IPO ที่ยอดเยี่ยม และเหตุผลว่าทำไมการเทรด IPO ถึงมี Edge

Image
Qullamaggie เล่าว่า เขาชอบเทรดหุ้น IPO ใหม่ๆ มาก ไม่ว่าจะเป็น - IPO ที่เบรกขึ้น - IPO ที่โดนทุบลงมาแล้วเริ่มฟื้น (beat-and-down IPO) - หรือรูปแบบอื่นๆ ที่เป็นการเปลี่ยนเทรนด์ เหตุผลไม่ใช่เพราะ “มันดูเท่” แต่เพราะ มันมี Edge จริงๆ ที่มา https://x.com/i/status/2004040960360026543 Step 1: IPO คือหุ้นใหม่ → ข้อมูลยังไม่แน่น หุ้น IPO คือหุ้นที่เพิ่งเข้าตลาด สิ่งสำคัญคือ สถาบันใหญ่ยัง “ซื้อไม่ครบ” กองทุนยังจัดพอร์ตไม่เสร็จ ยังไม่มีใครถือเยอะจริง ตรงนี้แหละครับคือ ความได้เปรียบของนักเทรดรายย่อย เพราะราคายัง “ไม่ถูกกำหนด” แบบชัดเจน Step 2: ความตื่นเต้น + เรื่องราวใหม่ = พลังของเทรนด์ IPO มักมาพร้อมกับ - ธีมใหม่ - เทคโนโลยีใหม่ - อุตสาหกรรมที่ตลาดกำลังสนใจ Qullamaggie ยกตัวอย่าง TLRY ตอนนั้นหุ้นกัญชามีน้อยมากในตลาด ผลคือ TLRY พุ่งจากประมาณ 22 ไปถึงเกือบ 300 หรือ BYND (Beyond Meat) จากราว 50 ขึ้นไปถึง 240 นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่มันคือผลของ “ของใหม่ + ของหายาก + ความฝันของนักลงทุน” Step 3: ถ้า IPO อยู่ใน “Hot Sector” พลังจะยิ่งแรง Qullamaggie เน้นมากว่า ถ้า IPO เข้ามาในช่วงที่อุตสาหกรรมนั้...

เมื่อ SET ลงหนัก หุ้นนำตลาดก็หาง่ายขึ้น

 เมื่อ SET ลงหนัก หุ้นนำตลาดก็หาง่ายขึ้น


สองวันที่ผ่านมา set ลงแรงเพราะดัชนีทั่วโลกแดงกันถ้วนหน้า

นักลงทุนส่วนใหญ่กลัวกันมาก พากันแย่งกันขายหุ้นออก โดยเฉพาะช่วง ato ลงแรงเป็นพิเศษ เพราะแย่งกันตั้งขายกันหนาแน่น เมื่อความต้องการขายมีมากกว่าซื้ออย่างมโหฬาร ราคาจึงเปิด gap ลงกันทั้งกระดาน ก็ถือเป็นปรากฏการณ์ของความ oversold ที่มือใหม่ควรจำไว้ว่าความกลัวทรงมันเป็นแบบนี้นี่เอง

.

แต่ในท่ามกลางความกลัวของคนกลุ่มใหญ่ที่ปกคลุมตลาด ผมรู้สึกถึงความปีติของคนกลุ่มเล็กๆ จากการขนเงินก้อนใหญ่มาซื้อหุ้นชั้นดีที่เขาเชื่อว่ามันน่าจะมีดีกว่านี้อีกในเวลาอันไกล้นี้

 .

การที่หุ้นตัวใดก็ตามสามารถยืนได้ในระดับที่ดีกว่า set และหุ้นตัวอื่นๆส่วนมากได้ นับว่าหุ้นตัวนั้นเป็น "หุ้นนำตลาด" ครับ

.

ผู้นำ มักจะมีบุคลิกพิเศษเหนือกว่าผู้ตาม ก็คือ "พร้อมที่จะออกตัวไปข้างหน้า" เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย ถ้าคุณสามารถหาพวกมันเจอ ก็จะมีโอกาสได้กำไรไวกว่าซื้อหุ้นตามตลาด

.

วิธีการหาหุ้นนำตลาดแบบง่ายๆ ก็คือรอตอนที่ set ลงแรงๆนี่แหละครับ

โดยให้ท่านสแกนหาหุ้นที่เป็นขาขึ้นด้วยสูตรนี้

ราคา >= ema20

โดยที่ ema20 > ema50

ซึ่ง ema50 > ema100

และ ema100 > ema200

.

ทำไมต้องเป็น ema20?

ผมมองว่ามันเป็นเส้นค่าเฉลี่ยสุดท้ายที่บอกว่าหุ้นตัวนั้นยังมีโมเมนตัมที่แข็งแรงครับ



เมื่อได้รายชื่อหุ้นออกมาแล้วก็คัดเอาเฉพาะตัวที่เป็นขาขึ้นแข็งแรงออกมาครับ

ดูยังไงว่าแข็งแรง?

๑) ความชันของเส้นค่าเฉลี่ย ยิ่งชันยิ่งแข็งแรง

๒) องศาของเส้นค่าเฉลี่ย เฉียงขึ้นในระดับพอดี 45 องศา ขึ้นไป 

๓) ราคาย่ำฐานเหนือเส้นค่าเฉลี่ย เปิดต่ำกว่าเส้นได้ แต่ควรถูกไล่ซื้อให้ไปปิดบนเส้นหรือเหนือกว่าจะดีมาก

.

จุดซื้อที่น่าสนใจ

๑) รอให้ set หยุดลงก่อน และแสดงออกว่าอยากเด้งขึ้นมากกว่าลง

๒) เมื่อ set มีอารมณ์ดีขึ้น คนในตลาดอีกกลุ่มที่รอจังหวะแบบนี้ เขาจะเริ่มไล่ราคาขึ้นไปครับ ตอนนี้แหละที่มันจะดีดแรง เพราะราคาถูกอั้นเอาไว้ วอลุ่มการซื้อขายก็จะเพิ่มขึ้นตามมาด้วย ตอนนี้แหละที่น่าซื้อแล้ว เพราะไม่ต้องรอนาน หากมันสร้างฐานก่อนหน้านี้ไว้ก็ยิ่งดี จะได้มีจุดซื้อตอนที่ราคา breakout




(แนะนำหนังสือหุ้นของ Zyo ที่ไม่มีขายตามท้องตลาด)


7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

กราฟหุ้น GFPT ล่าสุด

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

$BMNR ทำธุรกิจอะไร? จุดแข็ง/จุดอ่อน และตัวเร่ง

Grok? $IREN หุ้นอเมริกาตัวนี้ ถูกเชียร์เกินเหตุหรือเปล่า?