เมื่อเวลาผ่านไป การปรับเล็ก ๆ เหล่านี้ กลายเป็นการพัฒนา “ขอบเขตความได้เปรียบ” ที่ยิ่งใหญ่
---
ปีที่ 10 – 2020
นี่คือปีแห่งโอกาสไม่ธรรมดา ความผันผวนสูงจนแทบทุกวันมีจังหวะดี ๆ ให้เล่น สิ่งที่ทำให้ผมแตกต่างจากเทรดเดอร์ส่วนอื่น ไม่ใช่แค่การเห็นโอกาส แต่คือการ กล้าใส่เงินให้มากขึ้นแบบทวีคูณ เมื่อเห็นว่าเป็นจังหวะ A+ Setup ผมก็กดคันเร่งให้สุด ขนาดการเล่นของผมไม่ได้เพิ่มขึ้นแบบเส้นตรง แต่เป็นการ “ทบแรง” เมื่อมั่นใจจริง ๆ แน่นอนครับ นี่ไม่ใช่สิ่งที่มือใหม่ควรทำ คุณต้องเชี่ยวชาญ Setup ของตัวเองก่อน แต่เทรดเดอร์ระดับท็อปทุกคนที่ผมรู้จัก ต่างก็ใช้กลยุทธ์การ “ใส่เงินแบบทวีคูณ” Position Sizing ในจังหวะที่ใช่
---
อีบุ๊ก เคล็ดลึก Position Size ปั้นพอร์ตเล็กให้เติบใหญ่ อย่างมั่นคง
---
ปีที่ 11 – 2021
ทักษะเทคนิคต่าง ๆ ของผมเข้าที่หมดแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดคือ จิตวิทยาและการจัดการสภาพจิตใจ เพราะต่อให้คุณมี Edge ดีแค่ไหน หากจิตใจไม่นิ่ง คุณก็จะพลาดโอกาสตรงหน้า ผมเริ่มทำงานกับโค้ชด้าน Performance และ Health เพื่อดูแลทั้งร่างกายและจิตใจ ไม่ใช่เพื่อความฟรุ้งฟริ้ง แต่มันคือสิ่งจำเป็นหากคุณต้องการเล่นในระดับสูงสุด ทุกวันผมจะทบทวนว่า วันนี้ฉันนอนพอไหม? มีสมาธิไหม? หลังจากชนะใหญ่ ฉันยังคุมอารมณ์ได้หรือเปล่า? การมี “จิตใจที่นิ่ง” คือกุญแจสำคัญในการคงความสม่ำเสมอ
---
อีบุ๊ก สโตอิกศาสตร์ สำหรับนักเทรด : เก็บเกี่ยวกำไร เย็นใจ ในเกมที่ไม่แน่นอน
จำหน่ายแล้วที่ https://www.mebmarket.com/?action=book_details&book_id=319842
---
ปีที่ 12 – 2022
ปีนี้เหมือนการถูกน้ำเย็นสาดใส่ หลังจากปีทองของ 2020–2021 ตลาดเริ่มเงียบ รูปแบบที่เคยทำกำไรได้หยุดทำงาน เทรดเดอร์หลายคนติดอยู่กับ Playbook เดิม ๆ แต่ผมเลือกที่จะ ปรับตัวอย่างรวดเร็ว ผมตรวจสอบว่าอะไรไม่เวิร์ก ก็ตัดทิ้งอย่างไร้ปรานี และสร้างระบบใหม่ที่เหมาะกับตลาดปัจจุบัน บทเรียนคือ การเอาตัวรอดในตลาด ไม่ใช่เรื่องบุกตะลุยเสมอไป แต่คือการ “ปรับตามตลาด” ให้เร็วกว่าใคร
---
ปีที่ 13 – 2023
ผมพิสูจน์ตัวเองในสาย Intraday Trading ได้มากพอแล้ว แต่ผมเริ่มโหยหาสมดุลชีวิต ผมจึงหันไปเน้น Swing Trading ถือหุ้นข้ามวัน รวมกับการขาย Options Premium สิ่งนี้ช่วยให้ผมได้ “ถอยออกมา มองภาพกว้าง” ใช้เวลาน้อยลง หน้าจอไม่กักขังผมอีก 10 ชั่วโมงต่อวัน ที่น่าทึ่งคือ P\&L ไม่ได้ลดลงเลย การเทรดยาวขึ้นทำให้ผมใจเย็นขึ้น ชัดเจนขึ้น และมีชีวิตที่ยั่งยืนกว่า
---
สนับสนุนโดย อีบุ๊ค "เคล็ดลึก สวิงเทรด ให้ได้กำไรสม่ำเสมอ" https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTk5MjQzNSI7czo3OiJib29rX2lkIjtpOjMzNjYyMjt9
---
ปีที่ 14 – 2024
ผมผลักดันตัวเองไปไกลกว่าแค่หุ้นธรรมดา ผมหันไปศึกษา Options, Futures และการเทรดข้ามคืน แต่ละผลิตภัณฑ์มีความเฉพาะตัว มี Edge ที่ต่างกัน สิ่งนี้ไม่ใช่แค่เพิ่มเครื่องมือ แต่มันคือการสร้าง พอร์ตโฟลิโอทักษะที่หลากหลาย ให้ปรับใช้ตามสถานการณ์ ยิ่งคุณเปิดรับตลาดและผลิตภัณฑ์มากเท่าไร คุณก็ยิ่งมีโอกาสสร้างกำไรมากขึ้น
---
ปีที่ 15 – 2025 (ปัจจุบัน)
แม้จะผ่านมา 15 ปีแล้ว แต่บทเรียนที่ผมยังต้องทวนเสมอคือ “ทันทีที่คุณคิดว่ารู้หมดแล้ว นั่นแหละคือจุดเริ่มต้นของการถดถอย” ปีนี้ผมใช้เวลามากขึ้นกับการสร้างเครือข่ายกับเทรดเดอร์ระดับท็อป การถามคำถาม และการเป็นเมนเทอร์ให้คนรุ่นใหม่ ผมยังคงปรับระบบ ปรับกลยุทธ์ และรูทีนอยู่เสมอ เพราะการเทรดไม่มีเส้นชัย
มองย้อนกลับไป สิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่เงินหรือชื่อเสียง แต่มันคือ การเติบโต จากเด็กใหม่ที่สับสน ไปจนถึงเมนเทอร์ผู้ถ่ายทอดบทเรียน ทุกปีมาพร้อมทั้งความล้มเหลวและความก้าวหน้า ทุกครั้งคือการเปลี่ยนมุมมอง ที่ช่วยสร้างผมขึ้นมาเป็นคนที่ผมเป็นในวันนี้
การเดินทางนี้ไม่เคยเกี่ยวกับการหาทางลัด แต่มันคือการสร้างความเชี่ยวชาญทีละก้อน ๆ อิฐ พัฒนาตัวเองทุกวันไม่หยุด ตลาดเปลี่ยน เราเปลี่ยน Edge ก็เปลี่ยน แต่ถ้าคุณยังคงมุ่งมั่นที่จะเติบโต ทบทวน และผลักดันขีดจำกัดของตัวเองทุกวัน รางวัลทั้งทางการเงินและชีวิตจะยิ่งใหญ่เกินคาด
“ความยิ่งใหญ่ในการเทรด ไม่ได้เกิดขึ้นในชั่วขณะเดียว แต่มันถูกสร้างขึ้นด้วยการขัดเกลาที่ไม่หยุดหย่อนตลอดเวลา”