Mindset ความน่าจะเป็น คือกุญแจสำคัญของการเทรดที่ประสบความสำเร็จ กับระบบเทรดแบบ Breakout
- Get link
- Other Apps
Mindset ความน่าจะเป็น
คือกุญแจสำคัญของการเทรดที่ประสบความสำเร็จ
กับระบบเทรดแบบ Breakout
๑) อะไรก็เกิดขึ้นได้ - ตลาดคือความคาดเดาไม่ได้
เช่น เมื่อวานราคา breakout สวยมาก
แต่วันนี้มันอาจจะร่วง false breakout หน้าตาเฉยก็ได้
.
๒) คุณสามารถทำเงินจากการเทรดได้-โดยไม่รู้อนาคต
แค่คุณมีระบบเทรดที่ได้เปรียบ (หรือ Edge) คุณก็สามารถทำกำไรได้
คุณไม่จำเป็นต้องรู้ว่าราคาจะไปถึงระดับไหน แค่ทนรวยตามแนวโน้มก็พอ
.
๓) Edge หรือ การเทรดที่ได้เปรียบนั้น ไม่ได้ชนะทุกครั้ง ไม้ได้มี Win rate 100% มันก็มีขาดทุนกำไรปะปนอยู่ในการเทรดจำนวนหลายครั้งนั้น
เพราะ Edge คือ Positive Expectancy
แม้คุณจะมี Win rate แค่ 30-35% (ระบบ trend following) แต่ถ้าผลการเทรดออกมาได้ Positive Expectancy ระบบนั้นก็มีความได้เปรียบระดับสุดยอดแล้ว
.
๔) Edge ไม่ได้หมายความว่ามันจะชัวร์ทุกครั้ง ก็แค่มันมีโอกาสเกิดเรื่องหนึ่งมากกว่าอีกเรื่องหนึ่งเท่านั้นเอง
เช่น การเทรดแบบ breakout ฐานราคา
โอกาสที่หนึ่ง: หลังจากที่มันทะลุขึ้นไปได้แล้ว มันวิ่งไปต่อ หากยังคงรักษาโมเมนตัมได้ มันก็จะวิ่งตามแนวโน้มให้กำไรก้อนโตแก่เรา
โอกาสที่สอง : หลังจากที่มันทะลุขึ้นไปได้แล้ว แต่ยืนไม่อยู่ ร่วงสวนกลับมาที่เดิม และอาจจบรอบไปเลย
อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น
Edge ของการ breakout ไม่ใช่การชนะทุกครั้ง แต่เป็นเรื่องของขนาด Reward ที่เรามีโอกาสได้ เมื่อราคาวิ่งตามแนวโน้มรอบใหญ่
ยกตัวอย่าง กรณีของหุ้นขาขึ้นรอบใหญ่
แม้คุณจะมี Win rate 30-35%
แต่ถ้าหากคุณได้หุ้นผู้ชนะที่วิ่งรอบใหญ่ ขายได้กำไรระดับ 30-50%
แล้วคุณตัดขาดทุนหุ้นผู้แพ้ที่ 5-8% อย่างเคร่งครัด
ที่สำคัญคือคุณ Position size เท่ากันทุกครั้ง แบบกระจายความเสี่ยง
คุณก็มีโอกาสได้กำไรจากการเทรดแม้จะตัดขาดทุนหลายครั้งก็ตาม
Edge ของการ breakout จึงไม่ใช่การชนะทุกครั้ง แต่เป็นการบริหาร Risk : Reward ที่เป็นธุรกิจ และ Position size ให้คุณอยู่รอดไว้ก่อน
.
๕) ทุกโมเมนต์ของตลาดนั้นมีความเฉพาะตัว
เช่น แม้หุ้น B จะมีการสร้างฐานราคาเหมือนกับที่หุ้น A เคยทำ(ซึ่งหุ้น A วิ่งได้กำไรเป็นเด้ง)
แต่หุ้น B อาจจะล้มเหลวหลังจาก breakout ก็ได้
อะไรก็เกิดขึ้นได้
ฉะนั้น คุณอย่าได้คาดหวังว่าตลาดจะต้องทำตัวตามทฤษฎี
อย่าได้คาดหวังว่าตลาดจะต้องช่วยให้คุณได้กำไร
เพราะตลาดจะไม่ทำแบบนั้นแน่
คุณจึงต้อง "รับผิดชอบตัวเอง" ถ้าราคาล้มเหลว - คุณต้องจัดการมันด้วยตัวคุณเอง ตามแผนการตัดขาดทุนที่คุณวางแผนไว้ตั้งแต่แรกเริ่ม
- Get link
- Other Apps