นักเทรดต้องเรียนรู้ที่จะเป็นเพื่อนที่ดีของตนเอง

การเทรด ดูเหมือนง่าย แต่แท้จริงแล้วโคตรยาก มันจึงควรเป็น “กระบวนการเรียนรู้” ระยะยาว อย่าทำร้ายตนเอง ในวันแย่ ๆ แต่จงเปิดใจมองหาบทเรียนเพื่อเรียนรู้แทน อย่าไปแคร์นักเทรดขี้โม้บนสื่อโซเชียล ที่ชอบอวดว่าตนรู้ทุกอย่าง ทั้งที่แท้จริงแล้ว แม้แต่สุดยอดนักเทรดก็ยังพลาดได้ในธุรกิจนี้ – แมท คารูโซ . มนุษย์ สามารถผิดพลาดได้เสมอ แม้แต่มือโปร ก็ยังตัดสินใจโง่ ๆ โดยขาดสติบางครั้ง เมื่อผิดพลาด... มือใหม่: ทำร้ายตัวเอง/ปล่อยให้อารมณ์ครอบงำ และ ทำความผิดพลาดซ้ำเติม มือโปร: ยอมรับและเข้าใจความผิดพลาดของตนเอง/รักษาทัศนคติเชิงบวกไว้/ตั้งสติและโฟกัสให้ดีขึ้น/รักษาสภาพจิตใจที่มั่นคงเป็นกลางไว้ - เทรดดิ้งคอมโพเชอร์ . ทุกคนล้วนทำความผิดพลาดกันได้ ผมคิดว่าผู้คนจำนวนมากทำร้าย(และโทษตัวเอง)มากเกินไปเมื่อทำผิดพลาด – วอร์เรน บัฟเฟตต์ . บทเรียนสำคัญของการเทรดที่คุณควรรู้: คุณต้องเรียนรู้ที่จะเป็นเพื่อนที่ดีของตัวเอง อย่าเป็นศัตรูกับตัวเอง เพราะคุณมีคู่แข่งเยอะแล้ว ทั้งมือโปร ทั้งตลาด  และพวกขี้โม้ ดังนั้นอย่าเพิ่มคู่แข่งที่อันตรายที่สุดด้วยการ เป็นปฏิปักษ์กับตัวเองอีกเลย

เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ในมุมของค่ากลาง


แม้ว่าเส้นค่าเฉลี่ยจะเป็นผลมาจากการคำนวณราคาย้อนหลัง แต่มันก็สามารถมีนัยยะต่อการเคลื่อนไหวของราคาในปัจจุบันได้ เพราะมันทำหน้าที่เป็นแนวรับหรือฐานการเคลื่อนที่ขึ้นหรือลงของราคาได้ตลอดแนวโน้ม โดยเฉพาะเส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้น อย่าง EMA5 และ EMA10 ดังนั้นผมจึงมองว่าเราสามารถใช้มันเป็น "ค่ากลาง" หรือราคาเฉลี่ยของหุ้นในช่วงนั้นได้เป็นอย่างดีครับ

แล้วการเป็นค่ากลาง ที่ว่านี้มันจะเอาไปใช้ประโยชน์จากมันได้อย่างไร?

ในที่นี้ ผมอยากชวนท่านมองการเคลื่อนไหวของราคาในแต่ละช่วงเป็น วัฏจักร ครับ คือ เริ่มต้นจากปกติ พอขึ้นไปได้สักพักก็จะมีคนรู้สึกว่าแพงเกินไปแล้ว ก็เริ่มมีการขายหุ้นออกมา ส่งผลให้ราคากลับตัวลง พอลงต่อเนื่องก็จะเข้าสู่ช่วงที่คนส่วนหนึ่งมองว่าราคาถูกเกินไปแล้ว ก็จะเข้ามาซื้อ ดันให้ราคากลับตัวขึ้นไปใหม่

ถ้าจะวาดรูปออกมาให้ดูก็จะออกมาเหมือนโลโก้ SET เลยครับ

แนวทางการประยุกต์ใช้ก็คือ เราสามารถเอาลักษณะการเคลื่อนไหวแบบนี้ไปจับจังหวะซื้อและขายได้ครับ

ซื้อ เมื่อเห็นว่าราคากลับตัวจากการลงเป็นขึ้น

ขาย เมื่อเห็นว่าราคากลับตัวจากการขึ้นเป็นลง

นี่คือไอเดียคร่าวๆครับ





ประเด็นที่ต้องต่อยอดจากนี้คือ

เมื่อไหร่ที่ราคาถึงจุดกลับตัว มันส่งสัญญาณอะไรที่เราพอจะจับได้บ้าง?

ก่อนอื่นต้องถามว่าทำไมคนถึงอยากขาย มีสองเหตุผลคือ เห็นว่าคนอื่นๆมีความกล้ามากเกินไปแล้ว มืออาชีพก็จะใช้เป็นสัญญาณขาย แบบ selling into strength

อีกเหตุผลคลาสสิคที่ลงทุนทั่วไปคิดอยากขายก็คือรูสึกกลัว

ตรงนี้แหละที่เป็นจุดโฟกัสเอามาขยายความอีก

กล้ามากเกินไป คือลักษณะไหน? ถ้าจะอธิบายผ่านเทคนิคอลมันก็คือ ช่วงที่ราคาเข้าสู่โซน overbought  นั่นเองครับ





ทีนี้ การ overbought ก็สามารถมองได้หลายคาบเวลาแล้วแต่ประเภทนักลงทุน เช่น คนเล่นสั้นก็ใช้การดูการเคลื่อนไหวของราคาที่รุนแรงเป็นจุดสังเกตสำหรับขาย เพราะเชื่อว่าราคาขึ้นมาถึงจุดกลับตัวแล้ว ต่อไปเจอขายต้านแน่ ซึ่งเป็นลักษณะของการ selling into strength นั่นเอง

ในทางตรงข้าม oversold ก็เป็นช่วงที่พวกเขามองเห็นความกลัวสุดขีดผ่านการเคลื่อนไหวของราคาที่ลงแรงต่อเนื่องได้เช่นกัน

ส่วนคนที่เล่นยาว ก็ใช้หลักการเดียวกันนี้แหละครับ แต่เขาเลือกมองผ่านแท่งเทียนที่ยาวกว่าคือแท่งราคารายสัปดาห์แทน





เมื่อเอาเส้นค่าเฉลี่ยมาใช้ร่วม ก็จะทำให้เราเห็นลักษณะของรุนแรงได้ชัดขึ้น โดยการดูระยะห่างจากราคาปิดกับเส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้น ห่างมากก็มีสิทธิ์กลับตัวสูง ดูตัวอย่างกัน


สรุปคือ เห็นแท่งราคาปิดห่างจาก ema5 มากไป แบบที่ไม่เคยทำได้มาก่อน หรือ เกิน 10% ก็ให้หาจังหวะขายออกได้ครับ





7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

อธิบาย Wyckoff Accumulation Phase แบบละเอียดยิบ

7 นิสัย ของนักเทรดมืออาชีพ ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง

ใช้ EMA 200 เทรด จะเป็นเศรษฐีได้มั้ยหนอ (EMA200 Trading)

วิธีการอ่านสัญญาณแท่งเทียน (Candlesticks Reading) สำหรับมือใหม่

Good trade คืออะไร? ในมุมมองของมือโปร