เหตุใดเราจึงควรใส่ใจเกี่ยวกับแง่มุมทางจิตของการเทรด?

Image
เหตุใดเราจึงควรใส่ใจเกี่ยวกับแง่มุมทางจิตของการเทรด?  Dr. Van K. Tharp พูดเสมอว่า “นักเทรดไม่เทรดตามที่ตลาดเป็นหรอก  แต่พวกเขาเทรดตามความเชื่อของพวกเขา”   เรื่องนี้ผมเห็นด้วยอย่างสมบูรณ์   ความเชื่อของผมมีดังนี้:  1) นักเทรดที่ประสบความสำเร็จมีกลไกการซื้อ/ขายที่สมเหตุสมผลและช่วยให้เขาลงมือตามสัญญาณได้ทันที   2) นักเทรดที่ประสบความสำเร็จมีแนวทางที่สมเหตุสมผลในการกำหนด Position Size ของเขาอย่างเป็นระบบ ซึ่งช่วยลดความน่าจะเป็นที่จะถูกทำลาย   3) นักเทรดที่ประสบความสำเร็จมีกลยุทธ์ที่ช่วยลด Drawdown ของ Equity Curve เพื่อทำให้เขาเครียดน้อยลง   4) ตลาดจะเปลี่ยนแปลงเสมอ มันจะขึ้น, ลง, และไซด์เวย์ 5) การลอกกลยุทธ์คนอื่นมาใช้ทั้งดุ้น มักจะไม่เวิร์ค  การสร้างกลยุทธ์หรือพัฒนากลยุทธ์ที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณคือแนวทางที่มีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่า 6) ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบในการเทรด   7) ตลาดจะทำในสิ่งที่มันอยากจะทำ - Tom Basso จากหนังสือ The All-Weather Trader

แท่งเทียนกลับตัว - Reversal Candlesticks

********
แนะนำบทความรวมคลิป = คอร์สหุ้นออนไลน์ 
ชมฟรีครับ ที่ช่องยูทูปของ zyo


***********


ทริคในการเทรดโดยรูปแบบแท่งเทียน ของ 9professsionaltrader
เราสามารถดูแท่งเทียนเพียงอย่างเดียวในการเทรด ได้ แต่เพื่อความแม่นยำ ควรจะดูควบคู่ไปกับ Indicators หรือ เครื่องมืออื่นๆไปด้วย เช่น

1.ผมจะดูรููปแบบของแท่งเทียนควบคู่ไปกับการดู Overbought Oversold เมื่อ Indicators บอกเราว่า ราคาได้ Oversold แล้ว ก็จะมาดูที่ราคา แล้วรอจนกว่าราคาจะเกิดแท่งเทียนกลับตัวเป็นแท่งเทียนขาขึ้น หรือเป็นรูปแบบกราฟแท่งเทียนขาขึ้น (Bullish Candle Pattern) จากนั้นเราจึงตัดสินใจที่จะซื้อ (Buy)

2.ดูรูปแบบแท่งของแท่งเทียนควบคู่ไปกับ Trendline เมื่อราคาลงมาชนเส้นแนวโน้มขาขึ้น (Support Trendline or Uptrendline) พอมันลงมาชนแล้วเด้งขึ้น แล้วเราก็รอดูราคาปิดของแท่งเทียน ถ้าราคาปิดสูงกว่า กึ่งกลางของแท่งก่อนหน้านั้น แล้วเราจึงสินใจ Buy (ในกรณีที่ราคาขึ้นไปชนแนวโน้มขาลง(Resistance Trendline) ก็ทำตรงข้ามกัน)

3.ดูรูปแบบแท่งเทียนควบคู่กับ แนวรับแนวต้านจากราคาในอดีต และ Fibonacci เมื่อราคาแตะแนวรับแนวต้าน ให้เราสังเกตลักษณะแท่งเทียน ถ้าชนแนวเด้ง นั่นหมายความว่า ราคามีโอกาสกลับตัว แต่ถ้าชนแล้วผ่านฉลุย ปล่อยให้ราคามันวิ่งไป อย่าไปแตะมัน

Credit:www.9professionaltrader.blogspot.com รูปแบบกราฟแท่งเทียน (Candlestick Chart Patterns) | Forex Trading Blog สอนเทรด Forex - แหล่งศึกษาข้อมูล Forex และสอน Trade Forex แบบมืออาชีพ
Under Creative Commons License: Attribution

ช่อง CryptoZyo แนวทางการสวิงเทรด Crypto
ข้อสังเกต จากการเทรด Bitcoin และเหรียญ Crypto โดย CryptoZyo




DARK CLOUD COVER
(ตอนเปิดๆ สูงคนรีบแย่งกันซื้อเหมือนแย่งขึ้นเรือ แต่หลังจากนั้นราคาเริ่มดีดลงและคนซื้อเริ่มรู้สึกว่าคล้ายเรือที่กำลังจมจึงรีบเทขายหรือกระโดดออก)
Dark Cloud Cover (ดูภาพที่ 4.24) เป็นรูปแบบแท่งเทียน 2 แท่งซึ่งเป็นจุดกลับตัวในช่วงขาขึ้น หรือขาขึ้นช่วงสั้น เช่น side way แท่งเทียนแรกเป็นแท่งสีขาวยาว แท่งต่อมาราคาเปิดเหนือจุดสูงสุดของแท่งก่อนหน้า (รวมถึงไส้เทียนด้านบน) และแท่งเทียน 2 ปิดใกล้จุดต่ำสุดอยู่ภายในลำตัวของแท่งเทียนแท่งแรก ยิ่งราคาปิดทะลุเข้าไปในลำตัวของแท่งเทียนแรกมากเท่าไหร่ยิ่งแสดงความเป็นไปได้ถึงจุดกลับตัวมากขึ้น นักเทคนิคชาวญี่ปุ่นหลายคนนิยามว่าราคาปิดของแท่ง 2 ควรทะลุไปมากกว่า 50% ของแท่งแรก ถ้าไม่ถึงครึ่งสัญญาณยังไม่ชัดเจนควรรอสัญญาณยืนยันซะก่อน

เหตุผลที่เกิดรูปแบบนี้อธิบายได้ว่าตลาดหรือหุ้นกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น แล้วมีแท่งเทียนขาวยาวเกิดขึ้น ตามด้วยราคาเปิดของแท่งต่อมาที่เปิดเป็น gap สูงขึ้นกว่าแท่งก่อน จนถึงตอนนี้ตลาดกำลังเป็นขาขึ้น แต่อยู่ๆ ราคาก็ไหลลงมาปิดที่จุดต่ำสุดหรือใกล้จุดต่ำสุดโดยราคาปิดทะลุลำตัวของแท่งก่อนหน้า เหตุการณ์นี้ทำให้คนซื้อไม่มั่นใจ

ปัจจัยที่จะเพิ่มน้ำหนักให้ dark cloud cover มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น ได้แก่
1. ยิ่งลำตัวของแท่งเทียนดำทะลุเข้าไปในลำตัวของแท่งเทียนขาวมากเท่าไหร่ยิ่งแสดงให้เห็นว่าสัญญาณกลับตัวแข็แรง แต่ถ้าปิดหมดทั้งลำตัวแสดงว่าเป็นรูปแบบ bearish engulfing ซึ่งข้อแตกต่างระหว่างทั้ง 2 รูปแบบคือ dark cloud cover จะไม่ได้ปิดทั้งลำตัว เปรียบเหมือนปรากฏการณ์จันทรุปราคาที่พระจันทร์บดบังพระอาทิตย์ ซึ่งไม่ได้บดบังทั้งหมดแต่เป็นแค่ส่วนหนึ่ง แต่ถ้าวันที่ 3 ราคาปิดสูงขึ้นอาจหมายถึงขึ้นต่อก็ได้
2. ถ้าแท่งที่ 2 เปิดเหนือแนวต้านแล้วไม่สามารถทะลุไปได้ ยิ่งแสดงว่าขาขึ้นอ่อนแอและอาจกลับตัว
3. ถ้าราคาเปิดของแท่ง 2 ซึ่งเป็นแท่งดำมีปริมาณการซื้อขายหรือ volume มากยิ่งเป็นการยืนยันแรงขาย อธิบายได้ว่าตอนเปิดๆ สูงคนรีบแย่งกันซื้อเหมือนแย่งขึ้นเรือ แต่หลังจากนั้นราคาเริ่มดีดลงและคนซื้อเริ่มรู้สึกว่าคล้ายเรือที่กำลังจมจึงรีบเทขายหรือกระโดดออก

ที่มา http://pantip.com/topic/30577794



HAMMER AND HANGING MAN
hammer และ hanging man ต้องมีลักษณะดังต่อไปนี้
1. แท่งเทียนต้องอยู่ด้านบนของแท่ง ไม่สำคัญว่าจะเป็นสีอะไร
2. หางของแท่งเทียนควรมีความยาวประมาณ 2 เท่าของตัวแท่ง ยิ่งหางยาวยิ่งส่งผลชัดเจนขึ้น
3. ไม่ควรมีไส้เทียนด้านบน หรือถ้ามีก็ต้องสั้นมากๆ ยิ่งไส้เทียนด้านบนสั้นเท่าไหร่ยิ่งมีความหมายมากเท่านั้น
*ถึงแม้สีของแท่งเทียนไม่สำคัญแต่ถ้า hammer (แท่งเทียนที่เกิดใน down trend) มีสีขาวก็จะดีกว่าสีดำ ตรงกันข้ามถ้า hanging man มีสีดำก็จะแสดงความเป็นตลาดหมีได้ชัดเจนกว่าสีขาว แต่ยังไงก็ดีควรรอการยืนยันด้วยแท่งเทียนถัดจากนั้น
.....
Hanging man แสดงให้เห็นถึงความไม่แน่นอนและอ่อนไหวของตลาดว่าจะไปต่อหรือไม่ ในวันที่เกิด hanging man ตลาดเปิดสูง หลังจากนั้นก็เริ่มมีแรงขายต่อเนื่องและพยายามดันไปจนปิดที่ยอดหรือใกล้ยอด ถ้าวันต่อมาราคาเปิด gap ลง หรือเปิดต่ำกว่าโดยจบเป็นแท่งดำยาวก็ถือเป็นการยืนยันได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
....
ภาพที่ 4.4 แสดงให้เห็นรูปแบบ hammer และ/หรือ hanging man ซึ่งสังเกตุได้ว่ามีหางยาวและแท่งเทียนสั้น โดยแท่งเทียนปิดที่จุดสูงสุดหรือเกือบสูงสุด เป็นรูปแบบการกลับตัวขึ้นอยู่กับเทรนด์ว่าอยู่ในช่วงไหน ถ้าอยู่ในช่วง down trend นั่นหมายถึงน่าจะเป็นจุดกลับตัวหรือสิ้นสุดขาลง แท่งเทียนในเคสนี้เรียกว่า hammer
....
ภาพที่ 4.5 รูปแบบ hammer หรือภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า takuri (หมายถึงการวัดความลึกของน้ำโดยแหย่ไปที่ก้น) แต่ถ้าแท่งเทียนลักษณะนี้เกิดขึ้นใน up trend หรือช่วงขาขึ้น หมายความว่าขาขึ้นนั้นอาจสิ้นสุดลง รูปแบบนี้เรียกว่า hanging man (ภาพ 4.6) ดังนั้นจะเป็น hanging man หรือ hammer ขึ้นอยู่กับตำแหน่งนั่นเอง

 ภาพที่ 4.7 จะเห็นรูปแบบ hanging man และ hammer ถึง 2 จุดในภาพเดียว จะเห็นว่าแท่งเทียนลักษณะใกล้เคียงกันหรือเหมือนกันแต่ก็ให้ความหมายที่แตกต่างกัน

 ภาพ 4.11 จะเห็นว่า hammer แท่งแรกเปิด gap ลงมาแต่แท่งเทียนที่ตามมาปิดสูงกว่าราคาปิดของ hammer จึงเป็นการยืนยันการกลับตัว แต่ hammer ต่อมาจะเห็นว่ามีลักษณะคล้าย hammer (ถึงแม้จะหางสั้น) แต่ไม่ได้อยู่ในจุดต่ำสุดหรือสูงสุดของรอบจึงไม่จัดว่าเป็นทั้ง hammer หรือ hanging man แต่ถ้ากรณีนี้แท่งเทียนอยู่ใกล้จุดสูงสุดของแท่งเทียนสีดำยาวก่อนหน้าก็อาจนับได้ว่าเป็น hanging man ดังนั้นจึงสรุปว่าไม่ใช่จุดกลับตัวแต่อย่างใด

ที่มา http://pantip.com/topic/30577794

Hammer และ Shooting Star ที่เชื่อถือไม่ได้ - คือแท่งที่เกิดระหว่างที่กราฟกำลังเป็นเทรนอยู่ ถ้าผู้เทรดเห็นแท่งเทียนใหญ่ ๆ ก่อนหน้าแล้วแท่งถัดมาเป็น Hammer หรือ Shooting Star อย่าพึ่งสวนนะครับ ผู้เทรดควรจะรอดูพฤติกรรมราคาของแท่งถัดไปก่อนว่าสามารถทะลุ High หรือ Low ของแท่ง Hammer หรือ Shooting Star ได้หรือไม่

แล้วจะเทรด Hammer และ Shooting Star ได้อย่างไร
เมื่อราคาเกิด Hammer แล้วผู้เทรดควรจะรอให้ราคาสามารถทะลุ Trendline ไปก่อนหรือรอให้แท่งถัดไปสามารถทะลุ high หรือ low ของแท่ง hammer หรือ shooting star ขึ้นไปได้เสียก่อน จึงค่อยพิจารณาเรื่องออเดอร์ครับ

Hammer และ Shooting Star ที่เกิดครั้งแรกหลังจากที่ราคาเป็นเทรนส่วนใหญ่จะให้สัญญาว่า ราคาจะพักตัว การพักตัวของราคานั้นหมายความว่าราคามีสิทธิ์ไปต่อในเทรนเดิมหรือกลับตัวก็ได้ครับ ดังนั้นเมื่อผู้เทรดเจอ Hammer หรือ Shooting Star แล้วให้ใจเย็น ๆ รอดูพฤติกรรมราคาอีกสักนิดว่าไหวหรือไม่แล้วค่อยตัดสินใจก็ยังไม่สาย ดีกว่าเข้าไปแล้วแล้วเจอราคาลากต่อแล้วก็จะได้แต่พูดว่า รู้งี้..

ที่มา http://www.konlenforex.com/2013/06/hammer-shooting-star.html



Shooting Star สัญญาณของคนเสียขวัญ

Shooting Star ดูนะครับ วันนั้นราคาหุ้นเปิดที่ระดับใกล้ต่ำสุด (หรือไม่ก็ต่ำสุดไปเลย ในกรณีที่แท่งเทียนมีสีดำ) และจากนั้นก็มีการพยายามดันราคาขึ้นไปถึงจุดสูงสุด ซึ่งก็สูงพอดูล่ะครับ เพราะไส้ด้านบนมันยาวไม่น้อยกว่า 2 เท่าของตัวเทียน จากนั้นก็หมดแรง ตกม้าตาย และตลาดก็ปิดที่ต่ำสุด หรือเกือบจะต่ำสุด (แล้วแต่สีของแท่งเทียน) จะเห็นได้ว่า วันนั้นต้องมีคนเจ็บตัวไม่น้อยทีเดียว และถ้าตลาดในช่วงที่ผ่านมามี แนวโน้มขึ้นมาเยอะแล้ว คนที่เจ็บตัวจะเริ่มรู้สึกหนาว เพราะว่าโอกาสที่ราคาจะขยับขึ้นไปอีก อาจจะ น้อยกว่าโอกาสที่ราคาจะปรับตัว และบางคนจะเริ่มระบายของทิ้ง เพราะฉะนั้น ถ้าไส้เทียนด้านบนยิ่งยาวเท่าไหร่ คนที่เจ็บตัวก็ยิ่งเจ็บตัวมาก และสัญญาณของ Shooting Star จะยิ่งเข้มข้นขึ้นเท่านั้น

จิตวิทยาเบื้องหลัง star หมายถึงเป็นช่วงตัสินใจไม่ได้ หรือลังเล ของทั้ง demand supply
ถ้าหากเกิดหลังจากที่ราคาเป็นขาขึ้นมาอย่างยาวนาน มันสื่อว่า demand อ่อนแรงลงมาก และ มีการปล่อย supply ออกเพื่อขายทำกำไรขัดขวางไม่ให้ราคาวิ่งขึ้น สื่อว่าผู้เล่นอีกฝั่งเป็นคนคุมเกม (ถ้าเป็นขาขึ้น supply คุมได้แล้ว)
ควรจำไว้ว่าแท่งก่อนเกิด star ต้องเป็นแท่งเขียวยาวตามเทรนด์
star ที่มีนัยยะ คือ ต้องเปิด gap ขึ้นต่อ แล้วไม่สามารถทำเขียวยาวได้ เป็แค่โดจิ
การยืนยันจะเกิดเมื่อแท่งราคาของวันถัดไป ร่วงลงไปทำนิวโลว์ (แท่งแดงยาว)
.
เขายังบอกอีกว่า shooting star ที่ทำรูปร่าง hammer กลับหัว ไม่ใช่ตัวยืนยันการกลับตัวของเทรนด์ แต่แค่หยุดขึ้นในระยะสั้นเท่านั้น (สู้ star ไม่ได้ว่างั้นเถอะ) มันส่งสัญญาณบอกว่าตลาดควรหยุดพักชั่วคราว
ให้ดูแท่งเทียนก่อนหน้าด้วยว่า ส่วนมากมันจะทิ้งไส้บนกันมาก่อน สิ่งนี้ได้บ่งบอกว่ามันมีปัญหาในการขึ้นมาก่อนแล้ว อีกอย่าง shooting star มักจะเกิดในโซนที่เป็นแนวต้านก่อนหน้านี้
หากการพักตัวระยะสั้นนี้จบลง ก็จะเกิดแท่งเทียนทะลุไส้บนของ shooting star ไปได้ ก็ถือว่าเคลียร์




Inverted Hammer กำลังใจมาแล้ว ถ้านายเอาเราเอาด้วย
Inverted Hammer เป็นตัวบอกสัญญาณว่า แนวโน้มลงนั้น อาจจะถึงจุดต่ำสุดแล้วก็ได้ และตลาดอาจจะเปลี่ยนแนวโน้มเป็นขึ้นได้
อย่างไรก็ดี สัญญาณของ Inverted Hammer จะอ่อนกว่าสัญญาณของ Shooting Star มาก ทั้งนี้เพราะถ้าเราคิดถึงวันที่เกิด Inverted Hammer จะเห็นว่า วันนั้น ราคาหุ้นเปิดที่ระดับใกล้ต่ำสุด และมีการดันราคาขึ้นแต่ไปไม่รอด และตลาดปิดที่ใกล้ต่ำสุดหรือต่ำสุด เหมือนเดิม อันที่จริงแล้วควรจะพูดได้ว่า แนวโน้มไม่เห็นน่าจะเปลี่ยนตรงไหน จริงๆแล้วมันก็ขึ้นอยู่กับว่า วันพรุ่งนี้ตลาดจะเป็นยังไง ถ้าตลาดในช่วงที่ผ่านมาลงมาเยอะแล้ว และวันรุ่งขึ้นราคาถีบตัวสูงขึ้นไป คนที่ขายไปเมื่อวานนี้ อาจจะเริ่มรู้สึกหนาวบ้าง เพราะว่าโอกาสที่หุ้นจะขึ้นมีเยอะกว่าโอกาสที่จะลงไปอีก อย่างไรก็ดี แนวความคิดนี้แม้ว่าจะมีเหตุผลอยู่บ้าง แต่ก็เป็นเหตุผลที่ค่อนข้างอ่อน คงต้องอาศัยความรู้สึก (Mood)ของคนในตลาดช่วยด้วย

ดังนั้น เมื่อมีรูปแบบ Inverted Hammer เกิดขึ้น ขอแนะนำให้ท่านรอดูวันรุ่งขึ้นด้วย อย่างเพิ่งผลีผลาม ต้องใช้ความรู้สึกของตลาดเข้าช่วยด้วยว่า คนที่ขายไปเมื่อวานนี้จะทำอย่างไรกัน นอกจากนี้ การใช้เครื่องมือทางเทคนิคอื่นๆ หรือ การดูตลาดในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาก็อาจจะช่วยยืนยันได้ เช่นถ้าราคาในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมากระจุกตัวอยู่ในช่วงใกล้ๆกับตัว Inverted Hammer และที่ตรงนั้นอยู่ใกล้ระดับแนวรับพอดี แสดงว่าราคาพยายามฝ่าทะลุแนวรับอยู่ แต่ท่าทางไม่ค่อยจะไหว อย่างนี้ก็ทำให้สัญญาณดูหนักแน่นขึ้นมากครับ



HAMMER AND HANGING MAN
hammer และ hanging man ต้องมีลักษณะดังต่อไปนี้
1. แท่งเทียนต้องอยู่ด้านบนของแท่ง ไม่สำคัญว่าจะเป็นสีอะไร
2. หางของแท่งเทียนควรมีความยาวประมาณ 2 เท่าของตัวแท่ง ยิ่งหางยาวยิ่งส่งผลชัดเจนขึ้น
3. ไม่ควรมีไส้เทียนด้านบน หรือถ้ามีก็ต้องสั้นมากๆ ยิ่งไส้เทียนด้านบนสั้นเท่าไหร่ยิ่งมีความหมายมากเท่านั้น
*ถึงแม้สีของแท่งเทียนไม่สำคัญแต่ถ้า hammer (แท่งเทียนที่เกิดใน down trend) มีสีขาวก็จะดีกว่าสีดำ ตรงกันข้ามถ้า hanging man มีสีดำก็จะแสดงความเป็นตลาดหมีได้ชัดเจนกว่าสีขาว แต่ยังไงก็ดีควรรอการยืนยันด้วยแท่งเทียนถัดจากนั้น

Hanging man แสดงให้เห็นถึงความไม่แน่นอนและอ่อนไหวของตลาดว่าจะไปต่อหรือไม่ ในวันที่เกิด hanging man ตลาดเปิดสูง หลังจากนั้นก็เริ่มมีแรงขายต่อเนื่องและพยายามดันไปจนปิดที่ยอดหรือใกล้ยอด ถ้าวันต่อมาราคาเปิด gap ลง หรือเปิดต่ำกว่าโดยจบเป็นแท่งดำยาวก็ถือเป็นการยืนยันได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ภาพที่ 4.4 แสดงให้เห็นรูปแบบ hammer และ/หรือ hanging man ซึ่งสังเกตุได้ว่ามีหางยาวและแท่งเทียนสั้น โดยแท่งเทียนปิดที่จุดสูงสุดหรือเกือบสูงสุด เป็นรูปแบบการกลับตัวขึ้นอยู่กับเทรนด์ว่าอยู่ในช่วงไหน ถ้าอยู่ในช่วง down trend นั่นหมายถึงน่าจะเป็นจุดกลับตัวหรือสิ้นสุดขาลง แท่งเทียนในเคสนี้เรียกว่า hammer

ภาพที่ 4.5 รูปแบบ hammer หรือภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า takuri (หมายถึงการวัดความลึกของน้ำโดยแหย่ไปที่ก้น) แต่ถ้าแท่งเทียนลักษณะนี้เกิดขึ้นใน up trend หรือช่วงขาขึ้น หมายความว่าขาขึ้นนั้นอาจสิ้นสุดลง รูปแบบนี้เรียกว่า hanging man (ภาพ 4.6) ดังนั้นจะเป็น hanging man หรือ hammer ขึ้นอยู่กับตำแหน่งนั่นเอง
ภาพที่ 4.7 จะเห็นรูปแบบ hanging man และ hammer ถึง 2 จุดในภาพเดียว จะเห็นว่าแท่งเทียนลักษณะใกล้เคียงกันหรือเหมือนกันแต่ก็ให้ความหมายที่แตกต่างกัน

ภาพ 4.11 จะเห็นว่า hammer แท่งแรกเปิด gap ลงมาแต่แท่งเทียนที่ตามมาปิดสูงกว่าราคาปิดของ hammer จึงเป็นการยืนยันการกลับตัว แต่ hammer ต่อมาจะเห็นว่ามีลักษณะคล้าย hammer (ถึงแม้จะหางสั้น) แต่ไม่ได้อยู่ในจุดต่ำสุดหรือสูงสุดของรอบจึงไม่จัดว่าเป็นทั้ง hammer หรือ hanging man แต่ถ้ากรณีนี้แท่งเทียนอยู่ใกล้จุดสูงสุดของแท่งเทียนสีดำยาวก่อนหน้าก็อาจนับได้ว่าเป็น hanging man ดังนั้นจึงสรุปว่าไม่ใช่จุดกลับตัวแต่อย่างใด

ที่มา http://pantip.com/topic/30577794



Buy the Dip
เคยแปลแนวทางการ buy on dip (ซึ่งฝรั่งเขาเรียกว่า buy the dip หรือ buying dip) เอาไว้บางส่วน แต่ยังไม่ได้แชร์ พอดีมันเด้งก็เลยเอามาให้ดู

3 Steps to Buy the Dip or Sell the Rally
https://www.dailyfx.com/forex/education/trading_tips/post_of_the_day/2013/07/01/3_Steps_to_Buy_the_Dip_or_Sell_the_Rally.html
ปกติคนเราชอบซื้อของตอนลดราคา ในตลาดหุ้นก็เช่นกัน นักลงทุนจำนวนมากมักจะตื่นเต้นและเห็นโอกาสเมื่อเห็นหุ้นลงมาต่ำ
มี 3 ขั้นตอนในการช่วยตัดสินใจในการซื้อขายสไตล์นี้
1) Determine trend direction มองเทรนด์ให้ออกว่ามันไปทิศทางไหน
2) Pick your favorite oscillator เลือก oscillator ที่ชอบ
3) Filter your signals in the direction of the trend


Trading Strategy: Buying Dips
แปลจาก http://www.financial-spread-betting.com/course/buying-dips.html
การ Buying Dips ถือเป็นเทคติกที่เวิร์คมากเมื่อตลาดเป็น bullish หรือหุ้นที่เป็นขาขึ้น Buying Dips ที่ดีก็คือการซื้อหุ้นตอนที่มันพักตัวในขาขึ้นเท่านั้น เพราะความเสี่ยงน้อย

มีจุดเช็คยังไงบ้าง?
- ตลาดเป็นขาขึ้น จะเริ่มขึ้น หรือฟื้นตัว ก็ได้ อารมณ์ประมาณคนเล่นรู้สึกคึกคักกันแล้ว
- Sector นั้นๆก็เป็นขาขึ้น
- งบการเงินของหุ้นตัวนั้นก็ดูดี กำไรเพิ่มขึ้นด้วย

เมื่อสแกนเจอหุ้นที่เข้าตามสเป็คที่ว่าก็เอามาใส่ใน watchlist จากนั้นก็รอจังหวะซื้อที่ใช่
- รอจนกว่าจะเห็นว่าราคาพักตัวในระยะสั้น
- รอต่อจนกว่าจะเห็นว่ามันพักตัวจบ
- คำนวน trade size และ stoploss
- มั่นใจแล้วก็เข้าซื้อได้
- ขายทิ้งเมื่อผิดทาง หรือ ขายทำกำไรเมื่อถึงเป้า

จุดกลับตัวที่น่าสนใจ
ดูแท่งเทียนกลับตัว ในโซนแนวรับ หรือเส้นค่าเฉลี่ยที่มีนัยยะ หรือเส้นโบลิงเจอร์แบนด์ หรือการตัดกันของ oscilator




สัญญาณกลับตัว
๑) ราคาวิ่งห่าง ema10
๒) มีการแกว่งที่รุนแรงมาก่อน แท่งเทียนทิ้งไส้ยาวบนล่างก็ได้
๓) supply ควบคุม demand ที่อ่อนแรงขึ้นเรื่อยๆ
๔) แท่งเทียนขึ้นแบบสั้นๆ
๕) วอลุ่มน้อยลง ขณะราคานิวไฮ






ชีวิตแสนง่าย เมื่อรู้จักกับ Candlestick combine
บทความนี้บอกว่า แท่งเทียนเป็นการสรุปผลของการต่อสู้ระหว่าฝั่งซื้อกับฝั่งขาย 
ซึ่งในโลกนี้มีแท่งเทียนแค่ 3 แบบ เท่านั้นแหละคือ bullish(ฝั่งซื้อชนะ), bearish(ฝั่งขายชนะ) และ indecisive(เสมอกัน)
อย่าไปเสียเวลาจำชื่อเป็นร้อยๆชื่อให้งง และเสียเวลาเลย
แล้วจะใช้งานมันยังไงล่ะ ถ้ามีแค่สามแบบเอง?
ก็ให้ถามตัวเองว่าในแท่งเทียนนั้นน่ะฝ่ายซื้อหรือขายที่กดดันจนเอาชนะ ถ้าตอบได้คุณก็จะรู้ว่าใครเป็นฝ่ายควบคุมตลาด

Simple & Complex Pullback
simple pullback คือรูปแบบการกลัวตัวของแท่งเทียนแบบง่ายๆ ซึ่งจะมี 1-3 แท่ง กลับตัวเลย ง่ายๆแบบนี้จะเป็นแค่ส่วนหนึ่งของคลื่นใหญ่ แบบนี้ใช้ ema10,20 ได้
ถ้าเกิน 3 แสดงว่าเป็น complex ต้องอาศัยการยืนยันขาขึ้น และการรวมแท่งเทียน เป็นได้ทั้งส่วนหนึ่งของเวฟ และเป็นคลื่นย่อ ถ้าเป็นแบบแรก ema10,20 ยังใช้ได้ แต่ถ้าย่อหนักก็ต้อง ema50, 100, 200 ไปเลย




อ่านบทความเพิ่มเติม
(แท่งเทียนกลับตัว) Bullish Belt Hold : เม่าตกใจขายแต่ใครตกใจซื้อ?
(แท่งเทียนกลับตัว) Morning Star Candlestick อรุณรุ่งแห่งความหวังใหม่
บันทึก SET @25/10/2018 และแท่งเทียนกลืนกิน หรือ Bullish Engulfing
วิธีการอ่านสัญญาณแท่งเทียน (Candlesticks Reading) สำหรับมือใหม่
เขียวยาวแล้วไปไหนต่อ (Big White)
แนวทางการทำความเข้าใจแท่งเทียนราคาแบบง่าย ๆ
(ใหม่) Play list คลิป เทคนิคเทรดแท่งเทียน ที่ช่อง Zyo


(แนะนำเพิ่มเติม ของฟรี)
หากต้องการศึกษาวิธีเล่นหุ้น แนะนำให้ไปอ่านบทความฟรี คลิปฟรีที่นี่ก่อนก็ได้
เรียนเล่นหุ้น เรียนเทรด forex จิตวิทยาการเทรด มือใหม่เล่นหุ้น
คลิกลิ้งนี้ครับ https://www.zyo71.com/p/index.html เป็นสารบัญเว็บนี้ครับ







และ eBook มีขายที่เว็บ https://www.mebmarket.com/index.php?action=search_book&type=author_name&search=เซียว%20จับอิดนึ้ง&exact_keyword=1&page_no=1
แยกส่วนกันนะครับ ขายคนละเจ้า
ebook หนังสือสอนเล่นหุ้น

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

เพื่อที่จะประสบความสำเร็จในการเทรดหุ้น คุณไม่ต้องรอบรู้ไม่ต้องเก่งทุกเรื่องและทุกอย่างหรอก ทำแค่ 7 เรื่องนี้ให้ได้ก็พอ....

ดูยังไงว่าเป็น Cup with Handle pattern?

อธิบาย Wyckoff Accumulation Phase แบบละเอียดยิบ

ศาสตร์และศิลปะของการปั้นพอร์ต ให้เติบโตสม่ำเสมอ Art & Science of Trading